นปส.55 (53): ร้อยใจหนึ่งเดียว


เฟรด แซนบอร์น กล่าวว่า “การมีฝูงกวางที่นำโดยสิงโตตัวหนึ่ง ย่อมดีกว่าการมีสิงโตฝูงหนึ่งถูกนำโดยกวางตัวหนึ่ง”

(53): ร้อยใจหนึ่งเดียว

ปลายสัปดาห์ที่ 16 ของการฝึกอบรมแล้ว เกือบสามเดือนที่ผมเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆจากหนังสือ “มองโลก 360 องศา “The 360 Leader” สร้างอิทธิพลรอบทิศไม่ยึดติดตำแหน่งหน้าที่” เขียนโดย John C. Maxwell แปลโดยจิรายุทธ์ ประเจิดหล้า และเรียบเรียงโดย ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ของสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ได้หลายประเด็นด้วยกัน การเป็นผู้นำระดับกลางที่ไม่ใช่ผู้บริหารสูงสุดควรจะทำอย่างไร ที่จะมีอิทธิพลต่อผู้อื่นได้โดยไม่ใช้อำนาจการบังคับบัญชาซึ่งท้าทายมาก การเป็นผู้นำโดยมีอิทธิพลเหนือผู้อื่นโดยไม่เน้นตำแหน่งหน้าที่

จอห์น แม๊กซ์เวลล์ มีคำแนะนำคำคมในเรื่องภาวะผู้นำเยอะมากและมีการยกคำพูดที่เด่นๆของคนอื่นๆประกอบด้วย เขาเขียนไว้ว่า “ผู้นำที่ดี ย่อมรู้ว่าควรแสดงอารมณ์เมื่อไร และเวลาใดควรเก็บอารมณ์ไว้แสดงออกภายหลัง ...สิ่งสำคัญของการเป็นผู้นำตัวเองให้ดีคือ การเรียนรู้วิธีควบคุมตนเอง...เวลาหนึ่งนาทีของการคิดมักมีคุณค่ามากกว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงของการพูดคุยหรือการทำงานที่ปราศจากการวางแผน...แม้ผู้นำไม่ต้องทำงานหลายอย่าง และมอบหมายงานหลายอย่างให้ผู้อื่นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้นำองค์กรทิ้งไปไม่ได้คือ การรับความรับผิดชอบสูงสุด

เอ็ม สก๊อต เพค กล่าวว่า “คุณจะไม่เห็นคุณค่าของเวลาที่มีอยู่ จนกว่าจะเห็นคุณค่าของตัวเอง คุณจะไม่ยอมใช้เวลาทำอะไรให้เกิดประโยชน์ จนกว่าจะเห็นคุณค่าของเวลาที่มีอยู่

แม๊กซ์เวลล์ ได้สรุป “บันไดของภาวะผู้นำ” ออกเป็น 5 ขั้นจากต่ำสุดไปสูงสุด ดังนี้

  1. ตำแหน่งหน้าที่: สิทธิ์ ผู้คนยอมตามเพราะเขาต้องทำ
  2. การยินยอม: ความสัมพันธ์ ผู้คนยอมตามเพราะเขาอยากตาม
  3. การสร้างผลงาน: ผลงานที่ทำสำเร็จ ผู้คนยอมตามเพราะสิ่งที่คุณทำให้องค์กร
  4. การพัฒนาผู้คน: การสร้างผู้นำขึ้นมาใหม่ ผู้คนยอมตามเพราะสิ่งที่คุณทำให้เขา
  5. ความมีลักษณะเฉพาะตัว: ความเคารพนับถือ ผู้คนยอมตามเพราะบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวของคุณและสิ่งที่คุณแสดงออกมา

