บทบรรรยายเรื่อง
การนิเทศในศตวรรษ 21
1. หลักการแนวคิดการนิเทศ
2. องค์กรการนิเทศ ที่ได้จากการประชุม ผู้แทน ศน. ประถม มัธยมระหว่างวันที่ 14-18 กันยายน 2553
3. ยุทธศาสตร์การนิเทศ ที่ได้จากการประชุม ผู้แทน ศน. ประถม มัธยม ระหว่างวันที่ 14-18 กันยายน 2553
1. หลักการแนวคิดการนิเทศ
1.1นักเรียนเป็นสำคัญ
1.2 การกระจายอำนาจ
1.3 การใช้โรงเรียนเป็นฐาน
1.4 การประกันคุณภาพ
1.5 การนิเทศการศึกษา และเครือข่ายการนิเทศ
1.6 พฤติกรรมองค์กรของศึกษานิเทศก์
1. หลักการแนวคิดการนิเทศ
1.1นักเรียนเป็นสำคัญ
การจัดการศึกษาของชาติจะต้องใช้หลักการนี้ร่วมกัน ทุกๆ ฝ่าย นับตั้งแต่สภาการศึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคุรุสภา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน ผลจากการใช้หลักการนี้มาประมาณ
เจ็ดปี พิสูจน์แล้วว่า “อ่อนแอ” เพราะเมื่อมีการสอบของชาติ โดยสำนักทดสอบมาหลายปี ผลการสอบที่แสดงถึงความรู้ความสามารถของผู้เรียนยังไม่เกินร้อยละ 50 ของทุกกลุ่มสาระ ทุกวิชาที่มีการสอบ
การใช้หลักการนักเรียนเป็นสำคัญ ในการจัดการศึกษา จึงอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง
ชวนให้ตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การทบทวนปรับปรุงการจัดการศึกษาของชาติโดยภาพรวม และบทบาทหน้าที่ขององค์กรการนิเทศการศึกษา ที่คลุกคลีอยู่กับคุณภาพการศึกษาโดยตรง
คำถาม
ทุกฝ่ายที่กล่าวถึง เข้าใจตรงกันไหมว่า “นักเรียนเป็นสำคัญ” คืออะไร
ในฐานะผู้นำทางการศึกษาของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ทำอะไรบ้างที่จะเรียกได้ว่ายึดถือปฏิบัติตามหลักการนี้ สิ่งที่ทำไปนั้น มั่นใจได้อย่างไรว่าถึงสมองผู้เรียน และทำให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น พิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของตนเอง
ในฐานะที่ศึกษานิเทศก์ อยู่ภายใต้องค์กรทางการศึกษา ที่เรียกว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ท่านได้ทำงานในหน้าที่เต็มศักยภาพของท่านหรือไม่ เพราะเหตุใด
กิจกรรมการนิเทศของท่าน ท่านได้สัมผัส ครู ผู้บริหาร และบุคคลากรอื่นโดยประมาณนับตั้งแต่ท่านเข้าสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เดือนละกี่ครั้ง
กิจกรรมการนิเทศ เชิงปริมาณของท่านเป็นอย่างไร 5.1ให้คำปรึกษา แนะนำ ปีละกี่ครั้ง 5.2 จัดประชุมอบรมสัมมนาปีละกี่ครั้ง 5.3 เป็นวิทยากร ปีละกี่ครั้ง 5.4 ผลิตสื่อปีละกี่เรื่อง 5.5 เสนอบทความ ข้อเขียนทางวิชาการ ปีละกี่เรื่อง 5.6 วิจัยปีละกี่เรื่อง สนับสนุนให้เกิดการวิจัยปีละกี่เรื่อง 5.7 นำผลงานของโรงเรียน ครู ผู้บริหารมายกย่อง ประกาศเกียรติคุณ ครู ผู้บริหาร และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ปีละกี่ครัง กี่คน
5.8 การบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่ มีผลต่อความมาก น้อย ในการปฏิบัติ งาน เชิงปริมาณ ดังกล่าว หรือไม่อย่างไร
5.9 ครู ผู้บริหาร โรงเรียนพึงพอใจผลงานของศึกษานิเทศก์ มาก หรือ ปานกลาง หรือ น้อย เพียงใด สาเหตุของความพึงพอใจนั้นมาจากตัวศึกษานิเทศก์ หรือ การบริหารจัดการที่ใช้หลัก “นักเรียนเป็นสำคัญ” ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
1.2 การกระจายอำนาจ
เจตนารมณ์ในการจัดให้มีสำนักงานเขตพื้นที่ นัยในหนึ่งก็คือการกระจาย อำนาจทางการศึกษาที่แต่เดิมมี 13 เขตการมัธยมศึกษา 76 สำนักงานสามัญศึกษา(มัธยม)จังหวัด) และ 76 สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัด และถูกปฏิรูปเป็น 42 เขตพื้นที่การมัธยม และ183 เขตพื้นที่การประถม เขตพื้นที่การศึกษาจึงถูกซอยให้เล็กลง แต่อย่างไรก็ดี การถูกซอยเป็นเขตพื้นที่เพื่อคุณภาพการศึกษาที่แท้จริง ก็ยังใหญ่อยู่ เพราะการประถมศึกษาอำเภอที่แสนจะใกล้ชิดกับโรงเรียนหดหายไป รวมทั้ง ระบบสหวิทยาเขต ของมัธยมก็หายไป ซึ่งระบบทั้งสองที่หายไปนี้น่าจะเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้การจัดการศึกษายุคปฏรูปการศึกษาอ่อนแอ
การกระจายอำนาจที่ผ่านมาจึงเป็นการกระจายอำนาจที่ได้รับการยอมรับแล้วว่าผิดพลาด ด้วยเหตุผลเชิงประจักษ์ 2 ประการ
1) งบประมาณสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสองปีที่ผ่านมาแทนที่จะถูกส่งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กลับถูกส่งตรงไปยังแต่ละจังหวัดผ่าน โรงเรียนระดับอนุบาล 1 โรงเรียน ระดับประถมศึกษา 1 โรงเรียน และระดับ มัธยมศึกษา 1 โรงเรียน ทำให้โรงเรียนมาดูแลในเรื่องคุณภาพกันเอง
