ปัญหานานัปการที่รุมเร้าเข้าสาดซัดให้วงการเกษตรบ้านเราสั่นคลอน เกษตรกรขาดความมั่นใจในอาชีพการเกษตร ส่งผลให้บางครัวเรือนทิ้งถิ่นฐาน หรือขายที่ดินทำกินเข้าไปใช้แรงงานในสถานประกอบการอื่นๆ เนื่องจาก โรคและแมลงที่เข้าทำลาย ปัจจัยการผลิตที่มีราคาแพง แต่ผลผลิตการเกษตรมีราคาถูก รวมทั้งอนาคตที่มองไม่เห็นถึงความรุ่งเรื่องเนื่องจากต้องต่อสู้ด้านการตลาดกับผลผลิตทางการเกษตรของต่างชาติตามข้อตกตงการค้าเสรี เกษตรกรชาวสวนบางรายปรับตัวไม่ทันล้างสวนมะนาวทิ้งเปลี่ยนกิจกรรมเป็นนาข้าว ด้วยเห็นว่ามีการประกันราคาที่แน่นอน รวมทั้งไม่มีความยุ่งยากมากนัก เพียงยกโทรศัพท์จ้างแรงงานที่มีอยู่ในท้องถิ่นไปทำกิจกรรมตามที่ต้องการ ตั้งแต่เตรียมดินจนกระทั้งผลผลิตเข้าสู่โรงสี พบว่าต้นทุนการผลิตมีราคาสูงมากไม่คุ้มกับราคาที่ได้รับ การส่งเสริมการใช้สมุนไพรและการพัฒนาองค์ความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นส่วนหนึ่งที่สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาทได้ส่งเสริมให้เกษตรกรได้รับรู้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรได้อย่างชัดเจน ดังคำที่ว่า “ปัญหาหลายอย่างอาจหมดไปเพียงจัดการกับรากเง้าของปัญหานั้น” นั่นคือการส่งเสริมให้เกษตรกรได้พัฒนาการใช้ปัจจัยที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงประหยัดสุด เพราะปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงเกิดจากการบริหารจัดการของเกษตรกรส่วนใหญ่พึ่งพาปัจจัยจากภายนอกมากเกินไป
คุณไพโรจน์ ฉิมดี เกษตรกรหัวไวใจสู้วัย 56 ปี หมู่ 8 ต.นางลือ อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท ได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ใช้สมุนไพรที่พอจะหาได้ในพื้นที่ เพื่อป้องกันและกำจัดโรค-แมลงศัตรูส้มมะนาวจำนวน 12 ไร่ สามารถลดต้นทุนจากการจัดหาสารเคมีได้จำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงมะนาวแตกใบอ่อนจะต้องฉีดพ่นสารเคมีทุก 7-8 วัน ประมาณ 4 ครั้ง/เดือน ลงทุนค่าสารเคมีประมาณ 3,600 บาท แต่เมื่อใช้สารสมุนไพร จะลงทุนประมาณ 500 บาท /เดือน ความถี่ของการฉีดพ่นที่ใกล้เคียงกัน
แนวคิดของการใช้สารสมุนไพร
คุณไพโรจน์ กล่าวว่า ปี 2550 ได้เปลี่ยนสวนส้มโอขาวแตงกวาที่มีลำต้นแก่มากแล้วเป็นสวนมะนาว ต้องใช้สารเคมีจำนวนมากเป็นการลงทุนที่สูงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงได้แสวงหาความรู้การใช้สมุนไพรจากเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรและจากเอกสารต่างๆ แต่ในช่วงแรกได้ทดลองใช้ยาสูบหมักด้วยน้ำใช้ในอัตรา 