บ่อเกิดปรัชญา
ปรัชญาเมื่อกล่าวถึงบ่เกิดใหญ่ๆแล้วมีอยู่ 2 อย่าง
1.ความพิศวงสงสัย
มนุษย์ไม่ว่ายุคไหนต่างก็มีความพิศวงสงสัยด้วยกันทั้งนั้น อย่างเช่น สมัยโบราณ เมื่อมนุษย์ประสบกับสิ่งที่ก่อให้เกิดความพิศวงสงสัย เช่น ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อุทกภัย
มนุษย์มีปกติพิศวงสงสัยอยู่เสมอเมื่อประสบกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทั้งด้านรูปธรรมและนามธรรม
รูปธรรมคือสิ่งที่สามารถรู้ได้ทางประสาทสัมผัส โลกคืออะไร เกิดจากอะไร เกิดมาเมื่อไร มีลักษณะอย่างไร จะแตกดับหรือไม่ ส่วนนามธรรม เช่น จิตคืออะไร เมื่อตายแล้วจะไปเกิดอีกหรือไม่ โลกหน้ามีจริงไหม บุญบาปมีหรือไม่ ความดีคืออะไร ความชั่วคืออะไร ความถูกผิดมีจริงหรือไม่ ปัญหาต่างๆเหล่านี้ทำไห้มนุษย์ครุ่นคิดทางปรัชญา อาริสโตเติลกล่าวว่า “สถานการณ์ของชีวิตนั่นเองที่บังคับให้เราคิดเชิงปรัชญา” หรือ “จากความประหลาดใจที่ทำให้มนุษย์ไม่ว่าสมัยก่อนหรือสมัยนี้เริ่มคิดปรัชญากัน” หรือ “ปรัชญาเป็นเรื่องสะท้อนจากชีวิต การวิจารณ์ชีวิตและปรัชญา”
2. ความปรารถนาที่จะพ้นไปจากสังสารวัฏ
ชีวิตคนเราเกิดมาต้องประสบความทุกข์นานาประการ ทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ ทุกข์กายเช่นต้องการอาหารมาระงับความหิวกระหาย ต้องทนต่อความหนาวร้อน ส่วนทางใจยิ่งทุกหนักไปกว่าทางกายเสียอีกแต่เมื่อสรุปแล้วมี 3 อย่างคือปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์พลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ และตรงกันข้ามคือ ได้สิ่งไม่ปรารถนาก็เป็นทุกข์อีก หรือสรรพสิ่งล้วนแต่ตกอยู่ในกฎแห่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารถาวร
วิชาปรัชญาก็ คือ วิชาแห่งปัญญา เพื่อค้นคว้าหาความจริงของสิ่งต่างๆมาตอบสนองความต้องการอยากรู้อยากเห็นของตน เพราะฉะนั้น ทุกวิชาจึงเป็นปรัชญาทั้งสิ้น
กล่าวกันว่ามนุษย์เป็นสัตว์ปรัชญา เพราะมนุษย์มิได้พอใจที่จะมีชีวิตไปวันหนึ่งๆเท่านั้น แต่ปรารถนาจะรู้สิ่งต่างที่ยังสงสัยให้ และก็เพราะความใฝ่รู้ของมนุษย์นี่เองจึงทำให้มนุษย์ฉลาด จนก้าวขึ้นสู่ฐานะที่สูงกว่าสัตว์ทั้งหลาย
ไม่มีความเห็น