ชื่อวิทยานิพนธ์ ผลการสอนอ่านภาษาอังกฤษด้วยวิธี เค ดับเบิลยู แอล-พลัส ที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านและเจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย นางสาวนพรัตน์ พงษ์สุข
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นวลศรี ชำนาญกิจ
สาขา การจัดการหลักสูตรและการเรียนรู้
ปีการศึกษา 2552
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนอ่านด้วยวิธี เค ดับเบิลยู แอล - พลัส 2) เพื่อศึกษาจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนอ่านภาษาอังกฤษด้วยวิธี เค ดับเบิลยู แอล - พลัส ที่มีคะแนนความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม 3) เพื่อเปรียบเทียบเจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนอ่านด้วยวิธีเค ดับเบิลยู แอล - พลัส
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนเทศบาลวัดจอมคีรีนาคพรตสังกัดเทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 30 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ 1) แผนการสอนอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้วิธี เค ดับเบิลยู แอล - พลัส ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก 2) แบบทดสอบวัดความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษซึ่งมีค่าความยากง่าย อยู่ระหว่าง 0.38-0.76 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.21-0.61 และค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.78 3) แบบวัดเจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษมีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.73
ผู้วิจัยดำเนินการทดลองสอนกับกลุ่มทดลองแบบกลุ่มเดียวสอบก่อนและหลัง (One -group pretest-posttest design) แล้วจึงเก็บรวบรวมข้อมูล และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยการทดสอบค่าที (t – test) และการทดสอบไค-สแควร์ (Chi-square test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนที่ได้รับการสอนอ่านภาษาอังกฤษด้วยวิธี เค ดับเบิลยู แอล - พลัส มีความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. นักเรียนจำนวนร้อยละ 86.67 ของนักเรียนทั้งหมด ที่ได้รับการสอนอ่านภาษาอังกฤษด้วยวิธีเค ดับเบิลยู แอล - พลัส มีคะแนนความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่ได้รับการสอนอ่านภาษาอังกฤษด้วยวิธี เค ดับเบิลยู แอล - พลัส มีเจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เมื่อผลการวิจัยเป็นเช่นนี้แล้ว โรงเรียนต่างๆ น่าจะได้นำไปใช้กับเด็กๆ นะครับ
ใช่ค่ะท่าน อยากให้ครูท่านอื่นๆ ได้ลองนำไปใช้ รับรองได้ผล แต่ว่า เรื่องที่นำไปใช้สอน ต้องมีเนื้อหาที่เด็กมีความรู้เดิม หรือใกล้ตัวเด็กด้วย
KWL-Plus เป็นยังไงหรือคะ สนใจค่ะ
เป็นการส่งเสริมงานวิจัย
ควรนำมาเผยแพร่
คุณ ภูสุภา คะ วิธี KWL-plus นี้เป็นการสอนอ่านแบบปฎิสัมพันธ์ เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการอ่าน เป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นความรู้เดิมก่อนอ่าน เพื่อให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ ผู้เรียนมีการวางแผน ตั้งจุดมุ่งหมายว่าตนเองอยากที่จะเรียนรู้อะไรบ้างในเรื่องที่กำลังจะอ่าน และหลังจากอ่านบทอ่านแล้วผู้เรียนจะต้องมีการตรวจสอบว่าตนเองบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ ส่วนขั้นตอนการสอนถ้าจะให้อธิบายคงยาววววววววว ลองค้นหา ตาม Thailis ดูนะคะ
เรียน คุณ โสภณ
เผยแล้วนิ
"...KWL-plus นี้เป็น<<การสอนอ่านแบบปฎิสัมพันธ์>> เน้นให้<<ผู้เรียน>>มีทักษะกระบวนการอ่าน เป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นความรู้เดิมก่อนอ่าน<<(what is already 'K'nown)>> เพื่อให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ ผู้เรียนมีการวางแผน ตั้งจุดมุ่งหมายว่าตนเองอยากที่จะเรียนรู้อะไรบ้างในเรื่องที่กำลังจะอ่าน<<what I/you 'W'ant to know>> และหลังจากอ่านบทอ่านแล้วผู้เรียนจะต้องมี การตรวจสอบ<<+>> ว่าตนเองบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้<<what is 'L'earned>>หรือไม่..." --> KWLplus.
I think KWL+ is a "learning strategy". Now, we (teachers) are "teaching" children "how to learn".
A big step ahead from "rote learning techniques for examinations". ;-)
ขอบคุณ คุณ........2521150 (แล้วชื่อไรเนี่ย ) มันก็เป็นวิธีสอนนั่นหละ คุณเก่งอังกฤษจัง อยากเก่งๆแบบนี้มั่งอ่ะ *-*
สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะให้เด็กรักการอ่าน และมีจินตนาการ