จดหมายถึงครู ιหมดแรงกายแต่มีกำลังใจ (๒๒ กันยายน ๒๕๕๓)


“ถ้าเราไม่หนี เราจะได้กำไรกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น กำไรเรียนรู้ทั้งภายนอกและภายใน”

เมื่อคืนวันที่ ๒๑ กว่าหนูจะเข้านอนก็ห้าทุ่มกว่า ๆ ค่ะครู

ทุกครั้งที่ตั้งใจทำอะไร สมองจะไม่หยุดคิด หยุดพิจารณา การเข้านอนจึงยากลำบากอยู่ เพราะในหัวไม่หยุดคิด ทำให้นึกถึงการนอนภาวนาที่ครูเคยพาทำ ตอนเข้าร่วมกระบวนการ จึงงัดขึ้นมาใช้

“ตามลมหายใจ แล้วก็นอนดูท้อง ไปเรื่อย ๆ”

หลับสนิท.....ขอบพระคุณค่ะครู

 

หนูทบทวนดูทุกครั้งที่หนูตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ความคิดมันจะปรากฏขึ้นมาเอง เหมือนมันดันมาจากข้างใน แล้วก็คิด ๆ ๆ บางทีก็แว๊บหายไปเฉย ๆ แล้วก็โผล่มาคิดใหม่

ตื่น เช้าวันที่ ๒๒ ประมาณตีสี่ หนูก้มลงกราบสามครั้งนั่งขัดสมาธิภาวนา เป็นสิ่งที่ช่วงหลัง ๆ มานี้ดูจะคุ้นเคยสักพักค่อยลงจากเตียงไปดูแลตนเอง ประมาณตีสี่กว่า ๆ ไปวิ่งออกกำลังกาย วันนี้อาบเหงื่อค่ะครู ตั้งใจชาร์ทพลังงานให้ตนเองเพราะต้องใช้พลังเยอะในการทำปฏิบัติการให้อาจารย์ดู และตอบคำถามเกี่ยวกับการขอรับรอง

อาบน้ำเสร็จขึ้นไปกราบพระบนห้องพระ สวดมนต์ทำวัตรเช้า

 

อย่างที่หนูเล่าให้ครูฟังในฉบับก่อนหน้านี้ หนูเข้ารับการตรวจรับรอง ๑๗๐๒๕ แบบไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ขณะที่คนอื่น ๆ เขาเตรียมกันเป็นปี  ๆ ถามว่าหนูเครียด กังวล ตื่นเต้นไหม มีค่ะครู แต่มาแป๊บ ๆ จนพี่ที่ทำงานทักว่า "แทบดูไม่ออก"

แต่หนูก็สารภาพว่า

"ก็มีอยู่นะคะ แต่เหมือนกับว่า ความดีใจมันก็มี

ความดีใจที่ได้มีส่วนร่วม

ความดีใจที่ได้ แทนคุณที่ทำงาน

ความดีใจที่ได้แทนคุณพี่ ๆ ที่เมตตาสอนการทำงาน

ครั้งนี้เหมือนได้รับโอกาส

 

พอหนูเปิดใจให้ความดีใจหล่อเลี้ยง ความกังวล ความเครียดเลยเข้ามาได้ไม่นานค่ะครู

 

 

สิ่งที่หนูทำคือ ตั้งใจ ประคองสติให้มั่น เอาใหม่ ตอนที่ดูดสารละลายปรับปริมาตรมือสั่น หนูได้ยินเสียงข้างในที่บอกตนเองว่า

“ฉันคือ ความตื่นเต้น”

“ฉันคือ ความอยากหายตื่นเต้น”

แล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย กลับมาที่ลมหายใจ แล้วก็ทำงานต่อไป

เครื่อง HPLC นิ่งได้เร็วกว่าปกติอย่างมหัศจรรย์เพราะตั้งแต่ทำงานวิเคราะห์มา ไม่เคยเร็วขนาดนี้

 ได้ผลออกรวดเร็ว ข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องเอกสาร ที่สามารถแก้ไขได้ หนูได้เรียนรู้กับสองวันนี้ว่า

“ถ้าเราไม่หนี เราจะได้กำไรกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น กำไรเรียนรู้ทั้งภายนอกและภายใน”

 

เพราะการลงมือทำปฏิบัติการครั้งนี้ หนูไม่มีความคาดหวังอะไรเลย ข้อบกพร่องในตนเองก็เห็นได้ชัดขึ้น เพราะอาจารย์มาช่วยชี้ และให้แนวทางแก้ไข ถ้าเป็นเมื่อก่อนหนูคงจะหนี ไม่มีชื่อตนเองก็คงงอน โกรธ ไม่พอใจ พาล แล้วก็จะมีคำพูดที่สะท้อนถึง โทสะ ต่อว่า ระบบการขอรับรองว่าไม่จำเป็นเพียงใด ดูเหมือนเหตุผลมาทีหลังเสมอ หนูหลบเลี่ยงสิ่ง ๆ นี้มาสามสี่ปีแล้ว แต่ครานี้มาเจอจัง ๆ ก็ประทับใจกับสิ่งที่เกิดภายในตนเองทั้ง องค์ ความรู้และการยอมรับกับตนเองถึงข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขค่ะ

