เมื่อครูภาทิพหนีร้อนไปพึ่งเย็น ตอนที่ ๒ คนไทยใจดีที่โลซาน


 ทิวทัศน์สองข้างทางจากซูริคมาเบิร์นกระทั่งถึงโลซาน

ภาพซ้ายด้านบนเป็นดอกไม้ในป่าปูนริมทางรถไฟ  สวยมาก  มันแทรกช่องว่างของปูนที่ปริแยก เพียงเพราะได้รับแสงอันน้อยนิด 

 

      ก่อนการเดินทางมาสวิตเซอร์แลนด์  พวกเราคุยและวางแผนกันว่า  ไหนๆ  เราก็เสียค่าเครื่องบิน  เดินทางมาแล้ว   เที่ยวทั้งทีก็เที่ยวให้นานไปเลย     แต่เวลาที่ยาวนานก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตามไปด้วย   วิธีการประหยัดก็คือเราหาที่พักฟรีที่ต่างแดน    หลังจากได้ที่พักที่ซูริคซึ่งเป็นเพื่อนรักของพี่เอียดที่ร่วมทางมาด้วยแล้ว   ครูภาทิพก็ติดต่อมายังญาติที่โลซาน   จึงได้ที่พักที่โลซานอีก ๒ คืน  คืออพาร์ตเมนท์ของ นิดกับคุณฮันท์  

 

 

     นิดและคุณฮันต์ก็ต้อนรับและดูแลพวกเราไม่แตกต่างไปจากพี่เม้าและคุณเคิร์ท ทั้งที่พักและอาหาร  ขณะที่เราสนุกเพลิดเพลินที่ซูริค  นิดก็โทรติดต่อมาโดยตลอด พร้อมทั้งนัดหมายสถานที่ที่จะมารับเรา  คนที่เคยไปสวิตเซอร์แลนด์จะทราบดีว่า  เมืองซูริคกับโลซานมันห่างไกลกันละทิศกันเลย  หรือเหนือกับใต้  ประมาณชียงใหม่กับสงขลาได้ กระมัง    เพียงแต่การคมนาคมของเขาดีกว่าเรา  ทำให้การเดินทางรวดเร็วกว่า  นิดนัดหมายมารับพวกเราที่สถานีรถไฟเมืองเบิร์น  ซึ่งเป็นกึ่งกลางระหว่างทางพอดี   

 

 

ด้วยระยะทางที่ห่างไกลของเมืองซูริคกับโลซาน  นิดจึงเล่าเรื่องการเดินทางมาสวิตครั้งแรกให้เราฟังว่า  นิดลงเครื่องที่ซูริค   แล้วเดินทางโดยรถไฟเพื่อมาที่โลซานเอง   โดยคุณฮันท์ให้เหตุผลว่า  “ให้ฉันรักเธอมากแค่ไหน  แต่ฉันก็ไม่ขับรถยนต์ไปรับเธอด้วยตัวเองหรอก”  นี่ถ้าเป็นหนังไทย  พระเอกต้องขับรถมารับนางเอกเองแน่ๆ เลย  แต่นี่ฝรั่งเขาคงเห็นว่าเมืองเขาปลอดภัยสะดวก  น่าจะมาได้กระมัง  ถ้าเป็นครูภาทิพ   คงสละสิทธิ์ที่จะเดินทางมาเป็นแน่

ภาพบนเมืองเบิร์น  ล่าง อพาร์ตเมนท์ที่พัก เมืองโลซาน และนาฬิกา

   เมื่อนิดมาพบกับเราที่เมืองเบิร์น  ก็พาพวกเราเดินเล่นที่เมืองเบิร์น ประมาณ ๒ ชั่วโมง ก็พากันขึ้นรถไฟไปยังโลซาน  นำสัมภาระไว้ยังที่พัก   แล้วเข้าไปจับจ่ายอาหารไทยที่ร้านของชาวเวียดนาม ซึ่งมีครบทุกอย่างตั้งใจจะทำขนมจีนแกงไตปลาซึ่งพวกเรานำไตปลาแห้งไป    ส่วน นิด คุณฮันท์และโรเช่   ต้อนรับเราด้วย หมูย่างไก่ย่าง สลัดผัก  และไวน์  พวกเราชมความอร่อยของหมูย่างที่นุ่มหอม กลมกล่อมไม่ขาดปาก จนเกือบลืมขนมจีนแกงไตปลา  จึงได้ทราบว่า คุณฮันท์เรียนด้านการทำอาหารมาก่อน     คืนนั้นพวกเราได้แย่งห้องนอนของโรเช่   แต่โรเช่กลับดีใจ   เพราะการแย่งห้องของพวกเราทำให้โรเช่ได้นอนกับพ่อและแม่

 ขนมจีนแกงไตปลาจากปักษ์ใต้  ประชันหมูย่างและไก่ย่างของคุณฮันท์

ภาพบน ขนมจีนแกงไตปลาจากปักษ์ใต้ประชันหมูย่างไก่ย่างหอมกรุ่นของคุณฮันท์  ภาพล่างศาลาไทยที่โลซานไกลออกไปฝั่งตรงกันข้ามคือประเทศฝรั่งเศส

