๓ เมษายน ๒๕๕๓
ฮาโกเน่ Hakone คงเป็นจุดหมายยอดนิยมที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวไทยเพราะทัวร์ญี่ปุ่นมักพากันไป ด้วยอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว มีทั้งธรรมชาติและกิจกรรมมากมายให้ได้สนุกกันทุกวัย หลายรูปแบบ
การที่เราพักที่เมืองฟูจิซาว่าทำให้เหมาะมากที่จะไปเที่ยวฮาโกเน่แบบเช้าไปเย็นกลับ
หลังจากเราออกจากเมืองชิซูโอกะเลยเที่ยงไปแล้ว ก็ต่อรถไฟJRไปยังสถานีโอดะวาระ Odawara ซึ่งจะเป็นจุดที่เข้าสู่บริเวณการท่องเที่ยว ฮาโกเน่
จากจุดนี้ตั๋วJR Pass ใช้ไม่ได้แล้ว เราจะต้องจัดการซื้อบัตรผ่านที่เรียกว่า Hakone Free Pass ซึ่งไม่ได้แปลว่าฟรี ไม่เสียเงิน แต่หมายถึงมีบัตรนี้จะเป็นอิสระในการใช้พาหนะที่แตกต่างกันถึง ๕ ประเภทในการไปตามจุดต่างๆและเข้าชมสถานที่ธรรมชาติจุดต่างๆมีสวนทั้งแบบ Garden และ Park ให้แวะชมถึง ๖ แห่ง รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีถึง ๑๕ แห่ง โดยไม่ต้องไปเสียเงินค่าเข้าชมหรือเสียเวลาเข้าคิวด้วย
นักท่องเที่ยวที่เริ่มต้นจากโตเกียวมักซื้อเป็นแพ็คเกจที่รวมการเดินทางด้วยรถไฟไป-กลับของบริษัท โอดะคิว Odakyu (ซึ่งออกจากสถานีชินจูกุ) และค่าใช้จ่ายพาหนะและค่าเข้าชมในบริเวณที่กำหนด ตั๋วรถไฟ ไป-กลับ หนึ่งเที่ยว บวกค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ ราคา ๕๐๐๐ เยน(ราว ๑๗๕๐ บาท) ใช้เข้าชมบริเวณฮาโกเน่ได้ ๒ วัน
พวกเราใช้วิธีเริ่มต้นจาก โอดะวาระ ซื้อเฉพาะการเดินทางและเข้าชมในบริเวณที่กำหนด บัตรราคา ๓๙๐๐ เยน(ราว ๑๓๗๐ บาท) ใช้ได้สองวันเหมือนกัน
ฮาโกเน่ เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติชื่อ Fuji-Hakone-Izu National Park
http://www.japan-guide.com/e/e5200.html
วันนี้มาถึงก็บ่ายแล้ว กว่าจะจัดการซื้อ Hakone Free Pass พยายามทำความเข้าใจเอกสารว่าเราจะทำอะไรอย่างไร เพราะข้อมูลมาก เส้นทางและพาหนะหลากชนิดก็ทำให้งวยงงไปหมด เลยตัดสินใจ Go with the flow หาทางไปขึ้นพาหนะต่างๆตามๆเขาไป ขึ้นพาหนะแรกคือ Hakone Tozan Train ปลายทางคือ Gora
http://www.hakonenavi.jp/english/traffic/use/tozantrain.html
ระหว่างทางมีจุดจอดหลายที่เพื่อรับ-ส่งคนที่แวะชมบ่อน้ำพุร้อน สวน และพิพิธภัณฑ์ต่างๆเช่น Open Air Museum ตามที่ระบุไว้ในแผนที่ พวกเรานั่งยาวรวดเดียวเลยเพราะยังงงๆ ได้ตื่นตากับทิวทัศน์จากบนรถไฟพิเศษนี้พาเราไต่ขึ้นเนินเขาความสูงถึง ๓๐๐ เมตร บางแห่งเป็นมุมเลี้ยวเกือบหักศอก หากอยากชมวิวดีต้องอยู่ตอนหน้าๆของขบวนค่ะ