2) การประกาศเป็น 44 สำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา และ 183 เขตพื้นที่การประถมศึกษาและคงจะผิดพลาดต่อไป ถ้าหากไม่ทำให้หลักการกระจายอำนาจที่มีแนวคิดการประถมศึกษาอำเภอ และ เขตพื้นที่การมัธยมศึกษาจังหวัด และสหวิทยาเขตในจังหวัด เพื่อรองรับหลักการ “นักเรียนเป็นสำคัญ” กลับมา
ในระยะที่ยังไม่กลับมานี้ ศึกษานิเทศก์จึงจำเป็นต้องใช้ หลักการ นักเรียนเป็นสำคัญ
และหลักการกระจายอำนาจทางปัญญา ใช้หลักการนิเทศ นำ -ร่วม - เสริม อย่างถูกต้องเหมาะสมกับโรงเรียน ให้บุคคลากรของโรงเรียนรับการนิเทศผ่านกิจกรรมการนิเทศที่ถูกต้องเหมาะสม
คำถาม
1) การกระจายอำนาจจากเบื้องบนสู่เขตพื้นที่การประถมศึกษา และมัธยมศึกษาจะมีผลดีต่อการนิเทศ และงบประมาณสำหรับการนิเทศของศึกษานิเทศก์หรือไม่ เพราะเหตุใด
2) มั่นใจได้มากน้อยเพียงใดว่า การอยู่ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา จะทำให้ การนิเทศประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของโรงเรียน
1.3 การใช้โรงเรียนเป็นฐาน
การใช้โรงเรียนเป็นฐาน เป็นหลักการที่ต้องการให้โรงเรียนพึ่งตนเองบริหารจัดการตนเองได้ เป้าหมายสุดท้ายของการใช้หหลักการนี้ก็คือ คุณภาพผู้เรียนสูงขึ้นๆ ด้วยตัวโรงเรียนเองได้ และด้วยหลักการกระจายอำนาจของระดับที่สูงกว่า ที่คอยดูแลช่วยเหลือโรงเรียนอย่างถูกต้องเหมาะสมกับสภาพโรงเรียน ผู้บริหาร และครู ซึ่งกระจายกันอยู่ในท้องถิ่นที่เจริญ และห่างไกลความเจริญทางวัตถุ
ณ วันนี้เชื่อว่าหลายโรงเรียนสามารถนำตนเองได้ ทำให้คุณภาพของผู้เรียนสูงขึ้นๆ ได้ และอีกหลายโรงเรียนที่ศึกษานิเทศก์จะต้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือเพื่อให้ โรงเรียน ครู ผู้บริหาร ต้องพึ่งตนเองได้ พูดอย่างนี้เดาใจว่าท่านต้องถามว่า แล้วใครจะมาดูแลช่วยเหลือศึกษานิเทศก์ สักครู่จะตอบคำถามนี้ครับ
คำถาม
การสนับสนุนส่งเสริมให้โรงเรียนพึ่งตนเองได้ ตามแนวคิดโรงเรียนเป็นฐานจะเกิดผลดีต่อการนิเทศการศึกษาอย่างไร
1.4 การประกันคุณภาพ
การประกันคุณภาพที่เป็นแก่สารจริงๆ ก็คือ การประกันได้ว่า
"ในทุกมาตรฐานการเรียนรู้ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 นักเรียนจะต้องรู้จริง รู้ลึก รู้กว้าง เชื่อมโยงได้ สร้างองค์ความรู้ ชิ้นงาน ผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ นำเสนอ ตอบสนองทุกสถานการณ์ ทั้งในระดับห้องเรียน โรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา จังหวัด ตลอดจนระดับชาติ และนานาชาติได้อย่างมั่นใจ นำไปใช้ประโยชน์ตน-ส่วนรวมได้ตามศักยภาพพื้นฐานของแต่ละคน" การประกันได้เช่นนี้ เป็นภาระหน้าที่ของโรงเรียนที่ใช้หลักการโรงเรียนเป็นฐานอย่างเต็มความสามารถ แต่ในสภาพที่โรงเรียนต้องอยู่ภายใต้การสนับสนุนส่งเสริมของรัฐบาล ในด้านงบประมาณ อัตรากำลัง ความรับผิดชอบจึงต้องตกอยู่กับหลายฝ่ายนับตั้งแต่ระดับกระทรวงศึกษาธิการ มาจนถึง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียนโดยบทบาทหน้าที่ของงศึกษานิเทศก์ ภายใต้องค์กรที่สังกัดคือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จึงต้องมีเป้าหมายการปฏิบัติงาน ในการดูแลช่วยเหลือ ส่งเสริมสนับสนุนทางด้านวิชาการให้โรงเรียนสามารถประกันคุณภาพการศึกษาได้ ภายใต้การสนับสนุนส่งเสริมให้ศึกษานิเทศก์ปฏิบัติงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานเลขาธิการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คำถาม
1. เราจะนิเทศเนื้อหาสาระอะไร พื่อให้โรงเรียนประกันคุณภาพการศึกษาได้
2. ถ้าท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ระบบการดูแลสนับสนุนให้การนิเทศก์ปฏิบัติหน้าที่สามารถประกันคุณภาพตามนัยที่กล่าวมาได้ในเมื่อการกระจายอำนาจทางการศึกษาที่ผ่านมา ล้มเหลวดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น หากท่านไม่มั่นใจท่านจะทำอย่างไร
(ลองช่วยตอบแทนรัฐมตรี)
1.5 การนิเทศการศึกษา และเครือข่ายการนิเทศ
การนิเทศการศึกษา โดยหลักวิชา มีผู้ให้คำนิยามไว้มากมายในมิติของศึกษานิเทศก์ ตามความคิดเห็นของผมก็คือการดูแลช่วยเหลือให้ครูจัดการเรียนรู้ สู่การประกันคุณภาพตามนัยที่ผมกล่าวไว้ในข้อ 1.5 ได้ ทั้งโดยตัวศึกษานิเทศก์ทำงานส่งเสริมครู และร่วมงานกับครูโดยตรง และ การส่งเสริม สนับสนุนให้ฝ่ายบริหารของโรงเรียนเป็นนักบริหารการเรียนรู้ สามารถส่งเสริมสนับสนุนครู หรือร่วมกับครูอย่างกัลยาณมิตร ด้วยกิจกรรมการนิเทศอย่างมืออาชีพที่หลากหลาย ตอบสนองปัญหาและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายด้วยคุณภาพการนิเทศ ดังเช่น ที่กล่าวไว้ในข้อ 1.1