เขากล่าวไว้อีกว่า “คุณอาจให้ตำแหน่งบางคนได้ แต่ไม่สามารถให้การเป็นผู้นำที่แท้จริงแก่เขาได้ เพราะการมีอิทธิพลต่อผู้อื่นต้องได้มาด้วยตนเอง...คนเราควรพยายามก้าวไปให้ถึงความสามารถสูงสุดของตน ไม่ใช่ก้าวไปให้ถึงตำแหน่งสูงสุดขององค์กร” เฮนเรียตตา เมียร์ กล่าวว่า “บุคคลผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วยเหลือผู้ต่ำต้อยกว่าจะไม่มีเวลาริษยาผู้ที่เหนือกว่า” ในขณะที่จอห์น น๊อค กล่าวว่า “คุณจะสร้างความเป็นศัตรู และจูงใจผู้อื่นในเวลาเดียวกันไม่ได้”

แม๊กซ์เวลล์ บอกว่าเคล็ดลับที่สำคัญที่สุดคือ “จงนึกถึงการมีอิทธิพลต่อผู้อื่น ไม่ใช่นึกถึงตำแหน่งหน้าที่” นั่นคือ Influence มาจากคำภาษาอังกฤษ 9 คำ คือ

I = Integrity ความยึดมั่นต่อสิ่งที่ถูกต้อง สร้างความสัมพันธ์ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ

N = Nurturing การช่วยพัฒนาผู้อื่น ห่วงใยผู้คนในฐานะเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน ไม่ใช่ห่วงใยพวกเขาเพราะมีตำแหน่งหน้าที่

F = Faith ความศรัทธาเชื่อมั่นในตัวผู้คน

L = Listening การรับฟัง ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผู้อื่นพูด

U = Understanding ความเข้าใจ มองสิ่งต่างๆจากมุมมองของผู้อื่น

E = Enlarging การทำให้ผู้อื่นยิ่งใหญ่ขึ้น ช่วยเหลือให้ผู้อื่นยิ่งใหญ่ขึ้น

N = Navigating การจัดการเรื่องที่ยากลำบาก ช่วยเหลือผู้อื่นแก้ไขเรื่องที่ยากลำบาก

C = Connecting การเชื่อมความสัมพันธ์ ริเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

E = Empowering การมอบออำนาจ ให้อำนาจผู้อื่นเป็นผู้นำ

วันพุธที่ 4 สิงหาคม 2553 ยังคงมีการนำเสนอIS ต่อเนื่อง แต่ละคนที่นำเสนอและเนื้อหาหัวข้อเรื่องเป็นที่น่าสนใจมาก และนำเสนอกันได้ดีทั้งนั้น โดยเฉพาะพี่สุ ที่นำเสนอได้อย่างสนุกสนาน มีอุปกรณ์ประกอบ แม้จะเลยเวลาไปบ้างก็ตาม

พี่สุหรือสุมาลี ทั่งพิทยกุล ผู้อำนวยการโครงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพ กรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นคนจริงจังที่สนุกสนาน ช่วยสร้างบรรยากาศในห้องเรียนได้ดี พอๆกับพี่ชูและพี่หน่อง เป็นคนจริงใจ ไม่ถือตัว คุยสนุก และมักถูกเพื่อนๆแซวหรืออำเสมอๆ

การนำเสนอของพวกเราแล้วเสร็จราวบ่ายสามโมง พวกเราต้องรีบไปเปลี่ยนเป็นชุดลูกเสือ เพื่อมาเข้าสอบการเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการลูกเสือและรับชุดเครื่องหมายสองท่อนกับผ้าพันคอ การสอบไม่ยุ่งยากนัก หลังสอบก็เป็นการมอบเครื่องหมาย ใบประกาศฯ ใช้เวลาสองชั่วโมงก็แล้วเสร็จ หลังจากนั้นหมู่นกเค้าแมวเราก็ไปทานเลี้ยงร่วมกันที่ร้านอาหารริมทะเลในศรีราชา มีผม พี่แดง พี่เสิด พี่ช้าง พี่อึ่ง พี่ขุน พี่จุ พี่ธง พี่ป๋อง ขาดพี่สรไปคนเดียว งานเลี้ยงเล็กๆสนุกสานเพลิดเพลินเป็นกันเองมาก