พอถึงสถานี Gora แล้วก็ไปต่อพาหนะอีกประเภทเลย คือ Hakone Tozan Cablecar หน้าตาเป็นเหมือนรถไฟ ที่จริงก็คือรถรางประเภทหนึ่งที่ใช้กับการขึ้นสู่ที่สูงชัน เรียกว่า Funicular railway คือวิ่งบนรางและมีสายเคเบิลดึงขึ้นลง เส้นทางเกือบเป็นเส้นตรงระยะ ๑.๒ กิโลเมตร ที่ใช้เวลาวิ่ง ๑๐ นาทีไปลงปลายทางที่สถานีชื่อ Sounzan เป็นทางไต่ขึ้นเขาที่ชันมาก
จากจุดเริ่มถึงปลายทางเป็นการไต่ระดับความสูงชัน ๒๑๑ เมตรค่ะ จะเห็นชัดหากอยู่ท้ายขบวนแล้วมองดู เขาแวะจอดให้ขึ้นลงสี่สถานีก่อนถึงจุดหมาย เช่นเคยค่ะพวกเรานั่งสุดทาง
พอลงที่สถานี Sounzan ป้าๆก็มุ่งหน้าไปพาหนะประเภทที่สาม คือ Hakone Ropeway คราวนี้พาหนะพาห้อยทะยานไปกลางอากาศ อยู่บนนี้เห็นวิวดีมากค่ะและจะเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยหากอากาศดี จะเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิในฮาโกเน่
http://www.japan-guide.com/e/e5210.html
ปีนี้Hakone Ropeway ครบรอบ ๕๐ ปีที่เปิดให้บริการ
แปลกมากที่วันนี้ก็อากาศดีมีแดดไม่มีฝนแต่ฟ้ากลับไม่กระจ่าง เราเลยไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิ สงสัยจะให้ต้องกลับมาเยือนญี่ปุ่นกันอีก รถกระเช้านี้เขาก็แวะจอดสองที่ก่อนจะถึงจุดหมายคือ ทะเลสาบอะชิ โดยสถานีสำคัญที่ทุกคนมักแวะ คือสถานี โอวาคุดานิ Owakudani
ที่สถานีโอวาคุดานินี้ นักท่องเที่ยวจะต้องลงเดินเพื่อไปชมบ่อกำมะถัน บ่อน้ำพุร้อนโคลนเดือด ชิมไข่ดำ Kuro-tamago เป็นไข่ต้มในน้ำพุร้อนที่มีกำมะถันสูง ดำแต่เปลือกนะคะ ปอกออกมาข้างในก็ขาวปกติ จะมีกลิ่นกำมะถันอยู่ด้วย
http://en.wikipedia.org/wiki/%C5%8Cwakudani
ว่ากันว่าใครได้กินไข่หนึ่งลูกจะอายุยืนไป ๗ ปี ป้าๆไม่เชื่อหรอกค่ะ เราเลยไม่แวะลงไปดมกำมะถันเหม็นๆ หรือชิมไข่ให้โคเลสเตอรอลกระฉูด จากรถกระเช้าเรามองลงไปก็เห็นควันพวยพุ่ง แหล่งกำมะถันสีเหลืองอยู่เป็นกลุ่มๆ
กำลังจะลงRopeway ที่สุดทาง สถานีชื่อ โทเก็นได Togendai
ตอนหน้าค่อยมาเล่าต่อนะคะว่า มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อถึงสถานีโทเก็นได ซึ่งอยู่ติดทะเลสาบอะชิ Ashi Lake
สวัสดีค่ะ