การนิเทศในภาวะที่มีศึกษานิเทศก์น้อย และมีอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดีเยี่ยมในปัจจุบัน เครือข่ายการนิเทศมีความจำเป็นในหลายแง่มุม ในแง่การระดมสรรพกำลังมาใช้ในการนิเทศ การยกระดับตนเองจากศึกษานิเทศก์เขตพื้นที่ใดเขตพื้นที่หนึ่ง มาเป็นศึกษานิเทศก์ของทุกเขตพื้นที่ และของทุกโรงเรียน ณ วันนี้ สามารถริเริ่มทำได้ด้วยระบบอินเตอร์เน็ต
คำถาม
จะมีแนวทางในการนิเทศในลักษณะเครือข่ายโดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ต ได้อย่างไรบ้าง 1.6 พฤติกรรมองค์กร ของศึกษานิเทศก์
ศึกษานิเทศก์ คือนักวิชาการหลาก หลายสาขาวิชา ที่ทำหน้าที่โดยใช้หลักการ ที่กล่าวมาทั้ง 5 ข้อ ข้างต้น และหลักการอื่นๆ หน้าที่ที่ทำ มีทั้งทางตรงสู่กลุ่มเป้าหมายตามความสามารถเฉพาะทาง และทางอ้อมที่ต้องทำร่วมกับเพื่อนศึกษานิเทกศ์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น เพื่อบรรลุเป้าหมายของการนิเทศ พฤติกรรมองค์กรของศึกษานิเทศก์ ที่คาดหวัง ก็คือ
1.6.1 มีเป้าหมายร่วมกัน
1.6.2 ปฏิบัติงานตามสาขาวิชาที่ถนัดด้วยตนเอง หรือ ร่วมกันหลายๆ คน
1.6.3ร่วมกันปฏิบัติงาน ทั้งในสาขาวิชาที่ถนัดแ ละไม่ถนัด ภายใต้หลักวิชาการโดยใช้แผนระยะสั้น ระยะยาว เป็นสื่อเครื่องมือในการสื่อสารที่ ให้เกียรติแก่กันเพื่อนำองค์กรการนิเทศของตนเอง ไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่มุ่งสู่ความสำเร็จของผู้เรียนผ่านครู ผู้บริหาร และกระบวนการ ของโรงเรียน
คำถาม
ความหลากหลายความสามารถของศึกษานิเทศก์ มีผลดีผลเสียต่อ วิชาชีพศึกษานิเทศก์ หรือไม่ เพราะเหตุใด
จะทำอย่างไร จึงจะทำให้ความหลากหลายความสามารถของศึกษานิเทศก์เกิดประโยชน์ สูงสุดต่อการนิเทศการศึกษาโดยภาพรวม 2. องค์กรการนิเทศ
ในหัวข้อนี้จะไม่ใช่ความคิดเห็นของคนเดียว แต่เป็นความคิดเห็นของที่ประชุมของศึกษานิเทศก์ทั้งจาก สปช. สปจ. เดิมกับผู้แทนของ กรมสามัญศึกษาเดิม ซึ่งมีประธานเครือข่ายการนิเทศของเราอยู่ 6 คน ได้แก่ ท่านหัวหน้าพิชิตพล จากเชียงใหม่ ท่านหัวหน้าวรศักดิ์ จากชลบุรี ท่านหัวหน้าอรัณ จากสงขลา ท่านหัวหน้าสัมภาษณ์ จากมหาสารคาม ท่านหัวหน้าทวี จาก โคราช ท่านหัวหน้ารังสรรค์ จาก เพชรบุรี ศน. ศน. 3 คน ได้แก่ ท่านบัณฑิต จาก อุดรธานี ท่าน เดชาจาก พิษณุโลก และผมด้วยคนหนึ่ง ทางฝ่ายประถม มีท่าน จำเริญ อดีตนายกสมาคมศึกษานิเทศก์ ปัจจุบันเป็นรอง ผอ. เขตพื้นที่ประถมศึกษาปัตตานี เขต 1ท่าน สมควร จาก สพฐ. ท่านสุภาภรณ์ หรือ ดร.ปอย นายกสมาคมศึกษานิเทศก์คนปัจจุบัน ท่านทวีศักดิ์ ท่านดิเรก ท่านวิริยะ และท่านอื่นๆ รวมแล้วประมาณ 15 คน เมื่อวันที่ 14 – 17 กันยายน 2553 ณ โรงแรมวินเซอร์สวีส กทม. ตามคำเชิญของ สพฐ. ซึ่งมีที่ไปที่มา ที่ต้องเรียนถาม ท่านหัวหน้าพิชิตพล หัวหน้าสมลักษณ์ และท่านหัวหน้าเครือข่ายอื่นๆ พวกเราเห็นตรงกันว่าถ้าจะให้พวกเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เราต้องมีองค์กรศึกษานิเทศก์ของเราเองอยู่ที่ส่วนกลางคล้าย สปช. หรือ กรมสามัญศึกษาในอดีต นั่นคือให้มี สถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มี คณะกรรมการบริหารการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายในการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมและประสานงานให้เกิดความร่วมมือในการแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมนี้ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐานนี้ประกอบด้วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประธานกรรมการ
รองลงมา มีคณะกรรมการบริหารเครือข่ายการนิเทศ สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาจังหวัด หรือ สพป. 76 จังหวัดทำหน้าที่ เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบาย ภารกิจ แผนงานพัฒนาคุณภาพการประถมศึกษา ในระดับจังหวัด ส่งเสริมและประสานงานให้เกิดความร่วมมือในการแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพการประถมศึกษา ให้มีความเป็นเลิศสู่สากล ประกอบด้วย ผอ.สพป.ทุกเขตพื้นที่ในจังหวัดเป็นที่ปรึกษา ศึกษานิเทศก์ สพป.ทุกเขตพื้นที่การศึกษา ในจังหวัด จำนวน 7 - 15 คน เป็นกรรมการ และ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 – 5 คน ให้ ผอ. กลุ่มนิเทศฯ ทุก สพป. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และเลือก ผอ. กลุ่มนิเทศฯ คนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ให้มีวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการ คราวละ 3 ปี