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม 2553 ช่วงเช้าว่าง ช่วงบ่ายเรียนรายวิชา การบริหารจัดการงานชายแดนและการทำงานร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านโดยนายเสนีย์ จิตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ท่านบรรยายให้ทราบเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศที่มีพื้นมี่ติดกับไทยเราคือพม่า ลาว กัมพูชาและมาเลเซีย โดยมีจังหวัดชายแดนติดพม่าถึง 10 จังหวัดคือเชียงราย ตาก ระนอง เชียงใหม่ แม่อ่องสอน กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบ ราชบุรีและชุมพร

จังหวัดชายแดนลาวมี 11 จังหวัดคือ เชียงราย น่าน เลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบล พะเยา อุตรดิตถ์ อำนาจเจริญและพิษณุโลก จังหวัดชายแดนกัมพูชามี 7 จังหวัดคือ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด อุบลและบุรีรัมย์ และจังหวัดชายแดนมาเลเซีย 4 จังหวัด คือ สงขลา นราธิวาส ยะลาและสตูล

พม่า ประชากร 58 ล้านคน นับถือพุทธร้อยละ 90 ปกครองด้วยเผด็จการทหารภายใต้สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (SPDP) มีประธาน SPDP เป็นประมุขประเทศ นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล สินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เครื่องจักรกล ใยสังเคราะห์ น้ำมันสำเร็จรูป สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ กาซธรรมชาติ สิ่งทอ ไม้ซุง ข้อจำกัดของการดำเนินนโยบายด้านต่างๆระหว่างไทย-พม่า คือ ปัญหาเสถียรภาพภายในพม่า การกดดันจากตะวันตก และความสัมพันธ์ในอดีตกับไทย

ลาว มีขนาดครึ่งหนึ่งของไทย ประชากร 6 ล้านคน ปกครองแบบสังคมนิยม มีพรรคประชาชนปฏิวัติลาวเป็นองค์กรการเมืองสูงสุดชี้นำการบริหารประเทศ มีประธานประเทศเป็นประมุข นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล สินค้านำเข้าที่สำคัญคือ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอุปโภคบริโภค ส่วนสินค้าส่งออกที่สำคัญคือ ไม้ซุง ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ไม้ สินแร่ เศษโลหะ ถ่านหินและเสื้อผ้าสำเร็จรูป

มาเลเซีย ประชากร 28.3 ล้านคน มี 13 รัฐ นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 60 มีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุข และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ปกครองแบบสหพันธรัฐ ประมุขมาจากการเลือกตั้งจาก 9 รัฐ ทุก 5 ปี มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของมาเลเซีย

กัมพูชา มีขนาด 1/3 ของไทย ประชากร 14.45 ล้านคน นับถือพุทธร้อยละ 100 มีกษัตริย์เป็นประมุขและนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล สินค้านำเข้าที่สำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดื่ม ผ้าผืนและผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าส่งออกที่สำคัญคือ เสื้อผ้า สิ่งทอ รองเท้า ปลา ไม้ ยางพารา บุหรี่ ข้าวและข้าวโพด

ท่านผู้ว่าเสนีย์ ได้พูดถึงการล่าอาณานิคมยุคใหม่ที่เกิดขึ้นและในหลวงทรงเตือนคนไทยด้วย ส.ค.ส. ที่ทรงพระราชทานในปี พ.ศ. 2548 ที่เป็นรูปประเทศไทยมีระเบิดวางรอบ 4 ทิศ พร้อมเรือ แสดงถึงว่า เรากำลังเผชิญกับการล่าแผ่นดิน ให้คนไทยเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งเหล่านี้ เครื่องมือสำคัญในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ 4 ชิ้นคือ การค้าเสรี อาชญากรรม วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ตอนเย็น พวกเราจัดงานเลี้ยงรุ่นก่อนจบการฝึกอบรม เราจัดเตรียมเวทีไว้ด้านนอกอาคารติดกับลำคลองที่เชื่อมต่อกับทะเล บนเวทีเป็นรูปหมู่ของพวกเราที่ถ่ายรูปอยู่หน้าป้ายวิทยาลัยมหาดไทย พร้อมวลีที่ว่า “ร้อยสี่ใจให้เป็นหนึ่งเดียว” ผู้ที่คิดคือพี่นัด ความหมายคือการผูกร้อยหัวใจของพวกเราทั้งรุ่นให้เป็นดวงเดียวกัน ก็เป็นการสื่อความหมายที่ดี แต่ผมชอบคำว่า “ร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว” มากกว่า โดยหมายถึง แม้จะมีคนเป็นร้อยๆแต่ก็มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