แต่ก็เห็นใครหลายคน หลบเลี่ยง หาวิธีเลี่ยง หนูไม่รู้ว่า “ท่านรู้ตัวรึเปล่า”

แต่เห็นท่านแล้วก็ยิ่ง สะท้อนใจ ตนเองในอดีตชัดเจนว่า “ไม่ต่างจากท่าน”

แท้ที่จริงไม่มีอะไร แต่คนเหล่านี้สร้างภาพไว้หลอกตนเองว่า มันน่ากลัวแล้วก็หนี ยอมรับในตนเองไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหนูคงโกรธที่ท่านทำแบบนี้ หลบเลี่ยง หลบหนีทั้ง ๆ ที่เป็นคนสำคัญ เป็นคนมีอำนาจในการตัดสินใจ แต่หนูเชื่อว่า

 “ทุกคน จะได้รับผลของการกระทำของตนเอง เพียงแค่ทำให้ดีที่สุดเท่านี้ก็กำไรค่ะครู”

ตกเย็นกว่าจะสรุปข้อบกพร่องสรุปงาน แล้วก็ส่งผู้ตรวจประเมินกลับก็เกือบ ๆ จะหกโมงเย็น หนูแทบหมดแรงค่ะ ร่างกายมันเหนื่อย แต่ใจก็ไหวอยู่ โทรหาน้องที่ mail มาปรึกษาคุยกันจนหนูขับรถกลับบ้าน วางสายปุ๊บหนูนั่งลงภาวนา แล้วก็เดินจงกรม ในบ้านเพราะฝนตก แต่ร่างกายอ่อนแรงมาก ๆ ค่ะ ว่าจะพักสายตาสักหน่อย แต่หนูก็หลับสลบไป

ว่าด้วยศีล

ข้อที่หนึ่ง หนูเบียดเบียนตนเองโดยการใช้ร่างกายหนัก พอทราบก็พยายามน้อมรับแล้วก็ชาร์ทพลังงานให้ตนเองด้วยการวิ่งภาวนา และประคองสติกับลมหายใจ

ข้อสอง หนูไม่ได้ลักทรัพย์ แถมครานี้ทำงานแบบไม่คำนึงถึงเวลาค่ะครู เหมือนได้คืนกำไรให้หลวงยังไงอย่างงั้น

ข้อสาม ใจจดจ่อกับการทำงานและการตรวจประเมิน ศีลข้อนี้จึงไม่ได้ถูกตรวจสอบ อืม.....แต่คนที่หนูได้ปฏิสัมพันธ์ท่านเป็นชายที่มีกิริยาคล้ายหญิง ใจหนูก็นึกย้อนสอนตนเองว่า “ถ้าหนูทำผิดศีลข้อสามเป็นนิจก็จะเป็นไม่ค่อยต่างจากท่านเท่าไหร่” เหมือนท่านมาเป็นครูสอนใจค่ะ

ข้อสี่ ข้อนี้หนูยังนินทา อืม........เหมือนเป็นการพูดเชิงตำหนิแบบลับหลังอยู่ค่ะครู แต่ไม่ได้พูดด้วยโทสะที่พุ่งกระฉูดแต่เป็นเหมือนการเรียนปรึกษาว่า เห็นตรงกันไหม แล้วเราจะช่วยกันอย่างไร ช่วยเขาอย่างไร ประมาณนี้ค่ะครู แต่เราทั้งหมดก็สรุปและเชื่อว่า

“เมื่อเวลาที่กรรมให้ผล คนหมดสิทธิ์ต่อรอง”

แม้กระทั่งตัวหนูเองก็ได้รับผลของการกระทำแห่งตนเองทั้งสิ้น ทั้งด้านบวกและด้านลบ เหมือนมันแยกกัน แต่มันก็เกื้อกูลกันค่ะครู เช่น

ตอนที่กรรมดำให้ผล หนูทำงานชุ่ย มีข้อบกพร่องต้องแก้ไขเรื่องเอกสาร แต่ด้วยที่ได้รับการบ่มเพาะนิสัยจากครู ทำให้เปิดใจรับฟังข้อบกพร่องแล้วน้อมนำมาแก้ไข หนูรู้สึกว่า ทั้งหมดมันเกื้อกูลกันเองอยู่ภายในค่ะครู

ศีลข้อห้า หนูไม่ดื่มเหล้า การที่มุ่งมั่นจดจ่อกับงาน ทำให้หลงสั้น ลืมอะไรน้อยลง ค่ะครู

                                                                กราบขอบพระคุณครูค่ะ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 397214เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2010 07:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดี ครับ

ชอบกลวิธีการเล่าเรื่องราวมากครับ

เหมือนกับได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์

และขอให้กุศล จาก...

เรื่องราวที่แบ่งปัน

และแก่นการปฏิบัติตนของ

"คุณใบไม้ร้องเพลง"

จงมีความสุข และความเจริญ

เป็นกำลังใจให้นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท