ก่อนปรับเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์สิงโต แห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของชาวสวิส เพื่อดูของจริงตามที่มัคคุเทศก์เล่าไว้
โบกมือลาประเทศสวิส-1
โสภณ เปียสนิท
....................................
หลังกล่าวคำอำลาผู้บริหารสถาบันการศึกษาด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว รถบัสเล็กแล่นฝ่าสายฝนเลียบริมเขาลัดเลาะกลับทางเดิม ก่อนปรับเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์สิงโต แห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของชาวสวิส เพื่อดูของจริงตามที่มัคคุเทศก์เล่าไว้ ฝนยังคงพรมพรำเมื่อเดินทางถึงที่หมาย กลุ่มของเราต่างเดินตามหลังมัคคุเทศก์ฝ่าสายฝนบางเบาเยี่ยมชม “สิงโต”
ภาพเบื้องหน้าที่เห็น คือหน้าผาเล็ก ๆ พื้นเรียบ สิงโตแกะสลักความยาววาเศษ ๆ นอนหันหน้าเข้าหาผู้ชม สีหน้าแสดงความเจ็บปวด กลางลำตัวมีอาวุธเสียบทะลุท้อง เป็นภาพเปรียบเทียบถึงทหารหาญชาวสวิส แม้เป็นเหมือนสิงโตที่มีเขี้ยวเล็บ แต่ยินยอมตายดีกว่าฝ่าฝืนคำสั่งทำร้ายประชาชน ภาพแบบนี้เมืองเราไม่ค่อยมี หรือมีอยู่ที่ไหนสักแห่งแต่ผมไม่ทราบ หากคุณผู้อ่านทราบช่วยแจ้งด้วยครับ
เราถ่ายภาพกลางสายฝนอย่างเร่งรีบ เพราะกลัวเปียกฝน และมีภารกิจสำคัญนั่นคือ การซื้อนาฬิกา แรกจริง ๆ แล้วผมตั้งใจว่าจะไม่ซื้อของฝากให้มากนัก เพราะเป็นห่วงเงินในกระเป๋า และเกรงว่าประเทศชาติจะเป็นหนี้ขาดดุลการค้าต่างประเทศ แต่มัคคุเทศก์แนะนำว่า อย่างไรเสียน่าจะทดลองใช้นาฬิกาสวิสแท้สักเรือน เพื่อให้รู้ถึงความตั้งอกตั้งใจทำนาฬิกาให้เป็นตัวแทนของประเทศ แล้วจะรู้ว่านาฬิกาสวิสดีอย่างไร
ผมจึงตัดสินใจซื้อนาฬิกาอย่างน้อยหนึ่งเรือนตามคำแนะนำ เพื่อทดสอบเกียรติคุณแห่งนาฬิกาสวิสสักครั้ง มัคคุเทศก์แนะนำให้เข้าใช้บริการร้านค้าเล็ก ๆ ตรงหัวมุมใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์สิงโต โดยบอกว่าราคาไม่แพงกว่าร้านอื่น ๆ แน่นอน พวกเราสิบกว่าคนจึงเข้าร้านนี้ แย่งกันหยิบดูบ้าง ซื้อบ้างแล้วแต่ความสนใจ
ผมเลือกซื้อนาฬิกาเล็ก ๆ หนึ่งเรือน เพื่อฝากคนที่บ้าน ในราคา 49 ฟรังก์ (ฟรังก์ละสามสิบบาทเศษ) ได้ของฝากสำหรับคนที่บ้านแล้ว คราวนี้ก็ยังขาดของฝากสำหรับคนที่บ้านคนเล็กอีกคน เลือกไปเลือกมาได้ตุ๊กตาไม้ มีสัญลักษณ์ของธงชาติสวิสติดอยู่ด้วยราคา 18 ฟรังก์ ซึ่งก็ไม่แพงจนเกินไปนัก และดูแล้วมีความทนทานเก็บเป็นที่ระลึกได้นาน
มองเพื่อนพ้องเห็นซื้อบ้างต่อราคาบ้างน้อยบ้างมากบ้างชุลมุนอยู่ในร้าน ดูเหมือนว่าร้านนี้จะได้เงินพวกเราไปไม่น้อย ไม่นานนักเห็นเจ้าของร้านโทรศัพท์ตามคนขายมาช่วยงานอีกหนึ่งคน เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างพวกเราได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
หลังเสร็จกิจการซื้อของขวัญของฝาก ต่างตัวเบากลับมาขึ้นรถ มัคคุเทศก์แนะนำว่าจะนำสู่ร้านอาหาร จีนชื่อชางเช็ง เพื่อรับประทานอาหารเที่ยง สังเกตว่าการเลือกร้านอาหารให้คณะของเราเป็นไปอย่างดีมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า โดยเน้นไปที่ร้านอาหารจีน และมัคคุเทศก์เตรียมพริกน้ำปลาไปด้วยทุกมื้อ ครั้งแรกคิดว่าที่ร้านทำไว้สำหรับลูกค้าชาวไทย มารู้ทีหลังครับว่า มัคคุเทศก์ของเรานี่เองครับเตรียมทั้งพริก ที่บดพริก น้ำปลา มะนาว แล้วจัดการทำสด ๆ ในร้าน
สำรวจรายการอาหารตามที่บันทึกไว้พบว่า มีรสชาติที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็น เป็ดพะโล้ ไก่ทอด ปลาราดพริก (แบบจีน) ผัดบรอคโคลี่ ผัดผักรวมมิตร ที่สำคัญจริง ๆ ก็คือ น้ำปลาพริกที่มัคคุเทศก์จัดการไว้ให้นั่นเอง