หกโมงเย็น อาหารและดนตรีเริ่มมาจัดงาน ในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มขึ้น พี่แจ๊ค ชวนคณะกรรมการรุ่นมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกและจะได้มีรูปลงในหนังสือรุ่นได้ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ฝนเม็ดแรกก็โปรยลงมา แล้วก็ทยอยลงมาอีกหลายต่อหลายเม็ดต่อเนื่องกัน จนทำให้เราไม่สามารถนั่งทานอาหารนอกอาคารด้านหน้าเวทีได้ ทุกคนต่างรีบหลบฝน และฝ่ายจัดงานต้องรีบย้ายอาหาร ดนตรีเข้ามาในห้องประชุมซึ่งเตรียมไว้เป็นที่สำรอง แต่กว่าจะเริ่มทานอาหารกันได้ก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ทำให้บรรยากาศงานกร่อยลงไปมากเพราะหิวจัด

พี่เหนอ เป็นพิธีกรเดี่ยวของงาน ได้อ่านกลอนไพเราะเริ่มต้น เสียดายไม่ได้คัดลอกไว้ และพี่เหนอก็ทำเป็นขอบคุณผู้แต่ง ซึ่งก็คือตัวพี่เหนอเอง (เป็นมุข) คุณศุภโชค เลาหพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันดำรงราชานุภาพ ให้เกียรติมาร่วมงานและเปิดงาน พี่แจ๊คประธานรุ่นได้ขึ้นไปกล่าวความเป็นมาและกิจกรรมต่างๆในงาน หลังจากนั้นก็มีการจับสลากรางวัล การแสดงดนตรีของวงดนตรีและนักร้องที่เตรียมมา การถ่ายรูปตามโต๊ะต่างๆ สักสี่ทุ่มก็ทยอยกลับที่พักกัน บางกลุ่มไปสังสรรค์กันต่อ บางส่วนขึ้นที่พักนอน ส่วนกลุ่มสาวๆและหนุ่มๆบางส่วนขึ้นไปร้องเพลงสบายๆกันต่อที่ห้องคาราโอเกะชั้นสาม ผมกลับไปตอนราวห้าทุ่ม ไม่อยากนอนดึกเพราะต้องตื่นตีห้าครึ่งมาออกกำลังกายพรุ่งนี้เช้าอีก

การจัดงานเลี้ยงรุ่นและกิจกรรมต่างๆ ไม่ได้เก็บเงินจากพวกเรา เนื่องจากทางรุ่นได้มีการขายบัตรงานโบว์ลิ่งและมีรายได้มากพอที่จะทำกิจกรรมต่างๆของรุ่นได้ พวกเราทุกคนให้ความร่วมมือช่วยกันขายบัตรงานโบว์ลิ่งเป็นอย่างดีเพราะเป็นกิจกรรมของพวกเราทั้งรุ่น แต่ผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากๆก็มีพี่แจ๊ค (ประธาน) พี่หนู (รองประธาน) พี่ยาว (รองประธาน) พี่โต้ง (เลขานุการ) พี่หรัด (เหรัญญิก) และพี่แบน

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม 2553 ช่วงเช้าเรียนรายวิชา การแก้ไขปัญหาการชุมนุมประท้วงของประชาชน โดยนายธงชัย ลืออดุลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ที่มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงหลายเหตุการณ์ในพื้นที่ทำงาน เสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคมเป็นไปตามการปกครองระบอบประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญ 2540, 2550 มาตรา 44, 63 ได้กำหนดให้บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

