“อัลลอฮฺ ซุบฮานาฮูวะตาอาลา ได้ทรงสร้างมนุษย์เป็นเพศชายและเพศหญิง และทรงได้สร้างความรักใคร่ และความเมตตาระหว่างเพศทั้งสอง นั่นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความร่วมมือในการสร้างสรรค์ความเป็นอยู่ของพวกเขา อัลลอฮฺได้ทรงบรรจงสร้างผู้ชายให้มีความแข็งแกร่งด้านร่างกาย ความสามารถแบกรับในภาคอุตสาหะและทำงานหนัก พระองค์ก็ทรงบรรจงสร้างเพศหญิงให้มีสรีสระที่ต้องรับการตั้งครรภ์ การให้นม เลี้ยงดูลูก และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความห่วงใย ความเมตตา ฉะนั้นด้วยโครงสร้างที่พระผู้อภิบาลทรงสร้างข้างต้น เป็นธรรมชาติของผู้ชายที่จะต้องทำงานนอกบ้าน และเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่ทำงานในบ้าน”
จริงๆ แล้ว อิสลามไม่ได้ห้ามผู้หญิงทำงาน เพียงแต่มีการจัดระเบียบ มีข้อกำหนด มีกฎกติกาและวางเงื่อนไขไว้ว่า หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งก็จะกลายเป็นที่ต้องห้าม ดังต่อไปนี้
1. งานที่ทำจะต้องไม่ชนกับงานในบ้าน โดยงานที่ทำนั้นจะไม่เป็นสาเหตุของความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของนางที่มีต่อสามี และต่อลูก ๆ ของนาง และไม่ทำให้เกียรติของนางภายในบ้านต้องเสียไป
2. ต้องเป็นงานที่ทำร่วมกับเพศเดียวกัน ห่างไกลการปะปนและคลุกคลีกับเพศชาย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันให้เธอห่างไกลจากสิ่งที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เธอตกเป็นเหยื่อ และพลาดพลั้งต่ออารมณ์ใฝ่ต่ำของเพศชายซึ่งไม่ใช่สามีของตน
นักเขียนชาวอังกฤษ เลดี้ โค้ค ได้เขียนในหนังสือพิมพ์ อีโก้ [1]ว่า :
การอยู่ปะปนชายหญิงนั้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชาย และผู้หญิงเองก็ละโมบที่จะทำอะไรให้ผิดแผกแตกต่างจากธรรมชาติของเธอ ตราบใดที่มีการอยู่ปะปนระหว่างชายหญิงมากเท่าใด บุตรนอกสมรสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และนี่คือ ความหายนะอันใหญ่หลวง...
[1] อะมะลุล มัรอะตี ฟิลมีซาน . เขียนโดย อับดุลเลาะฮฺ บิน วะกีล อัช-ชัยค์
3. ต้องเป็นงานที่อนุมัติโดยพื้นฐาน และต้องเป็นงานที่เหมาะสมกับธรรมชาติของผู้หญิง ดังนั้น เธอจะต้องไม่ทำงานที่ไม่เหมาะกับธรรมชาติของเธอ อย่างเช่น งานอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานหนักๆ หรืองานในสนามรบที่ใช้เวลายาวนาน และงานที่หักโหมเกินไปสำหรับนาง เช่น งานทำความสะอาดที่เหมาะเฉพาะผู้ชาย และงานทำความสะอาดถนนหนทาง เป็นต้น ซึ่งเป็นงานที่อิสลามได้ห้ามไว้สำหรับสตรี
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://islamhouse.com