อีกเรืองที่เป็นเรื่องฝากจากพี่อ้อ
ที่เราได้ไปนิเทศน์งานร่วมกัน
ลองอ่านดูนะคะว่า ของเขาแรงจริงรึเปล่า (^_^)
เจ้าที่แรง
การทำงานใช่ว่าจะเป็นไปตามที่ใจเราต้องการเสมอไป ปัญหาและอุปสรรคนั้นมีไว้ให้ทุกคนได้แก้ไขตลอดทาง ดั่งคำที่ว่า
“ทางเดินไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่โรยด้วยก้านกุหลาบที่ยังไม่ได้เอาหนามออก”
อย่างเช่นการที่เราได้นำชุดทดสอบสเตียรอยด์ไปแนะนำให้ รพ.สต.ในพื้นที่ได้ใช้เพื่อเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณหรือสมุนไพรในชุมชน การดำเนินงานเช่นนี้ในหลายพื้นที่ก็ประสบผลสำเร็จมาก จนเราคิดไม่ถึง คนในชุมชนไม่ว่าจะเป็นประชาชน รพ.สต. เทศบาล ผู้นำชุมชน
โรงเรียน ให้ความร่วมมือในการดูแลสุขภาพของทุกคนในพื้นที่เป็นอย่างดี จนกระทั่งเห็นเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ มีกฎกติกาเกิดขึ้นภายในหมู่บ้าน แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไปไม่ถึงตรงนั้น ด้วยกำลังกายและกำลังใจของทีมงาน
ได้พยายามที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ โดยทีม รพ.สต. ....(ขอสงวนนาม) ได้จัดอบรมการใช้ชุดทดสอบสเตียรอยด์ให้กับ อสม. จากนั้นก็ให้ไปสำรวจและเก็บตัวอย่างเกี่ยวกับสมุนไพรหรือยาแผนโบราณมาทำการตรวจที่ รพ.สต. ทำการตรวจโดยทีม อสม. ทั้ง 10 หมู่บ้าน โดยมีทีมงาน รพ.สต.เป็นพี่เลี้ยง
เมื่อทดสอบทำให้ทราบผลเบื้องต้นว่าผลิตภัณฑ์ไหนไม่ปลอดภัย
ใครเป็นเจ้าของ
ซื้อมาจากไหน ซึ่งจริง ๆ แล้วหมู่บ้านนี้จะมีตัวแทนขายยาแผนโบราณอยู่ 2 คน
คนหนึ่งเป็นคนนอกหมู่บ้าน
อีกคนเป็นคนในหมู่บ้าน
ยาที่ขายก็เป็นยาแผนโบราณพวกลูกกลอน
ไม่มีที่ไปที่มา
สรรพคุณรักษาได้ทุกโรค
เมื่อทาง อสม.นำมาตรวจพบว่าไม่ปลอดภัย
แต่ผู้ขายไม่ได้สนใจก็ยังขายต่อ
และมีคำพูดแรง ๆ ว่า
“เขากินยาบ้าเขายังไม่ตาย จะทนทุกข์ไปทำไมถ้ากินแล้วหายปวดก็พอแล้ว”
(มีเสียงกระซิบมาข้างหูบอกว่าผู้ขายทำไมไม่กิน เออ ! นั่นซิน๊ะ ขนาดคนขายยังไม่กิน แล้วเราจะไปกินทำไมล่ะ)
โรคปวดต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นกับคนสูงวัย ถ้าใครไม่เคยปวดก็คงไม่เข้าใจว่ามันทนทุกข์ทรมารขนาดไหน นะเวลานั้นคงไม่นึกถึงโทษหรอกคิดแต่ว่าขอให้ตอนนี้หายปวดก็พอแล้ว (สำหรับบางคนนะคะ อาจจะรวมคนเขียนไปด้วย)
แต่เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ก็ไม่ได้ยินกับหูเกี่ยวกับคำพูดแรง ๆ แบบนี้มีคนมาเล่าให้ฟังอีกที ทีมศูนย์วิทย์ฯ ก็ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแรง ๆ ขนาดนี้เหมือนกัน ออกไปที่ไหนก็บอกว่าดี ไม่ได้เผื่อใจไว้ก่อน ก็น็อคไปเหมือนกัน จึงทำให้ทีมศูนย์วิทย์ ฯสงสัยว่าที่นี่ต้องเจอของแข็งแน่เจ้าที่แรงมากเลย แล้วทางทีมงานในพื้นที่เขาจะแก้ปัญหายังไง ไม่ทันจะถามเลย ก็มีเสียงหวาน ๆ ตอบมาว่า อสม.ก็ใช่วิถีทางธรรมชาติของคนชนบท
ที่มีอัธยาศัยไมตรีซึ่งกันและกันโดยบอกเป็นรายบุคคลใช้เทคนิคกระซิบข้างหูว่า
“ยาตัวนี้ไม่ดี อย่าไปกิน มันอันตราย ตรวจมาแล้ว”
ทำในลักษณะปากต่อปากค่อย ๆ บอกไปมันอาจจะใช้เวลานานสักหน่อย
แต่เมื่อมีผลประจักษ์ต่อสายตาว่าเวลากินก็หายปวดเลิกกินก็ปวดเหมือนเดิม จากนั้นชาวบ้านก็คงจะรู้แล้วว่าเสียเงินโดยได้ความสุขแค่ชั่วคราวหาได้จีรังยั่งยืนไม่ ก็หวังว่าสักวันคงจะเลิกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานไปเอง ยอมรับเลยว่า อสม.และทีมงานที่นี่เก่งมาก มีความตั้งใจสูง ความอดทนเป็นเลิศ
ไม่มีความเห็น