การชุมนุมประท้วงของประชาชน เป็น “ฝูงชน” หมายถึง การรวมตัวกันของคนจำนวนหนึ่ง ที่มี “จุดมุ่งหมาย” ของความตั้งใจร่วมกัน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางจิตใจและพฤติกรรม ก่อให้เกิด “พฤติกรรมร่วม” ของฝูงชน มักมีลักษณะเร่งด่วน มีการปฏิบัติการที่รุนแรง เนื่องจากมีความใกล้ชิดทางกายภาพและมีการเร้าอารมณ์เป็นวงจร ก่อให้เกิด “การระบาดทางอารมณ์” ไม่มี “ผู้รับผิดชอบ” ใครเข้าประกอบเป็นฝูงชน ก็จะมีส่วนร่วมในอารมณ์ของฝูงชนนั้นๆ

สาเหตุของการเกิดฝูงชน มีได้หลายรูปแบบ จากความคับแค้นทางจิตใจ ความยากไร้ทางวัตถุ การขยายสิ่งที่ถูกเก็บกดไว้ในสถานการณ์ปกติโดยข้อกำหนดต่างๆออกมาโดยการชุมนุมประท้วง ความขัดแย้งทางความคิด วัฒนธรรม การเมืองหรือผลประโยชน์

แนวทางการแก้ไขปัญหาการชุมนุมประท้วง แนวทางที่ดีที่สุดคือ การป้องกันมิให้มีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของทุกระดับตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติ ซึ่งต้องปฏิบัติอยู่ในภาวะปกติ แนวทางสำคัญควรยึดหลักปฏิบัติราชการ  2 ประการ คือ หลักการกระจายอำนาจ เพราะเป็นกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วม และหลักธรรมาภิบาล (ทั้ง 6 ประการคือ REPEAT ที่ผมเคยเขียนถึงแล้ว)

ข้อแนะนำเมื่อมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น ฝ่ายปกครองควรดำเนินการอย่างเป็นระบบ ดังนี้

-       งานข่าว ดูว่า การชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นเอง หรือมีผู้จูงใจทำให้เกิด

-          งานจิตวิทยา ทั้งต่อผู้นำการชุมนุม ฝูงชน และมวลชนโดยทั่วไป

-          งานประชาสัมพันธ์ พูดความจริง ไม่รับปากในสิ่งที่ทำไม่ได้

-          งานมวลชน สร้างมวลชนทั้งในกลุ่มผู้ชุมนุมและมวลชนทั่วไป

 ท่านรองผู้ว่าธงชัย เล่าประสบการณ์จริง (Knowledge sharing) ในการแก้ไขปัญหาการประท้วงไม่ยอมแยกกิ่งอำเภอที่ด่านขุนทดซึ่งพบว่าปัญหามีสาเหตุหลายอย่าง ขณะนั้นท่านเป็นนายอำเภอ ใช้เทคนิคหาข่าวจากงานศพ โดยแต่งเครื่องแบบทำเป็นขับรถผ่านงานศพ แล้วเข้าไปร่วมงานช่วยงานเพื่อสร้างความไว้วางใจและความรู้สึกเป็นพรรคพวกเดียวกัน

แก้ปัญหาการประท้วงเนื่องจากกรมอุทยานฯ แจ้งจับการไฟฟ้าที่กำลังเดินสายไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน เมื่อศึกษาข้อมูลแล้วกรมอุทยานฯสามารถใช้ข้อยกเว้นได้โดยทางอุทยานฯเป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้าเองได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ท่านรองฯเห็นว่า ถ้าเราย้ายชาวบ้านออกมาไม่ได้ เราก็จำเป็นต้องช่วยพัฒนาช่วยนำไฟฟ้าไปให้เขา

อีกตัวอย่างเป็นเรื่องการหาข่าวจากเด็กๆ เลี้ยงขนมเด็กๆ จนพ่อแม่ตามมาดูและมีโอกาสได้พูดคุยกัน ไว้วางใจกันได้

