บทบรรณาธิการ

บทบรรณาธิการ

        ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ย้อนหลังไป ๗๘ ปี คือ วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นับเป็นความก้าวหน้าทางการปกครองครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์ที่ควรระลึกและจดจำ  แม้ว่าวันนี้ หลายคนจะกล่าวว่า ประชาธิปไตยที่ว่านั้น จะมีเพียงครึ่งใบ หรือประชาธิปไตยเลือกตั้ง แบบ อำนาจกำหนดเพียง ๔ วินาทีในคูหาเท่านั้น

        ๗๘ ปีต่อมา ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ ที่ศาลแขวงจังหวัดนครศรีธรรมราช คือวันพิพากษาคดี ระหว่างนายอำเภอสิชล และชาวบ้านที่ออกมาเคลื่อนไหวตามสิทธิประชาธิปไตย ที่ชาวบ้านอยากกำหนดอนาคตตัวเอง จนถูกฟ้องข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน สุดท้ายคำพิพากษายกฟ้อง เป็นชัยชนะของประชาชน และประชาธิปไตยเล็กๆ ได้เบ่งบานอีกครั้ง

        เดือนนี้ คงไม่พ้นกระแส ไฟฟ้าถ่านหินไปได้ หลังจากทีมงานการไฟฟ้าการผลิตรุดลงพื้นที่อย่างหนัก ทั้งหัวไทรและท่าศาลา  ชาวบ้านทั้งสองพื้นที่รีบรวมพลสร้างการเรียนรู้ นำโดย รองนายก อบจ.ที่ออกมายืนยันว่า “พลังงานไฟฟ้าถ่านหิน ขอเลือกเป็นสิ่งสุดท้าย หลังจากไม่มีพลังงานอะไรแล้ว” ในที่สุดชาวบ้านจากท่าศาลา หัวไทร จับมือ รุดยื่นหนังสือผู้ว่า ล้อมคอกก่อนวัวหาย อีกทั้งประเด็น ท่าเรือเชฟรอน ที่ท่าศาลา เดือนนี้มีการนำเสนอข่าวคัดค้านเป็นครั้งแรกๆ

        เดือนนี้อีกเช่นเดียวกัน ครบรอบการเสียชีวิตของนักสู้ อย่างเจริญ วัดอักษร นักสู้คัดค้านการสร้างไฟฟ้าถ่านหิน บ่อนอก-หินกรูด ที่ถูกมารร้ายยิงเสียชีวิต พี่น้องนครศรีฯ ชุมพร และอีกหลายจังหวัดเดินทางไปร่วมเรียนรู้จากการจัดสัมมนาในครั้งนี้ด้วย

        ในส่วนของเครือข่ายที่ดิน รัฐบาลขานรับนโยบายสร้างหลักประกันเปิดสำนักงานรองรับการปฏิรูปที่ดินและโฉนดชุมชน พื้นที่นครศรีเร่งสร้างกระบวน ๒ พื้นที่หลัก คือ ที่ดินสาธารณะ ต.ทุ่งปรัง พื้นที่เดียวที่ยังรกร้างว่างเปล่าเพื่อรอการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขานัน ติดต่อหลายตำบลที่ประกาศเขตอุทยานซ้อนทับพื้นที่ของชาวบ้าน หลายพันครัวเรือน เป็นพื้นที่เดียวกันที่จะสร้างเขื่อนนำน้ำไปใช้ในนิคมอุตสาหกรรม

        เดือนนี้ที่ นครศรีธรรมราช จึงมีแต่เรื่องใหญ่ๆ  เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และรู้จักสิทธิและหน้าที่ของตัวเองอย่างเป็นระบบและมีกระบวนการ แต่คงปล่อยให้ชาวบ้านเดียวดายเพียงลำพังไม่ได้ ต้องสร้างพลังและเสริมพลังจากทุกองค์กรและทุกภาคส่วนอยู่ครับ

        ประกาศ ล่วงหน้า ๕ สิงหาคม ๕๓ ที่ อบต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา เชฟรอน เปิดเวทีอีไอเอ ครั้งที่ ๒ เพื่อฝืนมติชาวบ้าน และอุตส่าห์เปลี่ยนสถานที่เพื่อหนีมวลชนที่กลาย คงเป็นอีกเล่ห์เหลี่ยมหนึ่ง ที่ไม่ยอมจัดในที่เกิดเหตุ เพื่อลดแรงกดดันของพื้นที่ลง เพราะงานนี้กระแสบอกว่า ข้างบนไฟเขียวแล้ว แต่ยังผ่านกระดูกชิ้นโตอย่างชุมชนไม่ได้  งานนี้หลายฝ่ายเร่งเคลื่อนไหวต้านอย่างหนัก แล้วเจอกันในเวทีนะครับ

        ฉบับหลังจากนี้ จะลดเนื้อหาของพื้นที่ลง จะจัดทำเป็นฉบับวิชาการ  โดยมีนักวิชาการและผู้มีประสบการณ์จะเขียนมาลง ติดตามฉบับหน้านะครับ