เรื่องสั้นกตัญญู


แม่เป็นแบบอย่างของความเป็น " แม่ " อย่างแท้จริง

                     คำสอน 

                                                          โดย..ทวีศรี  จันทร์เอี่ยม

            แม้ว่าแม่จะไม่มีโอกาสได้เรียนจบชั้นสูง ๆ และอาจจะเป็นคนที่มีความรู้น้อยในสายตาคนอื่น ๆ แต่สำหรับฉัน แม่คือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่ใคร ๆ อาจไม่มีโอกาสพบอย่างฉัน  ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันได้สัมผัสและรู้จักคุณค่าของความเป็นคนอย่างแท้จริง จากการได้เห็นแม่ปฏิบัติตนในแต่ละบทบาทได้อย่างเหมาะเจาะ

            เมื่ออยู่กับพ่อ แม่จะเป็นผู้ตามที่ดี แม่จะเคารพสิทธิความเป็นหัวหน้าครอบครัวของพ่อ ยอมรับฟังความคิดเห็น และปฏิบัติตามคำแนะนำของพ่อได้ทุกเรื่อง เพราะแม่เชื่อมั่นว่าพ่อคือผู้นำครอบครัวที่ดี ที่จะสามารถนำพาชีวิตของแม่และพวกเราไปตลอดรอดฝั่ง      แม้บางครั้งจะเกิดปัญหาวิกฤตขึ้นในครอบครัว จนพ่อเองก็เกือบจะท้อแท้ แต่แม่ก็เข้มแข็งและให้กำลังใจทุกครั้ง

            “ถึงอย่างไรเราก็ต้องสู้นะพ่อ แม่รู้ว่าพ่อเหน็ดเหนื่อย แต่พ่ออย่าลืมว่าพ่อคือกำลังสำคัญคนเดียวในครอบครัวนะจ๊ะ แม่ไม่มีรายได้แต่แม่และลูก ๆ จะช่วยพ่อใช้จ่ายอย่างประหยัด ให้ลูกรู้คุณค่าของเงิน ซักวันหนึ่ง เราจะต้องสบายจ้ะพ่อ แม่จะสู้ชีวิตกับพ่อเพื่ออนาคตของลูก ๆ จ้ะ”

            และแม่ก็ทำตามอย่างที่บอกพ่อด้วยการบอกพวกเราให้รู้จักประหยัด อดออม     ใช้ของอย่างรู้คุณค่า ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว    ให้รักษาความสะอาดและใช้อย่างทนทาน จนสืบทอดจากพี่ถึงน้องเป็นรุ่น ๆ ทั้งหญิงและชาย ฉะนั้นฉันซึ่งเป็นน้องผู้หญิงคนเล็ก     อย่าหวังเลยว่าจะได้เสื้อผ้าใหม่ ๆ กับเขาบ่อย ๆ ต้องคอยรับมรดกตกทอดจากพี่ ๆ เสมอ แม่เองก็คงจะห่วงความรู้สึกของฉันเหมือนกันที่ไม่ค่อยจะเคยได้ของใช้ใหม่ ๆ แม่จะรีบอธิบายฉันทุกครั้งที่เอาเสื้อผ้าของพี่ ๆ มาให้

            “พี่เขาซักแล้ว สะอาด เหมือนของใหม่เลยล่ะ แม่ว่าลูกคงใช้้ได้อีกนาน”

            และแม่ก็ยังบอกอีกว่า ขอให้คิดถึงประโยชน์ของการใช้มากกว่าความสวยงาม และไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สบายใจ ขอให้นึกเสมอว่าถ้าเราไม่มีจะใส่เราก็ยิ่งจะลำบากมากกว่านี้

            หนังสือเรียนก็เช่นกันรับมรดกต่อกันเป็นทอด ๆ ถ้าไม่ฉีกขาดจนอ่านไม่ได้แม่ก็ยังไม่ซื้อให้ใหม่ สมุดแบบฝึกหัดก็เกิดจากฝีมือของแม่ที่เก็บเอาสมุดเก่า ๆ ของพี่ ๆ และของเพื่อนข้าง ๆ บ้านที่มีหน้าว่าง ๆ เหลืออยู่มาเลาะออกแล้วรวมกัน เย็บเป็นเล่มใหม่ให้เหมือนสมุดทั่ว ๆ ไป ใหม่ ๆ พวกเราก็รู้สึกอายเพื่อน ๆ อยู่เหมือนกัน ที่ไม่มีเงินซื้อสมุดเล่มใหม่แบบเพื่อน ๆ แต่พอใช้นานไปก็ดูเหมือนว่า แบบฝึกหัดที่ทำในสมุดเล่มนี้ไม่เคยผิดแม้แต่ข้อเดียว เพื่อน ๆ ก็เลยชอบหยิบสมุดของฉันไปดูกันบ่อย ๆ ไม่เห็นเขาจะรังเกียจว่าเป็นสมุดที่ทำจากกระดาษเหลือเศษเลย ฉันกลับจากโรงเรียนเลยเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่า