ทั้งนี้ ให้มีที่ตั้งสำนักงานเครือข่ายการนิเทศการประถมศึกษา ตั้งอยู่ที่ สพป. เขต 1 เลือกผอ. กลุ่มนิเทศฯ คนหนึ่ง ประธานกรรมการ
นอกจากนี้ให้มีคณะกรรมการบริหารเครือข่ายการนิเทศการมัธยมศึกษา หรือ สพม. จำนวน 19 เครือข่ายทำหน้าที่ เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบาย ภารกิจ แผนงานพัฒนาคุณภาพการมัธยมศึกษาทั้งในระดับกลุ่มจังหวัดและจังหวัด ส่งเสริมและประสานงานให้เกิดความร่วมมือในการแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพการมัธยมศึกษา ให้มีความเป็นเลิศสู่สากล ประกอบด้วย ผอ.สพม.ทุกเขตพื้นที่ในจังหวัดเป็นที่ปรึกษา ศึกษานิเทศก์ สพม.ทุกเขตพื้นที่การศึกษา ในกลุ่มจังหวัด จำนวน 10 - 15 คน เป็นกรรมการ และ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 – 5 คน ให้เลือกศึกษานิเทศก์คนใดคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ มีวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการ คราวละ 3 ปี
ทั้งนี้ ให้มีสำนักงานเครือข่ายการนิเทศการมัธยมศึกษากลุ่มจังหวัด ตั้งอยู่ในจังหวัดตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2552
เครือข่ายการนิเทศการประถมศึกษา 76 จังหวัด ทำงานเป็นเครือร่วมกันกับ ศึกษานิเทศก์ในกลุ่มนิเทศในสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา จำนวน 183 เขตพื้นที่ เช่นเดียวกันกับ 19
เครือข่ายการนิเทศการมัธยมศึกษา ที่ต้องทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกันกับ ศึกษานิเทศก์ในกลุ่มนิเทศในสำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา จำนวน 42 เขตพื้นที่ ที่สามารถทำงานอย่างเป็นเครือข่ายร่วมกับ 183 เขตพื้นที่การประถมศึกษาจังหวัด
ถ้าหากศึกษานิเทศก์เราจำนวน ประมาณ 4,000 คน ทั้งประถม และมัธยมศึกษานี้ ก็จะสามารถทำงานในองค์กรนี้ด้วยหลักการแนวคิดการนิเทศททั้ง 6 ประการ ศึกษานิเทศก์ ก็จะสามารถทำงานร่วมกันในลักษณะเครือข่ายที่มีพลังโยงใยกันทั่วประเทศด้วยการกำหนดเป้าหมาย ที่ตอบสนองหลักการ “นักเรียนเป็นสำคัญ” ร่วมกัน ปฎิบัติงาน ร่วมกัน หรือเอื้อในการใช้ทรัพยากรร่วมกันของศึกษานิเทศก์ประถมศึกษา และมัธยมศึกษภายใต้หลักวิชาการ โดยใช้แผนระยะสั้น ระยะยาว เป็นเครื่องมือสื่อสาร ตามหลักการ พฤติกรรมองค์กรของศึกษานิเทศก์ และหลักการจายอำนาจทางปัญญาจากเบื้องบนที่ศึกษานิเทศก์ และหลายฝ่ายมีส่วนร่วมในรูปของคณะกรรมการบริหารการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไปยังเบื้องล่างที่ศึกษานิเทศก์เป็นผู้ปฏิบัติ ทั้งในส่วนที่เป็นความต้องการของชาติ และความต้องการของท้องถิ่น ภายใต้การประสานแผนการนิเทศในระดับชาติ และระดับเขตพื้นที่ ที่ศึกษานิเทศก์ เป็นผู้ปฏิบัติ โดยยึดหลักการโรงเรียนเป็นฐาน และหลักการประกันคุณภาพ
คำถาม
1. การมีองค์กรการนิเทศในส่วนกลาง เชื่อมโยงกับส่วนภูมิภาค
2. จะเกิดประโยชน์ต่อคุณภาพการศึกษา และการนิเทศการศึกษา ในแง่มุมใด อย่างไร
ยุทธศาสตร์การนิเทศ
จากการระดมพลังสมองของคณะศึกษานิเทศก์ ประถมและมัธยมศึกษา
ระหว่างวันที่ 14- 18 กันยายน 2553 ณ โรงเรมวินเซอร์ กทม. ที่ผ่านมา ได้ระดมสมองคิดยุทธศาสตร์ ไว้หลายข้อ ดังนี้
1. พัฒนาการนิเทศโดยใช้ ICT
2. พัฒนาเครือข่ายโรงเรียนให้เข้มแข็ง
3. ส่งเสริมการนิเทศโรงเรียนขนาดเล็ก (พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการ
โรงเรียนขนาดเล็ก, พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโรงเรียนขนาดเล็ก)
4. การนิเทศเพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนในกำกับของรัฐบาล
(ให้หลุดจากการสังกัดเขตพื้นที่)
5. การนิเทศเพื่อส่งเสริมการประกันคุณภาพภายใน
6. การนิเทศเพื่อพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
7. การนิเทศเพื่อพัฒนาครูให้ได้ คศ.3
8. พัฒนาระบบ นำเทคโนโลยีมาใช้ในการนิเทศโรงเรียนในสามจังหวัดภาคใต้
9. แม่ฮ่องสอน และพื้นที่สูงอื่นๆ
10. นิเทศเพื่อพัฒนาโรงเรียนมาตรฐานสากล
11. นิเทศเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนตามจุดเน้น
12. การนิเทศเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนสู่ประชาคมอาเซียน
13. ประชุมทางวิชาการ ของศึกษานิเทศก์ ปีละครั้ง
14. นิเทศเพื่ออ่านออกเขียนได้
15. ส่งเสริมการนิเทศภายใน
16. จัดหาพาหนะ พขร. และค่าใช้น้ำมัน สำหรับเครือข่ายการนิเทศ
17. วิจัยเพื่อพัฒนาวิชาชีพ ศน.
18. ยกระดับการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระ
19. สรุปเอกสารวิชาการเพื่อการศึกษา
20. สังเคราะห์การนิเทศใหม่
21.การพัฒนาศึกษานิเทศก์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
22.วิจัยโรงเรียนดีใกล้บ้าน
23. พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อความสมานฉันท์ (สามัคคี คุณธรรม)
24. นิเทศเพื่อพัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษ
ขอสรุป เสนอ รวมทั้งเพิ่มเติมในรูปแบบของแผนยุทธศาสตร์ ดังนี้
แผนยุทธศาสตร์ของเครือข่ายการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(ฺBasic Education Supervising Network Strategic Plan )
วิสัยทัศน์
การศึกษาขั้นพื้นฐานได้มาตรฐานชาติและมาตรฐานสากลภายในปี 2557
พันธกิจ
1. ตอบสนองนโยบาย ทางการศึกษาของรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2. พัฒนาโรงเรียน และผู้เรียนสู่คุณภาพตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษาของชาติ และมาตรฐาน ตัวชี้วัด สมรรถนะและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลาง พุทธศักราช 2551 ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
3. ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เสริมสร้างเอกลักษณ์ความเป็นไทย และและดำรงชีวิตตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
4. พัฒนากระบวนการบริหารการเรียนรู้ของโรงเรียน กระบวนการเรียนรู้ ทักษะการคิด การดำรงชีวิต และการแสวงหาความรู้
5. ใช้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นเครื่องมือพัฒนาผู้เรียน
6. พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน และชุมชน และให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
7. พัฒนาผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ บุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ เป็นมืออาชีพ สู่ระดับสากล
8. พัฒนาระบบสารสนเทศ ให้ทันสมัย และใช้ระบบ ICT เพื่อบริหารการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้การดูแลช่วยเหลือนักเรียน การดูแลช่วยเหลือผู้บริหาร และครูให้บริหาร และจัดการเรียนรู้ในระดับห้องเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อพัฒนาการนิเทศของเครือข่ายการนิเทศ
ภาพความสำเร็จของเครือข่ายนิเทศ
ผู้เรียน
ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เรียน มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
สร้างองค์ความรู้ และผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ นำเสนอ ตอบสนองทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ นำไปใช้ประโยชน์ตน และส่วนรวมได้ ตามศักยภาพพื้นฐานของแต่ละคน
ครู
มีทักษะวิชาชีพในการพัฒนาหลักสูตร และกระบวนการเรียนรู้ ใช้สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เหมาะสมกับนักเรียน แต่ละคน หรือ แต่ละกลุ่มความสามารถ กระตือรือร้น สนใจ ใส่ใจ ดูแลช่วยเหลือนักเรียน เรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ผู้บริหาร
มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาวิชาการ หลักสูตร นวัตกรรม และกระบวนการเรียนรู้ไปสู่การยกระคุณภาพของผู้เรียนเพิ่มขึ้น โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และพัฒนาตนเองให้เป็นที่ยอมรับในระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด และระดับชาติ
โรงเรียน
เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ปลอดภัย มีภาพลักษณ์ที่ดี โดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ในระดับชุมชนที่ตั้ง ระดับจังหวัด ระดับชาติ ตลอดจนระดับนานาชาติ
ผู้ปกครองและชุมชน
ให้การสนับสนุน ดูแลช่วยเหลือ มีความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของ
ศึกษานิเทศก์ เป็นที่ยอมรับในความเป็นผู้นำทางวิชาการ ของโรงเรียนและสังคม
เป้าหมายความสำเร็จ ในปี 2557
ตามนโยบายของ เลขาธิการ สพฐ. และสำนักมัธยมศึกษาตอนปลายปี 2552
1. นักเรียนชั้น ป.3 ทุกคนจะต้องอ่านออกเขียนได้
2. นักเรียนทุกคนมีความสำนึกรักชาติ
3. สถานศึกษาใช้หลักสูตรทางเลือกโดยเฉพาะทักษะด้านอาชีพ ที่มีความเชื่อมโยงกับท้องถิ่น
4. สถานศึกษาทุกแห่งจัดทำและใช้หลักสูตรที่เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน มีการใช้
แหล่งเรียนรู้และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากชุมชน สถาบันการศึกษา แหล่งวิทยาการ
สถานประกอบการ และภูมิปัญญาในท้องถิ่น เพื่อการจัดกระบวนการเรียน
5. สถานศึกษามีการเตรียมความพร้อมนักเรียนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
6. สถานศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยของนักเรียนใน 5 กลุ่มสาระวิชาหลักจะต้องเพิ่มขึ้น
อย่างน้อยร้อยละ 4
7. สถานศึกษาทุกแห่งมีการพัฒนาครู และมีผลการประเมินมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานมาตรฐานที่ 10 : ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ อยู่ในระดับดี / ดีมาก
ความอ่อนแอทางการศึกษาในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง นีพิจารณาจากคะแนนผลการสอบระดับชาติที่กลุ่มสาระหลักๆ
ไทย คณิต วิทย์ อังกฤษ สังคม คะแนนผลการสอบไม่เกิน 55 %
นโยบายของระดับสูงก็สะท้อนให้เห็นว่าการศึกษาของเราอ่อนแอ เช่น
- นักเรียนชั้น ป.3 ทุกคนจะต้องอ่านออกเขียนได้
- สถานศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยของนักเรียนใน 5 กลุ่มสาระวิชาหลักจะต้องเพิ่มขึ้น
อย่างน้อยร้อยละ 4
- สถานศึกษาทุกแห่งมีการพัฒนาครู และมีผลการประเมินมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานมาตรฐานที่ 10 : ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ อยู่ในระดับดี / ดีมาก
แล้วจะทำอย่างไรกันดี
