สุรีย์ เป็นหญิงหม้าย อายุ 33 ปี รูปร่างผอม เกร็ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาอมทุกข์ รอยยิ้มดูแห้งแล้ง ชีวิตของสุรีย์ดูจะเริ่มต้นด้วยความผิดหวังเสียมากกว่า ตั้งแต่เด็กมาพ่อกับแม่ก็ให้ใช้ชื่อพี่สาวที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ เมื่อถึงวัยมีคู่ครอง ชีวิตคู่ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ สามีไมเคยดีดั่งใครเขา ทอดทิ้งสุรีย์และลูกสาวไว้ให้ 1 คน หวังจะหาสามีที่พึ่งอีกซักคนก็ไม่ทำให้ดีขึ้น คงจากไปและทิ้งลูกสาวไว้อีก 1 คน สุดท้ายความล้มเหลวของชีวิตคู่ก็คือ ความยากจนและลูกสาวตัวเล็กอีก 3 ส่วนคนที่ 4 กำลังอยู่ในครรภ์
สุรีย์ เริ่มเป็นที่รู้จักของคนคุมประพฤติที่เรียกว่า พนักงานคุมประพฤติ ด้วยการถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง แต่ศาลได้พิพากษารอลงอาญาและมีคำสั่งให้คุมความประพฤติไว้ จำได้ว่า วันที่สุรีย์เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาพบพนักงานคุมประพฤติเพื่อรายงานตัว "ท้องกี่เดือนแล้วคะ" พนักงานคุมประพฤติหน้าขาวใส ยิ้มและเริ่มต้นสนทนาถามไถ่สารทุกข์คุณแม่ลูก 3 ใกล้จะ 4 ค่อย ๆ หย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ ส่วนลูกสาวอีก 3 คน 10 ขวบ 7 ขวบ และ 3 ขวบ นั่งเล่นรอผู้เป็นแม่อยู่หน้าห้อง จากคำบอกเล่าของสุรรีย์ว่าตั้งท้องได้ 7 เดือน ไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีบัตรประกันสุขภาพ ไม่เคยฝากครรภ์ ไม่เคยพบหมอ ไม่เคยฉีดวัคซีน ไม่เคยทานยาบำรุง ไม่มีงาน ไม่มีเงิน และไม่มีเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาลระหว่างคลอด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วยความเป็นมิตรและแจ่มใสของพนักงานคุมประพฤติค่อย ๆ หุบลงอดที่จะเป็นทุกข์ไปกับเรื่องราวของสุรีย์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้ไม่ได้ แต่การสงเคราะห์ผู้ถูกคุมความประพฤติ คงจะสามารถช่วยเหลือโดยต้องดำเนินการตามขั้นตอนไปยังมูลนิธิสงเคราะห์ผู้กระทำผิด คงอาจจะใช้เวลาเป็นเดือน แต่ก็ทันกำหนดที่สุรีย์จะคลอดบุตร อย่างน้อยก็อุ่นใจที่ยังมีโอกาสช่วยเหลือสุรีย์ได้บ้าง สุดท้ายสุรีย์จึงพาลูก ๆ กลับบ้านไปพร้อมด้วยความหวังที่มีพึ่งพิงยามนี้ ชีวิตเจ้าตัวเล็กคงจะปลอดภัยตามที่พี่พนักงานคุมประพฤติให้ความหวัง
สุรีย์ หายเงียบไปไม่ถึงเดือน เสียงโทรศัพท์ถึงพี่พนักงานคุมประพฤติหน้าใส "พี่คะ หนูจะคลอดลูกแล้วค่ะ หมอบอกว่าครบกำหนดคลอดแล้ว ตอนนี้หนูหอบผ้ามายืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว แต่จะเข้าไปยังไง หนูไม่มีเงินเลย" " ฮ้า..เป็นไปได้ไง ไหนเธอบอกว่าท้อง 7 เดือน ก็เหลือเวลาอีกตั้ง 2 เดือน ไม่ใช่รึ" "หนูคงนับผิดค่ะ แต่ตอนนี้พี่จะให้หนูทำยังไงดีล่ะ หนูกลัว หนูไม่มีเงิน ไม่มีบัตรอะไรเลย" เอายังไงดีล่ะ คนจะต่าย ฟ้าจะผ่า ฝนจะตก คนจะคลอดลูก มันห้ามกันได้ที่ไหน "เอางี้นะ สุรีย์ ไม่มีเงิน ไม่มีบัตร เอาไว้ก่อนนะ แต่ตอนนี้สุรีย์อยู่หน้าโรงพยาบาลใช่ไหมเดินเข้าไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลก่อนเล่าเรื่องให้เขาฟังเขาคงจะให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ดูแลหรือมีวิธีการอื่นที่ช่วยฉุกเฉินไปก่อนพี่รับรองว่าหมอคงไม่ปล่อยให้เธอคลอดข้างถนนหรอก ส่วนเรื่องเอกสารและอื่น ๆ พี่จะช่วยเป็นธุระให้นะ ทำตามนี้ไปก่อน" พี่พนักงานคุมประพฤติหน้าขาวใส ตอนนี้ขาวเป็นกระดาษไปแล้วทั้งงงทั้งตื่นเต้นรู้แต่ว่าพนักงานคุมประพฤติไม่ได้รับรายงานตัวผู้ถูกคุมความประพฤติอย่างเดียวเท่านั้น
พักเที่ยงของวันต่อมา พนักงานคุมประพฤติทั้งหญิงชาย 5-6 คน ยืนรายล้อมอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของสุรีย์ สุรีย์คลอดแล้ว ตอนแรกที่สุรีย์เห็นพี่พนักงานคุมประพฤติเข้ามาเยี่ยมพร้อมทั้ง นม ผลไม้ และเสื้อผ้าเด็กอ่อนสองสามชุด ถึงกับน้ำตาซึม พูดออกมาเบา ๆ ว่า "พวกคุณ ๆ เป็นคนแรกที่เป็นญาติมาเยี่ยมหน" "สุรีย์กับลูกเป็นยังไงบ้าง" "สบายดี ลูกเป็นผู้หญิงจิ้มลิ้มเชียวค่ะ" "เรื่องค่าใช้จ่ายครั้งนี้ พี่ประสานกับทางโรงพยาบาลให้แล้ว คือ พี่ขอตรวจสอบทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของสุรีย์และครัดสำเนามาให้ทางโรงพยาบาล เพื่อโรงพยาบาลจะได้ไปเดินเรื่องใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพ หรือบัตร 30 บาท ส่วนการสงเคราะห์จากทางสำนักงานที่พี่ทำเรื่องให้ ทางมูลนิธิสงเคราะห์ผู้กระทำผิด อนุมัติเงินเพื่อสงเคราะห์ให้แล้ว จำนวน 1,000 บาท เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายหลังคลอดขณะที่สุรีย์ยังทำงานไม่ได้นะ แล้วนี่หมอให้อยู่โรงพยาบาลกี่วันล่ะ" "อีก 2 วัน หมออนุญาตให้กลับบ้าแล้วค่ะ หนูอยากกลับเร็ว ๆ ค่ะ เป็นห่วงลูกสาว 3 คน ทิ้งไว้ที่กระท่อมกลางไร่มัน ตามลำพัง 2 คืนแล้ว"
สองวันต่อมา "สุรีย์ มารับกลับบ้านจ้ะ" บางครั้งการช่วยเหลือหรือสงเคราะห์ก็ไม่ใช่การให้เงินทองอย่างเดียว เมื่อช่วยแล้วคงต้องส่งให้ถึงฝั่งสักระยะหนึ่ง เส้นทางไปบ้านของสุรีย์นั้นพนักงานคุมประพฤติต้องออกพื้นที่ไปสอดส่องเยี่ยมเยียนผู้ถูกคุมความประพฤติอยู่แล้ว จึงได้รับอนุญาตให้พา "แม่ลูกอ่อน" ไปส่งบ้าน "ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีนะ สุรีย์ พักฟื้นให้แข็งแรง ข้าวของเครื่องใช้เด็กอ่อนที่พวกพี่ ๆ เขารวบรวมให้คงจะพอดูแล "น้องตัวกะติ๋ว" ได้สักระยะหนึ่ง มีปัญหาอะไรก็โทรมาติดต่อนะ" สุรีย์ยกมือไว้พี่ ๆ พนักงานคุมประพฤติด้วยสีหน้าเบิกบาน รอยยิ้มของสุรีย์ยังเต็มเปี่ยวด้วยพลังของชีวิตหลาย ๆ คนที่ผ่านเข้ามาในกระบวนการคุมความประพฤติอาจจะรู้สึกเป็น "โชคร้าย" ของช่วงชีวิต แต่สำหรับสุรีย์แล้วอาจจะรู้สึกว่า "เธอโชคดี"
เราก้อเป็นคนหนึ่งที่ไปคลอดลูกไว้ที่แบบนั้นเหมือนกันเราไม่มีใครเราหาทางออกไม่ได้เราสงสารลูกอยากอยู่กับลูกแต่เราอยู่ข้างนอกแต่ลูกอยู่ข้างในเราคิดถึงลูกจังเลยใครพอมีทางออกว่าเราจะเอาลูกออกมายังไงช่วยบอกที