อ่านและชมภาพ คุณพี่นุชเล่าอย่างละเอียดดีจังค่ะ ดาได้ไปแอ่วด้วยเลย ขอบคุณมากนะคะ ดาทำวุ้นว่านหางจระเข้ค่ะ อร่อยดีหวานๆเย็นๆชื่นใจค่ะ กลับมาลองทำนะคะ
ขอบคุณค่ะที่ให้ได้ชื่นใจกับว่านหางจระเข้หวานเย็น คุณดาเป็นคนละเอียดมีฝีมือหลายอย่างนะคะ
มาอ่านเหมือนไปเที่ยวด้วยกันนะคะ ยิ่งตอนนี้ไม่เหนื่อยเดินเลย ก็เล่นอยู่บนพาหนะต่างๆจนสุดทาง ชมวิวพอเพลินๆค่ะ
สวัสดีค่ะ ตามไปเที่ยวฮาโกเน่ด้วยค่ะ
ต้อมตีตั๋วชมบันทึกพี่นุชก็ตอนเย็นย่ำจวนได้เวลาเลิกงานพอดี และขอบอกผ่านไข่สีดำๆ ด้วยคนค่ะ อิอิ งั้นนั่งอ้าปากหวอ..รอดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อถึงสถานีโทเก็นได ซึ่งอยู่ติดทะเลสาบอะชิ Ashi Lake ดีกว่า ว่าแต่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ? อยากรู้ๆๆ ^^
ป.ล. ได้เจออา(จารย์)จ๊ะแล้วค่ะ ยังตื่นเต้นไม่หายเลยเนี่ย เธอแซวด้วยว่า "มือต้อมเย็นจัง" และผ่านไปนานก็ยังไม่หายเย็นเลย ฮึ! ไม่ได้เย็นแค่มือหรอก ก็เย็นทั้งตัวโตๆ นั่นล่ะค่ะ
ยินดีค่ะคุณKRUDALA ตามมาติดๆนะคะ กำลังทยอยลง เดี๋ยวจะกลายเป็นเล่าข้ามปีเหมือนครั้งไปชมใบไม้แดงเมื่อสองปีที่แล้วค่ะ ขอบคุณที่มาตามอ่านค่ะ
ไม่ยักกะรู้ว่าน้องสาวตัวกลมเนปาลี จะตื่นเต้นกับตอนต่อไป อิ อิ แกล้งปล่อยมุข
ยังไม่ได้ตอบจดหมายฉบับยาวๆของเรากันเลยค่ะ ปล่อยให้คุณต้อมได้ย่อยซึมซับสาระอย่างสบายๆ
อาจารย์จ๊ะน่ารักมาก ใจดีมากด้วย ยิ้มตลอด ขนาดนี้คุณต้อมยังตื่นเต้นมือเย็น เขาว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ต้องหมั่นพบคนโน้น คนนี้บ่อยๆ ได้ตื่นเต้นบ่อยๆแล้วก็จะหายตื่นเต้นเอง ดีไหมคะ
กำลังจะลงตอนต่อไปให้ติดตาม ไม่มีอะไรที่ต้องตื่นตกใจหรอกค่ะ ^____^
ก็พี่นุชทิ้งท้ายบันทึกให้ชวนติดตาม ต้อมก็เลย เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้นกับชาวทริปหรือเปล่านะ??????? ลุ้นระทึก..ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ตกรถตกรากันหรือเปล่านะ หรือ....ก็จินตนาการแล่นลิ่วไปเสียก่อนแล้ว อิอิ ^^
พี่จ๊ะ (ดาวลูกไก่)ถามว่า..ขนาดเจออา(จารย์)จ๊ะยังตื่นเต้นขนาดนี้ นี่ถ้าเจอพี่นุชกับพี่อ็อด ต้อมจะเป็นอย่างไรนะ???????
คงจะเป็นลมไงเนอะ อิอิ ^^
นั่งรอบันทึกตอนต่อไปค่ะ
อิ อิ คุณต้อมเจ้าเนปาลี ตื่นเต้นไปได้...จะให้ตื่นเต้นคงต้องว่ายน้ำตามเรือที่ออกไปแล้วเนอะ
กลัวคุณต้อมช็อค ไม่อยากแกล้งน้อง ปล่อยให้หลบตามสบายค่ะ