 

 

       รุ่งเช้าพวกเราดื่มชาตะไคร้และครัวซองที่อร่อยมากๆ  เอาปาท่องโก๋มาแลกก็ไม่ยอมแล้วเดินทางไปเที่ยวเขาจุงฟราวน์     โดยคุณฮันท์จัดเตรียมตารางเวลารถขบวนต่างๆ ให้เรา   พวกเราเดินทางไปเขาจุงฟราวน์  ด้วยตั๋วที่เราซื้อไปจากเมืองไทยเช่นเดียวกัน 

 

      ก่อนไปเที่ยวมีเสียงเรียกร้องจากน้องพิมว่ามื้อเย็นนี้ขอชิมฟองดูฝีมือคุณฮันท์

 

 

       เมื่อพวกเรากลับมาที่พัก  เราก็พบว่าคุณฮันท์กำลังทำฟองดูอย่างขมีขมัน   โดยมีโรเช่เป็นลูกมือ    พี่เอียดจึงเข้าไปทำขนมจีนและอุ่นแกงไตปลาไว้สำรอง   

 รสชาติฟองดูดั้งเดิม  มันไม่อร่อยตามความรู้สึกที่น้องพิมจินตนาการจากการ์ตูนเลย

       เมื่อถึงเวลาอาหาร   พวกเราเริ่มที่ฟองดูก่อน  ซึ่งฟองดูนี้เป็นฟองดูแบบดั้งเดิมของชาวสวิตเซอร์แลนด์   ครั้งแรกมีความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มชิมรส   แต่จากกลิ่นที่ฉุนร้อนแรงของหอมใหญ่และเครื่องเทศทำให้พวกเราเริ่มรู้ชะตากรรม   ทุกคนจับไม้จิ้มขนมปังถือไว้ด้วยท่าที่มาดมั่น   และทำตามแบบเจ้าบ้าน คำแรก หอม ร้อน นุ่มเหนียวหนึบ  ยังพอไปได้  คำที่สองเริ่มหันหน้ามองกัน พวกเราต้องดื่มไวน์สลับบ่อยๆ เพื่อจะได้ไม่เลี่ยน   ขณะที่เจ้าบ้านทานอย่างเอร็ดอร่อย   พวกเราทานไปเรื่อยๆ  ยิ้มขำๆ ให้แก่กัน   น้องพิมผู้เรียกร้อง  ก็ทานไปไม่กล้าบ่น   แต่สังเกตว่าความกระตือรือร้นเริ่มลดลง  

      เมื่อฟองดูเริ่มแห้งงวด   คุณฮันท์ก็นำช้อนมาช้อนเอาตะกอนก้นหม้อ ออกมาเป็นแผ่น แล้วแจกให้ทุกคนได้ชิม     รสชาติดีกว่าฟองดูเหลว  เพราะมีกลิ่นและรสใกล้เคียงกับปลาเค็มบ้านเรานั่นเอง   เมื่อขนมปังสำหรับจิ้มฟองดหมด  ทุกคนยิ้มเหมือนกับนักวิ่งที่วิ่งถึงเส้นชัย   จากนั้นขนมจีนแกงไตปลาที่เหลือจากเมื่อวานก็ได้รับเกียรติเป็นรายการต่อไป  พร้อมทั้งหมูย่างและไก่ย่างจากมื้อเมื่อวานก็หายไปภายในพริบตา  

 แม้จะเหนื่อยล้ามาจากงาน แต่คุณฮันท์ก็ไม่ละเลยที่จะพาพวกเราตระเวนชมโลซาน

     เมื่อทานอาหารเสร็จ  คุณฮันท์พาพวกเราชมเมืองโลซานในยามค่ำ  ไปชมศาลาไทย  ชมชายแดนฝรั่งเศสที่มองเห็นอยู่ลิบๆ  ชมโบสถ์เก่าแก่  และกลับมานอนในห้องของโรเช่เช่นเดิม ก่อนนอนคุณฮันท์เข้ามาลาพวกเราก่อนเพราะคุณฮันท์ต้องเข้าทำงานตั้งแต่เวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา

 

       รุ่งเช้าของวันที่ ๒๘  นิดมาส่งพวกเราขึ้นรถเมล์  ลงจากรถเมล์พวกเรานั่งรถไฟจากโลซานมาถึงซูริค   พวกเราต่อรถราง ไปยังจุดนัดหมายที่พี่เม้าและคุณเคิร์ทรอรับเพื่อไปดินเนอร์เลี้ยงส่งพวกเราที่ชาเลต์  เป็นการอำลา

 

                 ภาษาไทยวิทยาทานแหล่งเรียนรู้ภาษาไทยจัดทำโดย สทร.

 

หมายเลขบันทึก: 388844เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2010 19:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 02:26 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท