เช้าวันศุกร์ที่ ๑๖ ก.ค. ๕๓ ผมงดไปร่วมกิจกรรมกับ ๒ งานเพื่ออยู่กับตัวเอง และเพื่อทำกระบวนการ “ชีวิตช้าๆ” ในฐานะคนแก่
ทำเลเหมาะที่สุดในช่วงที่อากาศไม่ร้อนเช่นนี้ คือระเบียงข้างบ้าน ที่หันหน้าออกไปหน้าบ้าน มองเห็นต้นไม้ร่มรื่น และได้ยินเสียงนกหลากหลายชนิด เช่นเวลาที่กำลังพิมพ์บันทึกอยู่นี้เสียงที่ชัดเจนที่สุดคือนกเขาใหญ่กำลังขันคูโต้ตอบกัน
แล้ววันนี้ก็เป็นวันพิเศษ เพราะกระรอกน้อยสีเทา ที่นานๆ เห็นที ก็มาที่ต้นปาล์มสะดือ ที่ผมเคยเล่าไว้ว่ามันโดนด้วงมะพร้าวรังแก และรอดชีวิตได้จากการใช้เชื้อราเขียวเป็นยารักษาโรค ดังเล่าไว้ที่นี่ กระรอกมาให้ชื่นใจอยู่ ๒ – ๓ นาทีก็ไป ร่องรอยของการถูกด้วงมะพร้าวกัดกินของต้นปาล์มสะดือชัดเจนมากในขณะนี้ คือมีใบที่เกือบจะเหลือแต่ก้าน ๒ ใบ และเหลือแต่ก้าน ๑ ใบ ผมดีใจมากที่ใช้เชื้อราเขียวมาช่วยชีวิตปาล์มต้นนี้ได้ทัน
ในเวลาใกล้เคียงกัน นกกินปลีก็มากินน้ำหวานจากดอกธูปไต้หวัน ดังเคยบันทึกไว้ที่นี่ นกกินปลีตัวเล็กนิดเดียว เราได้ยินเสียงของเขาก่อน แล้วจึงหาตัวเจอ เขาเปรียวมาก มาเลือกกินน้ำหวานจากดอกธูปไต้หวันเพียงบางดอก แล้วก็ไป แสดงว่าเขาต้องมีความสามารถพิเศษที่จะรู้ว่าดอกไหนมีน้ำหวาน จากดอกธูปไต้หวันที่แต่ละวันบานเป็นร้อยดอก
นกเขาเล็กก็มีมาก และส่งเสียงขันโต้ตอบอยู่เกือบตลอดเวลา ส่วนเพื่อนใกล้ชิดคือนกอีแพรด มาเต้นแพนหางอยู่ใกล้ และส่งเสียงร้องน่าเอ็นดู
นกขมิ้นเหลืองอ่อนส่งเสียงหวานมาจากไกลๆ แต่สียงชัดมาก ไม่เห็นตัว นกชนิดนี้ได้ยินแต่เสียง เห็นตัวยาก จึงโชคดีมากที่ผมได้รูปถ่ายมาอวดเมื่อ ๔ ปีที่แล้วที่นี่
เช้านี้ไม่ได้ยินเสียงนกกาเหว่า นกกระปูด นกเอี้ยง และนกตีทอง ซึ่งมักได้ยินอยู่เสมอ
ต้นไม้ที่บ้านผม ปลูกไว้มากจนเวลานี้เข้ายุคตัด ไม่ใช่ยุคปลูก และบางต้นเขาบอกลาไปเอง เช่นต้นมณฑา ตายไปหลายเดือนแล้ว โดนหนอนชอนต้นจนตาย จำปีข้างบ้านก็ตายจากหนอนกินต้น กิ่งขนุนกิ่งใหญ่ก็โดนหนอนกินจนหักลงมาเมื่อหลายเดือนก่อน ในธรรมชาติมีวงจรชีวิต และห่วงโซ่อาหารเป็นธรรมชาติ
บทความเรื่อง Listening to Bacteria ในวารสาร Smithsonian บอกว่า ถ้านับจำนวนเซลล์ ที่อยู่ในร่างกายของเรา เพียง ๑๐% เท่านั้นที่เป็นเซลล์ของร่างกายของเรา อีก ๙๐% เป็นจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในตัวเรา และความรู้ทางการแพทย์บอกผมว่า ถ้าไม่มีจุลินทรีย์บางชนิดในร่างกายของเรา ชีวิตของเราก็อยู่ไม่ได้
ชีวิตของมนุษย์จึงเป็นชีวิตที่พึ่งพาธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
วิจารณ์ พานิช
๑๖ ก.ค. ๕๓
ไม่มีความเห็น