            “เห็นไหม… สิ่งใดที่เราทำด้วยความตั้งใจ สิ่งนั้นจะมีคุณค่าทั้งสิ้น สมุดเนี่ยะ แม่ทำให้ลูกด้วยความตั้งใจ และลูกก็ใช้ทำแบบฝึกหัดด้วยความตั้งใจ ทำทีไรก็ถูกทุกที จนเพื่อน ๆ ขอดูเป็นตัวอย่าง น่าภูมิใจนะลูกนะ”

            จะเป็นคำปลอบใจของแม่ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันคิดในตอนนั้น แต่ในตอนนี้ฉันขอยืนยันว่า คำพูดของแม่คือความจริง

             จากข้อจำกัดทั้งหลายของครอบครัว   ทำให้แม่เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีส่วนผลักดันให้พ่อจัดระบบการจัดการภายในครอบครัวของเราได้อย่างน่าชื่นชม   นั่นคือใช้ระบบพี่รับผิดชอบน้องโดยกำหนดให้พี่คนต้นๆ  ที่เรียนจบและมีงานทำแล้วรับผิดชอบส่งเสียให้น้องๆ คนถัดมาเป็นทอด ๆ โดยพี่สองคนลงขันกันส่งน้องหนึ่งคนให้เรียนต่อจนจบชั้นอุดมศึกษารับผิดชอบกันอย่างนี้ ต่อๆ กันไป จนพวกเราเรียนจบมีงานทำ มีรายได้เป็นของตัวเองกันทุกคน

            แม้ลูก ๆ จะโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่ความห่วงใยอาทรที่แม่มีต่อพวกเราไม่เคยจางหาย เมื่อพี่สาวคนที่สามได้รับทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศด้วยความรักและความห่วงใยแม่ก็จะเขียนจดหมายถึง ซึ่งฉันยังประทับใจในข้อความบางตอนในจดหมายหลาย ๆ ฉบับที่พี่สาวเก็บไว้ และฉันขออ่าน

            “…แม่ฝากเด็กซื้อซองแอร์เมล์มาให้ก็ไม่มีบรรทัด แม่ก็เลยขีดเส้นบรรทัดเอาเอง ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง แม่เขียนหนังสือไม่มีบรรทัดนี่เขียนไม่ได้ มันขึ้น ๆ ลง ๆ … ลูกไม่ต้องห่วงแม่หรอกนะ… ขอให้ลูกตั้งอกตั้งใจเรียนให้ดีนะลูก เรียนสำเร็จกลับมาขอให้หน้าที่ราชการของลูกเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น … ถ้าลูกจะย้ายที่พักใหม่ก็เขียนไปบอกให้แม่รู้หน่อย เผื่อวันหน้าแม่จะได้เขียนจดหมายมาถูก…” (ฉบับวันที่ 11 มิ.ย. 28)

            เมื่อลูกๆ ปรับทุกข์ด้วย คำปลอบประโลมของแม่ก็ไม่เคยละทิ้งแม้เวลาเขียนจดหมาย

            “… อีกหนึ่งเดือนกว่าเท่านั้น ลูกก็จะปิดเทอมแล้วก็คงจะได้กลับบ้าน มันก็เป็นธรรมดาเพราะว่าเราไม่เคยไปอยู่ไกลบ้านเป็นเวลานานๆ มันก็ต้องคิดถึงบ้าน บางทีก็เหงาบ้างหละ แม่นะถ้าอยู่คนเดียวก็อดคิดถึงลูกไม่ได้ แต่พอคิดอีกทีหนึ่งว่าลูกไปเรียนหนังสือเอาความรู้ เพื่อความก้าวหน้าของลูก ... อดทนเอาเถอะลูก … ถ้าเราไม่คิดถึงเวลา มันก็ไม่นานก็จบโดยไม่รู้ตัว ลูกไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ทางบ้านก็มีพี่ ๆ น้อง ๆ ดูแลหลายคน …” (ฉบับวันที่ 19 ธ.ค. 28)

            อ่านจดหมายของแม่ทีไร ฉันอดที่จะภูมิใจไม่ได้ว่าแม้ใครๆ จะมองว่า แม่เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่อยู่กับบ้านเลี้ยงลูกไปวัน ๆ แต่สำหรับฉันแม่คือผู้หญิงเก่ง แม่คือผู้หญิงที่เสียสละ แม่คือผู้หญิงที่มีความอดทน แม่คือทุกสิ่งทุกอย่างของลูก และที่สุดคือแม่เป็นแบบอย่างของความเป็น “แม่” อย่างแท้จริง

                             ###################

 

หมายเหตุ   เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งในหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุดเรื่องสั้นกตัญญู

                ที่ผู้เขียนบันทึกจากความทรงจำที่ประทับใจ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #คำสอนของแม่
หมายเลขบันทึก: 384505เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2010 16:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 10:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท