*-*
วันพระใหญ่ที่ผ่านมา "อาสาฬหบูชา"
มีโอกาสสัมผัสวัฒนธรรมกลางสายน้ำที่งดงาม คือ เวียนเทียนกลางน้ำ..ที่กว๊านพะยา
แต่เพิ่งมีโอกาสได้เลือกภาพและบันทึกความทรงจำ
มาฝากเพื่อนชาวblog ให้ชม เผื่อชอบโอกาสหน้าจะได้รีบจองตั๋วไปกัน
งานนี้มีชื่อทางการว่า
"เทศกาลศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับจังหวัด ณ จังหวัดพะเยา"
เป็นหนึ่งในการส่งเสริมของ ททท. ภายใต้หัวข้อ
" ๑๒ เดือน ๗ ดาว ๙ ตะวัน มหัศจรรย์เมืองไทย ไม่ไปไม่รู้"
การเวียนเทียนกลางกว๊านพะเยา เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2550 โดยมีงาน
ทั้งภาคพื้นดิน และในน้ำกลางกว๊านพะเยา
วันที่ไป เป็นวันเปิดงาน จึงมีการแสดง มีขบวนจำลองประเพณีโบราน
และมีการฟ้อนรำ สาวงามแห่งพะเยาได้แสดงฝีมือกันเต็มที่
พอพลบค่ำ ก็ได้เวลาเตรียมตัวลงเรือ โดยทุกคนต้องใส่เสื้อชูชีพ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักด้วยจำนวนคนที่สนใจมาร่วมงาน
ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยว และชาวพะเยาเองก็ไม่ใช่น้อย
แต่ก็มีพิธีการมากพอควร ทำเอาต้องรอเวลา และรอคิวกันอยู่นาน
แต่ก็มีบรรยากาศของเรือที่มาร่วมงานให้ชมเพลินๆ
พร้อมความสวยงามของสายน้ำแห่งกว๊านพะเยา
พอได้เวลา...ทุกคนก็ได้ลงเรือตามคิวที่จองไว้
สงสารคนจัดงานที่ประกาศเรียกนักท่องเที่ยวกันจนเหนื่อย
เพราะหลายๆ คนก็ไปเดินเล่นฆ่าเวลาก่อนลงเรือ จนลืมเวลา
กลางกว๊านพะเยา เป็นที่ตั้งของวัดติโลกอาราม ที่จมอยู่ในกว๊านมานานกว่า 68 ปี
เพราะเมื่อปี 2482 กรมประมงสร้างประตูกั้นน้ำเพื่อเก็บกักน้ำ
จึงทำให้กว๊านพะเยาซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิม และเป็นที่ตั้งของวัดต้องจมอยู่ใต้น้ำ
ในปี 2550 ทางจังหวัดจึงส่งเสริมให้เกิดประเพณีการเวียนเทียนกลางน้ำ
โดยสร้างพื้นที่จำลองขึ้นตรงที่ตั้งเดิมของวัดติโลกอาราม
แล้วอัญเชิญ "หลวงพ่อศิลา" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปอายุกว่า 500 ปี
ที่ค้นพบเมื่อปี 2526 ในบริเวณวัดที่จมน้ำอยู่ กลับไปประดิษฐาน
เป็นศูนย์กลางแห่งการเวียนเทียนและให้คนไปสักการะบูชา
ช่วงเทศกาลวันพระใหญ่ของทุกปี
ภาพบรรยากาศสวยๆ ของการเวียนเทียนกลางน้ำ
ท่ามกลางสายน้ำยามเย็ม และท้องฟ้ายามค่ำที่งดงาม
ทำให้เกิดความขลังในการเข้าร่วมงาน อีกทั้งยังมีพิธีทางศาสนา
มีการสวดมนต์ และมีพระสงฆ์มาร่วมในพิธีเหมือนกับการเวียนเทียนที่วัด
ระหว่างที่เวียนเทียน พระสงฆ์สวดไปเรื่อยๆ
และมีการปล่อยโคมไฟ ยิ่งทำให้ฟ้ายามนั้นสวยซึ้งมากไปอีก
ระหว่างนี้ก็เก็บบรรยากาศของท้องฟ้ากลางกว๊านพะเยามาฝาก
ภาพของชาวบ้านที่อาสามาเป็นคนเรือ เท่ห์มากค่ะ ขอบอก
เวียนเทียนได้สามรอบ พร้อมทั้งชมบรรยากาศการลอยโคมกันเต็มที่แล้ว
ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงได้ เรือกลุ่มแรกที่มาเวียนเทียนก็เริ่มหันหัวเรือกลับสู่ฝั่ง
เพื่อรับกลุ่มต่อๆ ไป ที่รออยู่บนฝั่งให้ได้มาเวียนเทียนกลางน้ำกันบ้าง
กลับขึ้นฝั่ง ก็ยังนั่งชมบรรยากาศของงานได้อีกนาน
เพราะงานมีตลอดทั้งคืน และมีคนมาเวียนเทียนเยอะมาก
ขึ้นบกแล้ว ก็รวมตัวกันลอยโคมกับเขาบ้าง (มีโคมขาย ราคาไม่แพง)
แล้วก็เดิมชมการแสดงบนบกต่อ
จบลงด้วยการเดินเข้าร้านอาหารที่มีมากมายอยู่รายทางรอบกว๊านพะเยา
อิ่มแล้ว กลับไปพักผ่อนเพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้เที่ยวพะเยาต่อ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
pis.ratana บันทึกย้อน
กรกฎาคม 2553.
สวัสดีครับ เป็นความมหัศจรรย์จริง ๆ ครับ และยังมีที่มาที่ไปของเรื่องราวที่ชาวพุทธลืมไม่ลงกับเรื่องของวัดวาอารามอยู่ใต้น้ำเข้าไปอีก
พอมาฟื้นความหลังแล้วมาจัดกิจกรรมร่วมบุญการเวียนเทียน แม้แต่เห็นเพียงภาพก็มีความตื่นตาตื่นใจมากครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
เป็นบรรยากาศการเวียนเทียน ที่งดงามอลังการจริงๆค่ะ
น่าไปจัง...โอกาสหน้าไม่แน่
อาจเป็นผมที่เป็นคนเอาภาพมาลง หุหุ
ขอบคุณค่ะ..เป็นประเพณีที่งดงามท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามมากๆค่ะ..
ภาพของพิสิฐ เสนานันท์กุล
ยินดีรู้จักค่ะ คุณธนา
วัฒนธรรม การเวียนเทียนกลางน้ำ อาจเป็นของใหม่
สำหรับส่งเสริมเพื่อการท่องเที่ยว
แต่ก็ทำให้เมืองพุทธ มีเสน่ห์ขึ้นค่ะ
กว๊านพะเยา ผมเคยไปหลายปีมาแล้ว สมัยเรียนหนังสือ
เวียนเทียนกลางน้ำ ได้ทั้งรสธรรม และ รสธรรมชาติ
ขอบคุณครับ นำบันทึกดีๆมาฝาก