สมาคม อสม.แห่งประเทศไทยรุก อสม. ที่กลายให้ใส่ใจ CHIA
เรื่อง / ภาพ : ใบใผ่ลู่ลม
ศูนย์ข่าวพลเมือง ฅนคอน ฉบับที่ ๕ พฤษภาคม ๕๓
หลังจากที่ประเทศไทยและพื้นที่ชุมชนหลายแห่งในประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการพัฒนา ทำให้หลายหน่วยงานได้ร่วมกันขับเคลื่อนประเด็นนี้ให้เป็นจริง และสมาคม อสม.ก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ และได้ลงมายังพื้นที่ตำบลกลายเพื่อชวน อสม.ขบคิดขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้
หลังจากที่นัดแนะอสม.ทุกหมู่บ้านมารวมกันที่สถานีอนามัยดอนใครแล้ว ได้เรียนรู้ว่าชาวบ้านที่นี่พร้อมเพรียงกันมาก ทั้งที่อาจจะยังไม่เข้าใจว่า CHIA คืออะไร แต่เมื่อได้ยินว่าสมาคม อสม.จะมาพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมสายตาทุกคนก็ให้ความสนใจแม้ว่าศัพย์หรือกฏหมายบางอย่างที่พูดจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม
หลังจากบรรยายเชิงหลักการเสร็จแล้ว พี่ขาวยกมือถามว่า “มีวิธีการไหนบ้างที่เราจะหยุดอุตสาหกรรมได้” แม้ว่าคำตอบที่ได้รับจะไม่มีคำตอบตรงๆ แต่คำถามก็สะท้อนถึงความรู้สึกนึกคิดของคนกลายที่ไม่ต้องการอุตสาหกรรม
หลังจากคำถามแรก...ประโยคต่อมาก็เริ่มมีการวิพากย์วิจารณ์กันมากขึ้นเกี่ยวกับ นิคมอุตสาหกรรม เชฟรอน ต่างคนต่างแสดงความเห็นเบาๆ เมื่อมีคนยกมือถามต่อว่า “ถ้าเกิดอุตสาหกรรมขึ้นเราจะป้องกันไม่ให้เกิดอย่างไร” แล้วก็มีเสียงบ่นเบาๆพร้อมๆกันว่า “จะให้ทำปรือก็บอกมาเราคิดไม่ค่อยออก...”
เยาวชนคนหนึ่งบอกว่า “เราไม่เห็นรู้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วหลังจากนี้จะทำอย่างไรดี” เขารายงานตัวว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพ เพิ่งกลับมาบ้านยังไม่รู้ข่าวมาก แต่สีหน้าแสดงออกถึงความกังวลอย่างชัดเจน และเอาธุระกับบ้านตัวเอง สังเกตได้จากคำถามต่อมาที่ว่า “แล้วถ้าพานักศึกษามาช่วยจะทำอย่างไรได้บ้าง อยากชวนเพื่อนเข้ามาทำงานในบ้านเรา” คำถามนี้เกิดจากความรู้สึกอย่างแท้จริงโดยที่ลืมคิดไปว่าตัวเองเรียนอยู่ที่กรุงเทพ
คำถามในวงประชุมประดังมาอีกหลายคำถาม...จนมีคนบอกว่าเรามาคิดกันดีไหมว่าจะมีวิธีการทำอย่างไรจึงจะหยุดนิคมอุตสาหกรรมได้...บรรยากาศหลังจากนี้จึงเต็มไปด้วยการแสดงออกถึงความต้องการที่จะทำให้พื้นที่ตำบลกลายสงบสุขท่ามกลางธรรมชาติ
ประการแรก....คนกลายในที่ประชุมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คนกลายส่วนใหญ่ไม่เอาอุตสาหกรรมเพียงแต่มีอำนาจบางอย่างมาทำให้คนกลายยังไม่กล้าแสดงออก
ประการที่สอง...คนกลายยังคงรักแผ่นดินเกิดไม่อยากให้ใครมาทำลายธรรมชาติ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนกลายซึ่งสั่งสมมานานนับร้อยปี ชีวิตแบบนี้ยังสามารถสร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้ไปถึงลูกหลานได้
ประการที่สาม... ชาวกลายรู้ว่าการเกิดอุตสาหกรรมไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนกลายส่วนใหญ่ได้ แต่จะนำมาสู่การทำลายเศรษฐกิจระยะยาว เช่น ชาวประมง การทำกุ้งเคย หรือแม้แต่คนทำสวนก็ได้รับผลกระทบ ประสบการณ์นี้ได้รับการถ่ายทอดจากคนที่ไปดูงานจากอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ประการที่สี่...คนกลายในที่ประชุมเห็นว่าเราไม่ต้องการเชฟรอนและนิคมอุตสาหกรรมจึงต้องรวมพลังกันต่อสู้แต่อยากให้มีผู้นำการต่อสู้นำทุกคนไปในแนวทางเดียวกัน
ประการที่ห้า...หลังจากนี้ อสม.จะเริ่มกระจายความรู้ที่ได้รับให้กับครอบครัวที่ตัวเองรับผิดชอบเพื่อให้เกิดการรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคนในตำบลกลายอย่างทั่วถึงมากขึ้น
“หลังจากนี้ภารกิจแรกคือ อสม.จะต้องรับผิดชอบครอบครัวในความดูแลของตัวเองคนละ10ครัวเพื่อกระจายความรู้ที่ถูกต้องหลังจากนั้นเราค่อยร่วมกันขจัดมลพิษที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลกลาย” แกนนำ อสม.บอกกับทุกคนในที่ประชุม
เป็นการบอกกล่าวข้อมูลซึ่งบริษัทไม่เคยบอกให้ชาวบ้านรู้ข้อเท็จจริงมาก่อนเลย เพราะฉะนั้น อสม.จึงต้องทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของคนในชุมชนเอง เพราะสุขภาพหรือผลกระทบสุขภาพไม่ใช่มีแต่เรื่องโรคอีกต่อไป ทั้งนี้เพราะประสบการณ์จากจังหวัดอื่นๆบอกให้ทราบว่าอันตรายจากสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมทำให้เกิดวิกฤติทางสุขภาพอย่างร้ายแรง
อสม.ในวันนั้นสรุปตรงกันว่า...บ้านของเราจะต้องรักษาด้วยตัวของเราเองไม่มีใครจะมารักบ้านเท่ากับเราที่อยู่มานานหลายชั่วอายุคน... ภารกิจของอสม.จึงทำหน้าที่รักษาบ้านของตัวเองด้วยการบอกความจริงกับสมาชิก๑๐ ครอบครัวที่ตัวเองรับผิดชอบ
เป็นการแสดงหน้าที่เพื่อรักษาแผ่นดินเกิดและย้ำตรงกันว่าจะไม่ยอมสูญเสียแผ่นดิน จะสู้ทุกวิถีทาง
แวะมายกมือเห็นด้วยๆคนค่ะ