Research
R หมายถึง ฝึกให้เกิดความรู้ หรือ รวบรวมผู้มีความรู้ (Recruitment) และการทำงานร่วมกัน ติดต่อสัมภาษณ์และประสานงานกัน (Relationship),
Eหมายถึง ผู้ที่จะทำวิจัย จะต้องมีความรู้ (Education) และ มีสมรรถภาพสูงในการวิจัย (Efficiency),
S หมายถึง ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีเหตุผล ไม่มีอคติ (Science) และ กระตุ้นเร้าให้เกิดความคิดริเริ่ม (Stimulation),
E หมายถึง ประเมินผลได้ (Evaluation) และใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการวิจัย (Equipment),
A หมายถึง มีจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายที่แน่นอน (Aim) และ มีทัศนคติที่ดีต่อการวิจัย (Attitude),
R หมายถึง ยอมรับในผลการวิจัย (Result),
C หมายถึง อยากรู้ อยากเห็น สนใจ และขวนขวายในงานวิจัยเสมอ (Curiosity),
H หมายถึง เกิดแสงสว่าง โดยผลการวิจัย ย่อมทำให้เข้าใจในปัญหาต่างๆ ได้ (Horizon)
สรุปเมื่อเรานำเอาอักษร ที่ได้กล่าวถึงความหมายต่างๆข้างต้นมาวิเคราะห์ เราก็จะเห็นได้ถึงความสัมพันธ์ของ คำว่า วิจัย (Research) กับ อริยสัจ ๔ (Noble Truth) โดย พื้นฐานก่อนที่จะมาเป็นการวิจัย (Research) นั้น เริ่มจากการที่มีความสงสัยว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นอย่างไร เปรียบได้ดังทุกข์ เป็นสิ่งที่ทนได้ยาก เนื่องเกิดจากความสงสัย เมื่อเกิดความสงสัยขึ้นมา ก็อยากรู้อยากเห็น (C=Curiosity) ซึ่งเป็นตัณหา ความทะยานอยาก เรียกว่า สมุทัย เพราะเหตุให้เกิดทุกข์ จากนั้นก็หาวิธีการต่างๆ ในการวิจัย ไม่ว่าจะเป็น (R=Recruitment, Relationship), (E=Education, Efficiency), (S=Science, Stimulation), (E=Evaluation, Equipment), (A=Aim, Attitude) และ (R=Result)ซึ่งเป็นวิธีการที่มีแบบแผนเป็นระเบียบ ซึ่งดับตัณหาได้สิ้นเชิง ทุกข์ดับไปหมด ได้ชื่อว่านิโรธ เพราะเป็นความดับทุกข์ เพราะได้ทราบถึงผลของความอยากรู้ สิ่งสุดท้ายคือ (H=Horizon) เกิดแสงสว่าง โดยผลการวิจัย ทำให้เข้าใจในปัญหาต่างๆ ทำให้เกิดความรู้ที่เรียกว่าปัญญา คือ ปัญญาอันเห็นชอบว่าสิ่งนี้คือทุกข์ สิ่งนี้เหตุให้ทุกข์เกิด สิ่งนี้ความดับทุกข์ สิ่งนี้ทางให้ถึงความดับทุกข์ มีชื่อว่ามรรค เพราะเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงดับทุกข์ ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นภาพของความสัมพันธ์ของคำว่า วิจัย (Research) กับ อริยสัจ ๔ (Noble Truth) และสามารถที่จะเชื่อมโยงถึงกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างมีเหตุและผล ตามหลักของ การวิจัย และ อริยสัจ ๔
ไม่มีความเห็น