นึกถึงตอนทำค่ายอาสาพัฒนาที่บ้านแม่ลายเตียนอาง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ สมัยเรียนแพทย์ปี 3 ก็ใช้เทคนิคสร้างความคุ้นเคยกับชาวบ้านโดยผ่านเด็กๆในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านไว้ใจกล้ามาร่วมกิจกรรมและกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในที่สุด

บ่ายเรียนรายวิชา การแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาจารย์ภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านได้เล่าประสบการณ์การแก้ไขปัญหาและรับมือกับปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความซับซ้อนในเรื่องสาเหตุที่ต้องใช้หลักการพระราชทานจากในหลวงคือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา

เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ได้กลับบ้าน ที่หอพักจะเงียบมากเพราะส่วนใหญ่เพื่อนๆกลับบ้านกัน พี่เสิดพาผมไปซ้อมออกรอบกอล์ฟที่ปาล์มสปริง ซึ่งเป็นสนามฝึกซ้อมและออกรอบแบบ 9 หลุม เป็นสนามเล็กๆไม่กว้างและมีน้ำเยอะมาก เปลืองลูกกอล์ฟพอสมควร การไม่อยู่ห้องเฉยๆทำให้คลายเหงาไปได้มากและทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็ว ช่วงกลางคืนก็พอมีเวลาอ่านหนังสือผู้นำ 360 องศาและนั่งเขียนบันทึกได้ ก่อนหลับตาผมนึกถึงคำกล่าวของเฟรด แซนบอร์น ที่ว่า “การมีฝูงกวางที่นำโดยสิงโตตัวหนึ่ง ย่อมดีกว่าการมีสิงโตฝูงหนึ่งถูกนำโดยกวางตัวหนึ่ง” นี่คือความสำคัญของผู้นำ

มีเพื่อนๆหลายคนที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ก็ได้ทักทายพูดคุยกันบ้าง เช่น

พี่วสันต์ เวชศิลป์ นายอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นคนขยัน มีความรับผิดชอบสูง ชอบออกกำลังกาย ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมในหลักสูตรดีมาก ไม่หลับในเวลาเรียนเลย เป็นคนมีน้ำใจ เป็นมิตร ให้เกียรติคนอื่นๆ ไม่ถือตัว เวลาออกกำลังกายตอนเช้าพี่วสันต์จะนับเสียงดังดีมาก

พี่หนุ่ยหรือวันชัย คงเกษม ผู้อำนวยการกองสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นคนเงียบๆ พูดน้อย มีความรับผิดชอบสูง ไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกันมากนัก

พี่นิดหรือสานิตย์ วงษ์พันธุ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นคนเงียบๆ แต่ถ้าได้พูดคุยกันก็จะพบว่าพี่นิดเป็นคนสุขุมคมลึก เป็นคนนิ่มๆแต่มีหลักการ

พี่อ๊อดหรือสุวิจักขณ์ ศรีเบ็ญรัตน์ เป็นคนไม่ค่อยคุยมากนัก แต่ถ้าได้พูดคุยกันก็จะเป็นกันเอง ไม่ถือตัว มีน้ำใจกับเพื่อนฝูง

หมายเลขบันทึก: 395912เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2010 23:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2019 18:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เรียนท่านIco64

     ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันนะคะ

สวัสดีครับคุณยาย

ทุกเวลาเรามักเจอะเจอกับสิ่งดีๆเสมอ ถ้าเรารู้จักเก็บเกี่ยว ตั้งใจไว้ว่า ถ้าได้มีโอกาสในการเรียนรู้ที่คิดว่าเป็นประโยชน์จะพยายามนำมาเสนอแบบนี้อีกครับ ขอบคุณที่เข้ามาทักทายกันครับ

ต้องขอบคุณคุณหมอมากที่จำพี่ได้ คุณหมอเป็นคนเก่ง ฉลาด สรุปจับประเด็นการเรียนได้เร็วและมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนร่วมรุ่น สมกับการได้ที่ 1 ประจำรุ่น ถ้ามีโอกาศคงได้พบกันนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท