การสัมมนา"ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง สู่การปฏิรูปประเทศไทย" ได้มีการพูดถึงการอภิวัฒน์สังคมโดยขบวนการชุมชนท้องถิ่น แม้หลายคนจะเห็นว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์แล้ว แต่หนทางที่จะก้าวไปสู่ การจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริงได้นั้นยังอีกยาวไกล ซึ่งจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคอีกมากมาย เงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยเปิดประตูบานแรกที่จะไขไปสู่ความสำเรจนั้นคือการที่คนทำงานขับเคลื่อนนั้นจะต้องมือเครื่องมือการเรียนรู้ และการจัดการความรู้ ซึ่งจำเป็นที่ต้องมีการฝึกฝนเตรียมพร้อมจัดการเรียนรู้ขึ้นต่อเนื่อง
บรรยากาศงาน สัมมนา"ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง สู่การปฏิรูปประเทศไทย" ด้วยการอภิวัฒน์สังคมโดยขบวนการชุมชนท้องถิ่น ซึ่งได้จัดขึ้นระหว่างวันที่๑๔ ก.ย. ๕๓ - ๑๕ ก.ย. ๕๓ นั้น นอกจากเวทีสัมมนาในตอนกลางวันแล้ว ในค่ำคืนของวันที่ ๑๔ ก.ย. ๕๓ ผมได้มีส่วนร่วมจัดกระบวนการสรุปบทเรียนระหว่างการปฏิบัติงานด้วยกระบวนการ AAR โดยในครั้งนี้มีกระบวนการจัดการความรู้คู่กับการปฏิบัติการจริงของชุมชน โดยมีการจัดการความรู้ก่อนปฏิบัติการ ระหว่างปฏิบัติการและภายหลังปฏิบัติการ ขณะเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกันท่ามกลางบรรยากาศการประชุมสัมมนาและการสรุปการเรียนรู้แบบAAR ในช่วงเย็นวันที่๑๔ ก.ย. ๕๓ เวทีสัมมนายังได้จัดให้มีบรรยากาศพิเศษโดยมีเหล่าศิลปินที่เดินทางมาร่วมงาน ได้เข้าร่วมเวทีรายการ “ เสียงเพลงใน บทเพลงจากคนกันเอง สุนทรียะทางดนตรีที่ได้ฟังแล้วมีสุข”ในครั้งนี้ไปพร้อมๆกันด้วย
โดยในการนี้ทำให้ระหว่างการสัมมนาและการสรุปการเรียนรู้แบบAAR พบว่ายังคงมีเด็กหลังห้องกับเด็กเกเร แอบหนีจากห้องเรียนรู้และห้องสังเคราะห์ความรู้จากการสัมมนาฯในวันแรก ออกมามาฟังเพลงอันสุนทรียะด้วยกันกับ คุณชิสุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์เป็นศิลปินพื้นบ้านขับขานบทเพลงแห่งขุนเขา ของชาวปปาเกอญอ ด้วยเครื่องดนตรีท่านเรียกว่าเต หน่า กูและพันธมิตรเหล่าศิลปิน หลากหลายคณะมาร่วมกันบรรเลงเพลงสดุดี “การอภิวัฒน์ของขบวนชุมชน”ด้วยบรรยากาศที่มีน้ำที่ทอง สีชา ที่เย็นฉ่ำ พร้อมกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมจนเที่ยงคืน “บรรยากาศดี อาหารดี ดนตรีไพเราะ” ผมเองเสียดายครับ....อยากเป็นเด็กหลังห้องกับเด็กเกเร แอบหนีจากห้องเรียนรู้เหมือนกัน แต่ไม่สามารถปลีกจากภาระงานไปร่วมวงสุนทรียะได้ด้วยตนเอง
ภายหลังงานสัมมนาได้มีกลุ่มอาสาสมัคร มาทำงานต่อครับ เพื่อเอื้ออำนวยให้ชุมชนท้องถิ่นมีความรู้ความสามารถในการจัดการตนเอง กลุ่มชุมชนนักปฏิบัติด้านการจัดการความรู้ (COP)โดยคุณวิชัย นะสุวรรณโน และคุณวิเชียร พลสยาม เป็นผู้ประสานงานได้มาจัดกระบวนการถอดบทเรียนในเรื่อง “การสร้างความตื่นรู้และตระหนักในตัวตนของชุมชนท้องถิ่น (Self Actualization)ผ่านกระบวนการวิเคราะห์พื้นที่ เครื่องมือสู่การจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น” ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ มิ.ย. ๕๓ งานนี้จัดขึ้นที่บ้านต้นซูงรีสอร์ท จ.นครนายก ผมจึงตามมาที่นครนายก มาร่วมเรียนรู้และร่วมถอดบทเรียนในครั้งนี้กับกลุ่มชุมชนนักปฏิบัติด้านการจัดการความรู้ (COP)กลุ่มนี้ด้วยครับ
โดย“การสร้างความตื่นรู้และตระหนักในตัวตนของชุมชนท้องถิ่น (Self Actualization)ผ่านกระบวนการวิเคราะห์พื้นที่ เครื่องมือสู่การจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น”ครั้งนี้มีกรอบเนื้อหาในการวิเคราะห์ถอดบทเรียนในครั้งนี้ดังต่อไปนี้
1) นิยาม การเการสร้างความตื่นรู้และตระหนักในตัวตนของชุมชนท้องถิ่น (Self Actualization)ผ่านการกระบวนการวิเคราะห์พื้นที่ เพื่อการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น และการอภิวัฒน์สังคมโดยขบวนการชุมชนท้องถิ่น
2) เป้าหมายการวิเคราะห์พื้นที่ในระดับต่างๆ
3) ที่มาและความสำคัญของการวิเคราะห์พื้นที่กับการปฏิรูปประเทศไทย และการอภิวัฒน์สังคมโดยขบวนชุมชนท้องถิ่น
4) องค์ประกอบในการวิเคราะห์พื้นที่ (คน ข้อมูล บริบทพื้นที่)
5) เครื่องมือ / วิธีการ กระบวนการวิเคราะห์พื้นที่รูปแบบต่างๆ
6) บทบาทของชุมชน แกนนำ เจ้าหน้าที่ และภาคี
7) แนวปฏิบัติการนำเครื่องมือการวิเคราะห์พื้นที่ไปประยุกต์ใช้และการสนับสนุนขบวนองค์กรชุมชนในการวิเคราะห์พื้นที่ให้เกิดคุณภาพอย่างรอบด้านและกว้างขวาง
8) เรื่องเล่าจากพื้นที่ ตัวอย่างกรณีพื้นที่รูปธรรมการวิเคราะห์พื้นที่กับการปฏิรูปประเทศไทย และการอภิวัฒน์สังคมโดยขบวนชุมชนท้องถิ่น
9) ข้อพึงระวัง/ข้อเสนอแนะ
งานนี้เป็นการจัดสัมมนาต่อเนื่องจากเวทีสัมมนา"ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง สู่การปฏิรูปประเทศไทย" ในเวทีกลุ่ม COP ครั้งนี้กลุ่มนี้ได้ชวน อ.แมน ปุโรทกานนท์ ว่าที่ดุษฎีบัณฑิตจาก AIT มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย ในหัวข้อ "การสร้างความตื่นรู้และตระหนักในตัวตนของชุมชนท้องถิ่น (Self Actualization)ด้วยกระบวนการวิเคราะห์พื้นที่ในระดับตำบลและภูมินิเวศวัฒนธรรม" ผลจากเวทีจะนำเสนอต่อไปครับ...ขอบคุณครับ
จะทำอย่างไร ชุมชน จึงจะประสบความสำเร็จตามแนวคิดของตนเอง เพราะปัจจุบัน ได้แต่คิด ติดที่การกระทำ
สวัสดีค่ะท่านเทพฯ
แค่เห็นลีลา ครวญเตหน่า ของผู้ร่วมกระบวนการ ก็น่าดึงดูดใจ ให้ร่วมเรียนรู้ คงเพลิดเพลิน ราบรื่นตามเป้าหมาย นะคะ;)
ปลูกขาวเก็บเกี่ยวผล ได้ 1 ปี
ปลูกต้นไม้(ผล)เก็บเกี่ยวผล ได้ 10 ปี
ปลูกสร้างคนเก็บเกี่ยวผลได้กว่า100 ปี
โฮจิมินห์
ผมชื่นชอบกับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง
มีความสุขกับดนตรีสุนทรียะ งานศิลปวัฒนธรรม
รวมทั้งเพลิดเพลินกับการเดินทางท่องเที่ยว
พร้อมๆกับเป็นการขัดเกลาพัฒนาชีวิตด้านในของตัวเองไปในตัวด้วย
นับเป็นบุญวาสนาครับที่ได้พบกับเรื่องราวที่ดีๆจากการเดินทาง
ได้พบปะกับญาติสนิทมิตรสหาย ได้ประสบการณ์ที่มีคุณค่า
และมีความหมาย ขอบคุณครับ