ก็มีการคิดกันมากมายรวมทั้งการปฎิรูปการศึกษาที่มีเขตพื้นที่ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลว เพราะโรงเรียนมัธยมต้องขอแยกออกมาเป็นเขตพื้นที่มัธยม จนแยกออกมาได้ ก็ถือว่าล้มระบบการปฏิรูปที่ผ่านมาไปได้แล้วเปราะหนึ่ง
ในมิติของผมศึกษานิเทศก์วัยเกษียณที่ทำหน้ที่นี้มา 33 ปี ก็ยังเห็นคุณค่าของศึกษานิเทศก์ ซึ่งในอดีตถูกเฟ้น ถูกคัด ถูกเลือกจากครูดีมาทำหน้าที่ศึกษานิเทศก์ว่าจะชวยการศึกษาได้ แต่ทุกวันนี้เราขาดคนคัดท้ายเรือ เรือ 175 ลำถูกคนคัดท้ายเป็นบ้างไม่เป็นบ้าง เรือจึงจมบ้าง ชนหน้าชนหลังบ้าง เรือเหล่านี้ไปไม่ถึงโรงเรียน บางลำจอดสนิท ผมเองต้องกระโดดจากเรือ มาขึ้นเรืออินเตอร์เน็ตเพื่อไปถึงโรงเรียน และก็ไมรู้เหมือนกันว่าถึงมากถึงน้อย แต่ก็มีแรงอยู่บ้างที่เห็นตัวเลขการเข้ามาอ่านเพ่มขึ้นอยู่บ้าง ก็ทำหน้าที่ไป เท่าที่จะทำได้ให้พอคุมกับที่ใช้เงินภาษีของประชาชน
ผมคิดอย่างนี้ครับถ้าเรามีนายท้ายคนเดียว คือ สถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นฐาน หรือ จะชื่ออะๆ ก็ได้ที่อยู่ในส่วนกลาง
คล้ายในอดีต ที่มีกรมสามัญ สปช. คอยทำหน้าที่คัดท้าย ให้เราทำงานเป็นเครือข่ายระหว่างพวกเรา เชื่อมโยงกับโรงเรียน ผู้บริหารครู ในปัจจุบันความเป็นเครือข่ายจะทำได้เข้มแข็งขึ้นด้วย ICT เว็บไต อินเตอร์เน็ต จะเป็นเครื่องมือในการระดมพลังสมอง ระดมการปฏิบัติที่ไปถึงโรงเรียนได้เร็วที่สุดในยุคปัจจุบัน หากศึกษานิเทศที่เหลืออยู่ประมาณ 4,000 คน รวมตัวกันเป็นองค์กรเดียวกันทั้งประถมและมัธยม แล้วดำเนินการตาม "ยุทธศาสตร์สถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย" ที่มีเป้าหมายการดำเนินงาน ต่อไปนี้ ก็คาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยได้
(ช่วยพิจารณา และเสนอทางเลือกอื่นๆ ก็ได้ครับ นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวในเบื้องต้น หากช่วยกันปรับเพิ่มเสริมแต่ง ก็อาจจะทำให้เกิดแนวคิดอื่นๆ อีก ขอบคุณครับ)
1. ร่วมกันดำเนินการให้ ครูทุกคนไม่ว่าจะสอนวิชาอะไร ชั้นไหน โรงเรียนอะไร อยู่ที่ไหน ที่กำลังจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2553 สามารถเข้าเว็บไซต์องสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อนำแผนการสอน หนังสือ สื่อการเรียน ข้อทดสอบ ที่อยู่ในโรงเรียนทั่วประทศอยู่แล้ว และที่จะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้มีการจัดทำเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบด้วยเครือข่ายการนิเทศการมัยมศึกษา และ ประถมศึกษาทั่วประเทศ ภายใต้การบริหารการเรียนรู้โดยสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2. ดำเนินการให้นักเรียนทุกคน ที่ผ่านระบบการอนุญาตให้เข้าเว็บไซต์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะอยู่โรงเรียนอะไร อยู่ที่ไหน ต้องการเรียนวิชาอะไร ชั้นไหน ที่กำลังจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ปีพุทธศักราช 2553 สามารถเข้าเว็บไซต์ อ่านหนังสือ สื่อการเรียนรู้ ทำข้อทดสอบ ได้ทันทีที่ต้องการ
3. ดำเนินการให้ศึกษานิเทศก์ ประมาณ 4,000 คน สามารถ นิเทศ กำกับ ติดตามการจัดการเรียนรู้โดยใช้เครื่องมือทาง ICT (email, blog, video conference, โครงการออนไลน์ ฯลฯ) ได้อย่าทั่วถึง และต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบด้วยระบบเครือข่ายออนไลน์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน
4. ดำเนินการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการข้าราชการครู สภาการศึกษา เลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน ตลอดจน
ผู้สนใจทั่วไปที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของครูเป็นรายบุคคล หรือโรงเรียน เขตพื้นที่ ผ่านผลการสอบระดับชาติ ตลอดจนแผนการสอน สื่อการเรียน แฟ้มสะสมผลงาน ของครูเป็นรายบุคคล โรงเรียน และเขตพื้นที่เพื่อบำเหน็จความดีความชอบ เลื่อนตำแหน่ง ยกย่องเชิดชูเกียรติ ได้ทันทีที่ต้องการ ผ่านเว็บไซต์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีความเห็นอย่างไรช่วยวิพากษ์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
การขอเป็นสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับจากผู้ใหญ่ ที่ต้องการเห็นคุณภาพการศึกษา
ซึ้งคาดว่าจะมีผลเชิงประจักษ์ภายในเดือนพฤศจิกายน 2553 นี้
ในช่วงที่รอนี้ มีนโยบายหลายอย่าง ทั้ง ของ เลขาธิการ สพฐ. และยุทธศาสตร์ 777 ของรัฐมนตรีชินวรณ์ ที่ ศน. จะต้องดำเนินการ
ในลักษณะเครือข่าย แล้วใครจะเป็นผู้รับนโยบายของเบื้องบนไปดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทันการ ครับมีคำถามที่อยากได้คำตอบมากมายในเรื่องการตอบสนองนโยบายในยุคปัจจุบัน
- สำนักวิชาการ สพฐ.ใช่ไหม
- สำนักมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ. ใช่ไหม
- เมื่อไรจะเริ้ม จะเริ่มอย่างไร
- ใครจะเริ่มก่อน
- ศึกษานิเทศก์ คนที่ดูแลคุณภาพการศึกษาโดยตรงที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจะมีส่วนช่วยอย่างไร
- จะมีการใช้ศึกษานิเทศก์ทั้งสี่พันคนอย่างไร
- ให้ศึกษานิเทศก์เขาดำเนินการเองได้ไหม
- ถ้าจะให้เขาดำเนินการเอง เบื้องบนจะทำอย่างไร
ครับก็คิดกันไป ท่านที่เข้ามาเยี่ยมโพสต์เข้ามาบ้างเล็กๆ น้อยๆก็จะดีมาก เห็นตัวเลขเข้าชมก็มากพอสมควร แต่ก็ไม่แน่ใจว่า
จะตรงใจของท่านผู้มาอุดหนุนบล็อกของผมสักกี่มากน้อย ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
สวัสดีครับ
จากการประชุมที่ผ่านมาได้มีการเสนอยุทธศาสตร์ ดังที่กล่าวไว้แล้ว เมื่อได้ขอมูลใหม่ นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้า ก็ขอเสนอแนวทางการตอบสนองนโยบายทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้
"ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้บริหารทางการศึกษาระดับสูง จะมีแนวคิดนโยบายที่จะขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาออกมาให้ระดับล่างปฏิบัติ เป็นภารกิจที่หน่วยปฏิบัติการต้องไปคิด และหาทางตอบสนองโดยเร็ว มิฉะนั้นความเป็นระดับสูงก็ไร้คุณค่า ต้องตกอยู่กับการปฏิบัติงานที่ขาดวิสัยทัศน์ แนวคิด และทิศทางในการพัฒนา ทำให้การปฏิบัติงานอยู่ในวังวนเดิมๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปสู่คุณภาพที่สูงขึ้นไม่ได้ กรณีที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ให้นโยบายเชิงยุทธศาสตร์ 777 หรือ ท่านเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ให้ทิศทางการในการจัดทำแผนปฏิบัติการปี 2554 ก็เช่นกัน การตอบสนองดุเหมือนจะล่าช้า ไม่ทันการ
เครือข่ายการนิเทศการมัธยมศึกษาซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดย ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐฎ์ ตามประกาศกระทรวงศึกษาการ เรื่อง กำหนดเครือข่ายการนิเทศการมัธยมศึกษา ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 และได้กำลังจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน จาก ฯพณฯ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ เพื่อให้ศึกษานิเทศก์ซึ่งเป็นเป็นองค์กรทางการศึกษาที่มีหน้าหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมคุณภาพการศึกษาไทยมายาวนานตระหนักถึงความรับผิดชอบในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยการตอบสนองนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานต้นสังกัดซึ่งได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงกำหนดยุทธศาสตร์ และแนวปฏิบัติการนิเทศเพื่อสอนงนโยบายของระดับสูง ดังนี้
นโยบายของ ฯพณฯ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ : " 777" พัฒนาสู่สถานศึกษายุคใหม่
1. เจ็ดแรก คือ การพัฒนา โรงเรียนดีประจำตำบลใน 4 เดือนแรก มีเป้าหมายในการดำเนินการ 7 ประการ ได้แก่
1. 1 มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เชื่อมั่นว่าทำได้จริง
1.2 มีเป้าหมายในการพัฒนานักเรียน ที่ทุกคนเข้าใจถูกต้องตรงกัน
1.3 สถานศึกษามีความสะอาด
1.4 มีบริเวณโดยรอบร่มรื่น พัฒนาให้สวยงาม
1.5 มีบรรยากาศอบอุ่นเสมือนบ้านสีสันสดใส
1.6 มีความปลอดภัย ปลอดสารเสพติด
1.7 เปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ
2. เจ็ดที่สอง คือ การพัฒนาใน 4 เดือนต่อมา ที่จะมีการพัฒนา 7 ประการ ได้แก่
2.1 มีห้องสมุด 3 ดี
2.2 มีห้องปฏิบัติการ
2.3 มีศูนย์การเรียนรู้อาชีพ
2.4 มีศูนย์กีฬาชุมชน
2.5 มีห้องสุขาที่ถูกสุขลักษณะ
2.6. มีครูที่ใช้แหล่งเรียนรู้และใช้ไอซีที
2.7 มีการบริหารที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็น ร.ร.ดีประจำตำบล
3. เจ็ดสุดท้ายจะเป็นคุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับโรงเรียนดีประจำตำบล ได้แก่
3.1 มีโรงเรียนที่มีชื่อเสียงดี มีมาตรฐานและมีคุณภาพ
3.2 มีนักเรียนที่ใฝ่รู้
3.3 โรงเรียนจะต้องมีลักษณะปลูกฝังใฝ่เรียน
3.4 โรงเรียนจะต้องปลูกฝังให้นักเรียนมีลักษณะใฝ่ดี
3.5 มีความเป็นไทย
3.6 มีสุขภาพดี
7. รักการอ่าน
ทั้งนี้ โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปดำเนินการต่อ 3 เรื่อง คือ
1. พัฒนารูปแบบโรงเรียนดีประจำตำบลให้สนองตอบต่อการเป็นโรงเรียนที่ดีใกล้บ้าน ทั้งระดับปฐมวัย ระดับการเรียนร่วม และระดับการเรียนปกติ ที่มีความพร้อมอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน
2. ต้องมุ่งเน้นให้ โรงเรียนดีประจำตำบลเป็นโรงเรียน ที่มีบุคลากรที่มีความสามารถในการสอนทุกสาระการเรียนรู้ให้เชื่อมโยงโรงเรียนเครือข่ายหรือโรงเรียนพี่เลี้ยงในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา เพื่อต่อยอดความเป็นเลิศให้กับนักเรียนในตำบล
3. ให้จัดสรรงบประมาณ เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางที่สอดคล้องกับศูนย์การเรียนรู้ชุมชุน ซึ่งจะเป็นการสร้างฐานการเรียนรู้ระดับล่างที่มีความเข้มแข็งต่อไป
นโยบายของเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) (By thaipost Created 15 Sep 2553) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่าที่ประชุมได้หารือถึงแผนปฏิบัติการของ สพฐ.ประจำปีงบประมาณ 2554 ที่มีจุดเน้น10 ข้อ ดังนี้
1.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใน 5 กลุ่มสาระวิชาหลักจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 4
2.นักเรียนชั้น ป.3 ทุกคนจะต้องอ่านออกเขียนได้
3.เพิ่มศักยภาพนักเรียนในด้านภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาสู่ ความเป็นหนึ่งในสองของอาเซียน
4.นักเรียนทุกคนมีความสำนึกรักชาติ
5.ลดอัตราการออกกลางคัน จะต้องมีความเป็นรูปธรรมขึ้น
6.สร้างทางเลือกการเรียนรู้เชิงบูรณาการ โดยจะเน้นหลักสูตรที่มีความเชื่อมโยงกับท้องถิ่น ให้โรงเรียนจัดทำหลักสูตรทางเลือกโดยเฉพาะทักษะด้านอาชีพ
7.สถานศึกษาทุกแห่งต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน
8. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ผ่านการประเมินคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานในระดับดี
9. เตรียมความพร้อมนักเรียนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และ
10.เร่งพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้
การตอบสนองโยบาย
หากพิจารณานโยบายระดับสูงแล้ว จะเห็นว่ามีทั้งยุทธศาสตร์เชิงป้าหมาย
และกระบวนการ ดังนี้
เป้าหมายด้านคุณภาพ
1. นักเรียนชั้น ป.3 ทุกคนจะต้องอ่านออกเขียนได้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใน 5 กลุ่มสาระวิชาหลักจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 4
3. ศักยภาพนักเรียนในด้านภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สู่ความเป็นหนึ่งในสองของอาเซียน
4. นักเรียนทุกคนมีความสำนึกรักชาติ
5. สถานศึกษาทุกแห่งต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน
นอกจากนั้นก็จะเป็นยุทธศาสตร์เชิงกระบวนการ ได้แก่
1. การพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล
2. ลดอัตราการออกกลางคัน จะต้องมีความเป็นรูปธรรมขึ้น
3. สร้างทางเลือกการเรียนรู้เชิงบูรณาการ โดยจะเน้นหลักสูตรที่มีความเชื่อมโยง
กับท้องถิ่น ให้ โรงเรียนจัดทำหลักสูตรทางเลือกโดยเฉพาะทักษะด้านอาชีพ
4. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ผ่านการประเมินคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานในระดับดี
5. เตรียมความพร้อมนักเรียนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และ
6. เร่งพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ยุทธศาสตร์การนิเทศเพื่อตอบสนองนโยบาย
เป้าหมายการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ที่ครอบคลุมเป้าหมายของนโยบายระดับสูง
"ในทุกมาตรฐานการเรียนรู้ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 นักเรียนจะต้องรู้จริง รู้ลึก รู้กว้าง เชื่อมโยงได้ สร้างองค์ความรู้ ชิ้นงาน ผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ นำเสนอ ตอบสนองทุกสถานการณ์ ทั้งในระดับห้องเรียน โรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา จังหวัด ตลอดจนระดับชาติ และนานาชาติได้อย่างมั่นใจ นำไปใช้ประโยชน์ตน และส่วนรวมได้ตามศักยภาพพื้นฐานของแต่ละคน"
การดำเนินการนิเทศตามนโยบายภายใต้การดำเนินงานของเครือข่ายการนิเทศและสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงควรมียุทธศาสตร์และแนวปฏิบัติ
1. พัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล
2. สร้างความสำนึกรักชาติ
3. ส่งเสริมการจัดทำ และการใช้หลักสูตรท้องถิ่นที่เน้นวิชาชีพ
4. เตรียมความพร้อมนักเรียนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
5. ส่งเสริมให้สถานศึกษาทุกแห่งผ่านการรับรองมาตรฐาน (อย่างยั่งยืน)
1. การพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล โดย
1.1 จัดทำคู่มือโรงเรียนประจำตำบล
1.1.1 คู่มือแนวทางการจัดการเรียนรู้ 1.1.2 คู่มือการบริหารการเรียนรู้
1.1.3 คู่มือการนิเทศภายในและภายนอก
1.2 พัฒนาศึกษานิเทศก์ ผู้บริหาร และครูแกนนำประจำศูนย์พัฒนาวิชาการ
1.3 ศึกษานิเทศก์ ครูแกนนำขยายผลไปยังโรงเรียน
1.4 ศึกษานิเทศก์ นิเทศ กำกับติดตาม สนับสนุนส่งเสริม
2. สร้างความสำนึกรักชาติ โดย
2.1 จัดทำคู่มือแนวทางการจัดการเรียนรู้ความสำนึกรักชาติ
2.2 จัดทำคู่มือแนวทางการนิเทศ
2.3 พัฒนาศึกษานิเทศก์ในระดับเครือข่ายการนิเทศ เพื่อขยายผลแก่ศึกษานิเทศก์
ในแต่ละเครือข่าย และโรงเรียนตามลำดับ
2.4 ศึกษานิเทศก์นิเทศ ติดตาม และสนับสนุน ส่งเสริม
3. ส่งเสริมการจัดทำ และการใช้หลักสูตรท้องถิ่นที่เน้นวิชาชีพ
3.1 จัดทำคู่มือแนวทางการจัดทำ และการใช้หลักสูตรท้องถิ่นที่เน้นวิชาชีพ
ส่งให้โรงเรียน
3.2 ศึกษานิเทศก์นิเทศ ติดตาม และสนับสนุน ส่งเสริม
4. เตรียมความพร้อมนักเรียนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
4.1 จัดทำคู่มือแนวทางการจัดการเรียนรู้สู่ประชาคม อาเซียน
ที่มีการนำแนวคิดโรงเรียนมาตรฐานสากลไปยังทุกโรงเรียน
4.2 พัฒนาศึกษานิเทศก์ ผู้บริหาร และครูแกนนำประจำศูนย์ศูนย์พัฒนาวิชาการ
4.3 ศึกษานิเทศก์ ครูแกนนำขยายผลไปยังโรงเรียน
4.4 ศึกษานิเทศก์ นิเทศ กำกับติดตาม สนับสนุนส่งเสริม
5. ส่งเสริมให้สถานศึกษาทุกแห่งผ่านการรับรองมาตรฐาน (อย่างยั่งยืน) โดยพัฒนาเว็บไซต์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีคุณลักษณะ ดังนี้
5.1 ครูทุกคนไม่ว่าจะสอนวิชาอะไร ชั้นไหน โรงเรียนอะไร อยู่ที่ไหน ที่กำลังจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2553 สามารถเข้าเว็บไซต์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อนำแผนการสอน หนังสือ สื่อการเรียน ข้อทดสอบ ที่อยู่ในโรงเรียนทั่วประทศอยู่แล้ว และที่จะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้มีการจัดทำเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบด้วยเครือข่ายการนิเทศการมัธยมศึกษา และประถมศึกษาทั่วประเทศ ภายใต้การบริหารการเรียนรู้โดยสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน
5.2 นักเรียนทุกคน ที่ผ่านระบบการอนุญาตให้เข้าเว็บไซต์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะอยู่โรงเรียนอะไร อยู่ที่ไหน ต้องการเรียนวิชาอะไร ชั้นไหน ที่กำลังจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ปีพุทธศักราช 2553 สามารถเข้าเว็บไซต์ อ่านหนังสือ สื่อการเรียนรู้ ทำข้อทดสอบ ได้ทันทีที่ต้องการ
5.3 ศึกษานิเทศก์ ประมาณ4,000 คน สามารถ นิเทศ กำกับ ติดตามการจัดการเรียนรู้โดยใช้เครื่องมือทาง ICT (forum,email, blog, video conference, โครงการออนไลน์ ฯลฯ) ได้อย่าทั่วถึง และต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบด้วยระบบเครือข่ายออนไลน์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน
5.4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการข้าราชการครู สภาการศึกษา เลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน ตลอดจน
ผู้สนใจทั่วไปที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของครูเป็นรายบุคคล หรือโรงเรียน เขตพื้นที่ ผ่านผลการสอบระดับชาติ ตลอดจนแผนการสอน สื่อการเรียน แฟ้มสะสมผลงาน ของครูเป็นรายบุคคล โรงเรียน และเขตพื้นที่เพื่อบำเหน็จความดีความชอบ เลื่อนตำแหน่ง ยกย่องเชิดชูเกียรติ ได้ทันทีที่ต้องการ ผ่านเว็บไซต์ของสถาบันการนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน"
แนวทางนี้เป็นแนวคิดเบื้องต้นที่คิดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาได้ส่วนหนึ่ง ท่านอ่านแล้วมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด หรือจะให้ข้อมคิด ข้อเสนอแนะอย่างไร ก็เชิญนะครับ
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ ถ้าทำได้จริงจริง ทำไมน้อ ผู้ปกครองเด็กจึงยอมตลอด ในขณะที่ผลการเรียนลูกต่ำลงทุกปี