20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ไม่ประสบผลสำเร็จจึงเลิกใช้สารสมุนไพร กลับไปใช้สารเคมีเหมือนเช่นเคย แต่เมื่อผ่านไป 1 ปี พบการระบาดของเพลี้ยต่างๆ เข้ามาทำลายจำนวนมากจนเบื่อหน่ายต่อการใช้สารเคมี เมื่อพบถังหมักยาสูบที่หมักทิ้งไว้ระยะเวลานานเกือบ 1 ปี ได้นำมาทดลองใช้อีกครั้ง แต่ใช้ในอัตราที่เข้มข้นคือ 40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร พบว่าเพลี้ยต่างๆ หยุดการระบาด จึงเกิดกำลังใจที่จะศึกษาและประยุกต์ใช้สารสมุนไพร ทดลองทำตั้งแต่การหมักด้วยน้ำ แอลกอฮอล์ และการกลั่นด้วยไอน้ำ พบว่าการใช้อย่างใดอย่างหนึ่งนั้นได้ผลดี แต่ต้องการให้ได้ผลที่ดีที่สุดด้วยต้นทุนที่ไม่มากนัก รวมทั้งมีผลเสียต่อมะนาวน้อยจึงประยุกต์ใช้ทั้ง 3 วิธีเข้าด้วยกัน คือการหมักด้วยแอลกอฮอล์และน้ำก่อนที่จะนำมาสกัดด้วยไอน้ำ พบว่าได้ผลดีมากและไม่มีผลต่อใบมะนาวเมื่อใช้อย่างเข้มข้นถึง 30 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร แต่ด้วยสมุนไพรบางตัวหายากและสังเกตพบว่าพืชบางชนิดในพื้นที่มีความสมบูรณ์และไม่มีแมลงเข้าทำลาย บงบอกว่ามีสารป้องกันแมลงศัตรูพืช จึงทดลองมาใช้และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
วิธีสกัดสารสมุนไพร
วัสดุ เหล้าขาวหรือแอลกอฮอล์ 1 ขวด(625 ซีซี) น้ำส้มสายชู 500 ซีซี น้ำสะอาดประมาณ 15 ลิตร เมล็ดสะเดาบด 1 กก.(หรือใบแก่จัดแต่ต้องเพิ่มจำนวนมากขึ้น) ใบสาบเสือ บอระเพ็ด ใบรัก หรือสมุนไพรต่างๆ ที่พอหาได้ นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ นำไปใส่ภาชนะชั่งให้ได้น้ำหนัก 5 กก. ก่อนราดรดด้วยเหล้าขาวหรือแอลกอฮอล์ และน้ำส้มสายชูที่เตรียมไว้ คนให้เปียกจนทั่วหมักทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง เทน้ำสะอาดให้ท่วม ปิดฝาภาชนะหมักทิ้งไว้ 1 คืน เทใส่ภาชนะกลั่นที่ดัดแปลงจากหม้อกวยเตียวเก่าๆ กลั่นด้วยไฟอ่อนๆ เนื่องจากถ้าใช้ไฟแรง จะทำให้ได้น้ำมากแต่ได้สมุนไพรน้อย จะได้สารสกัดประมาณ 5-8 ลิตร เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปใช้ฉีดพ่นมะนาวในอัตรา 20-30 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร แต่ถ้าจะให้มีความเข้มข้นอีกอาจนำน้ำสมุนไพรที่สกัดได้ราดรดในถังหมักสมุนไพรชุดใหม่ โดยดำเนินการเช่นเดิม จะได้สมุนไพรความเข้มขนร้อยละ 70 สามารถป้องกันหนอนชอนใบ ไรแดง และเพลี้ยต่างๆ และเก็บไว้ได้นานกว่าการหมักด้วยน้ำหรือแอลกอฮอล์
ดีครับ หากทำได้
จะดีเพราะมะนาว แมลง หนอนโรค เยอะมาก
สวัสดีครับ
ชอบแบบนี้แหละครับ
อยากให้ทุกคนหันมาใช้แบบนี้
เป็นวัสดุจากธรรมชาติ หาได้ง่ายครับ