การสรรหาอธิการบดี มข.

กระบวนการสรรหาอธิการบดี มข. ในยุคครึ่งศตวรรษ

ผมรู้สึกดีใจในอีกวาระหนึ่งที่ ได้เห็นความเบ่งบานของประชาธิปไตย กำลังจะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย และเห็นความตื่นตัวของประชาคม มข. ที่ได้ให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับกระบวนการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นคนใหม่ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ

 

วานนี้ได้มีโอกาสได้ความรู้เพิ่มเติมจากการที่ รศ.ดร.เอื้อมพร  ทองกระจาย คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มข. ในฐานะ (ว่าที่) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี มข. ศิษย์เก่า มข. รุ่นที่ 8 (NU รุ่นที่ 1) ที่ได้กรุณามาให้ข้อมูลเบื้องต้นในขั้นตอน วิธีการสรรหาอธิการบดี(ในวาระใหม่) แก่ องค์การนักศึกษา มข. ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในนามของนักศึกษาทั้งมวลที่สามารถเสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี มข. ต่อสภามหาวิทยาลัยได้

 

ขณะนี้ สภามหาวิทยาลัยยังไม่ได้แต่งตั้งกรรมการสรรหา  ซึ่งน่าจะมีการแต่งตั้งในคราวประชุมในวันที่ 4 สิงหาคม 53 ที่จะถึงนี้

 

ผมได้ฟังท่านให้ทัศนะ และแนวทางคร่าวๆที่ (ว่าที่) กรรมการสรรหาอธิการบดี มข. ได้ประชุมและปรึกษาหารือกันถึงแนวทางที่จะเสนอต่อที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ถือเป็นนิมิตหมายที่น่าชื่นชมในการที่(ว่าที่) คณะกรรมการสรรหา จะนำเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยให้ความเห็นชอบในประเด็นที่นอกเหนือจากวิธีการสรรหาในหลายๆครั้งที่ผ่านมาคือ ในบางหน่วยงานที่มีสิทธิ์เสนอชื่อนั้น เมื่อก่อนอาจจะหยั่งเสียงหรือไม่ก็ได้  แต่ในครั้งนี้ทุกหน่วยงานต้องมีการหยั่งเสียง ซึ่งถือเป็นการเคารพในสิทธ์อันพึงมีในระบอบประชาธิปไตย และให้ประชมคมชาว มข. ได้มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะนักศึกษาและศิษย์เก่า ซึ่งเมื่อก่อน จะหยั่งเสียงหรือไม่ก็ได้ โดย กก.สรรหาฯ จะกำหนดให้มีการหยั่งเสียงในวันเดียวกัน ทั้งมหาวิทยาลัย

 

ผมเองในขณะนี้ผมได้สวมหมวกหลายๆใบในขณะเดียวกัน ผมมีสิทธิ์อยู่ 3 สิทธิ์ เห็นจะได้

1) สิทธิ์ในฐานะ ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย

2) สิทธิ์ในฐานะศิษย์ มข.

3) สิทธิ์ในสภาข้าราชการและลูกจ้าง

เห็นจะเป็นแบบนั้น

ผมเห็นสีสันของการสรรหาครั้งนี้คือ การที่สภามหาวิทยาลัย กำหนดให้ทุกภาคส่วน ร่วมแสดงทัศนะเกี่ยวกับ

 

การระดมสมองร่วมคิดวันนี้ เพื่อ 4 ปี ข้างหน้ามีประเด็นที่ต้องการให้ทุกคนช่วยกันแสดงความคิดเห็นที่คุณต้องการเสนอแนะแนวทางดังนี้

        · อยากให้ มข. เป็นอย่างไร ใน 4 ปีข้างหน้า

        · อธิการบดีที่พึงประสงค์ ควรมีคุณลักษณะอย่างไร

ซึ่งมีตัวอย่างที่หลายหน่วยงานได้ดำเนินการ

http://www.news.kku.ac.th/kkunews/content/view/4989/59/

http://www.news.kku.ac.th/kkunews/content/view/4954/59/

http://www.kkuempclub.com/?p=61#comments

 

ลิงค์ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง ซึ่งทุกหน่วยงานได้ทำขึ้น แม้แต่องค์การนักศึกษาและสมาคมศิษย์เก่า

กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การสรรหาอธิการบดีคนใหม่ในครั้งนี้คึกคัก

ผู้ที่เสนอตัวต่อประชมคม มข. ก็เริ่มประกาศตัวและส่งเอกสารแนะนำตัว(ประวัติ/ผลงาน) ไปยังทุกส่วน

 

นักศึกษาโดยองค์การนักศึกษาก็ได้เริ่มกระบวนการสรรหาในแบบฉบับของนักศึกษา ซึ่งต้องขอชื่นชมในการทำหน้าที่ขององค์การนักศึกษา ในฐานะตัวแทนของนักศึกษาทั้งมวล แต่ทุกคก็สามารถมีส่วนร่วมได้

 

ตอนนี้วิธีการและกระบวนการต่างๆก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ คงต้องรอให้ถึงวันที่ 4 ส.ค. 53 หรือหลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน จึงจะมีความชัดเจนมากขึ้น

หลายคนถามผมว่า อยากเห็นใครเป็นอธิการบดีคนต่อไป

ผมตอบหลายๆคนไปว่า

 

1) ผมอยากให้อธิการบดี มข. คนต่อไป เป็นลูกหม้อของ มข. เป็นศิษย์เก่า มข. ซึ่งก็มีคำถามตามมาว่า แล้วถ้าหาก ให้เลือกระหว่าง ศิษย์เก่า มข. กับ คนนอก (หมายถึงคนที่ไม่ได้เป็นศิษย์เก่า มข.) โดยที่คนนอก มีศักยภาพสูงกว่าละ ผมก็ตอบว่า ผมเชื่อมั่นว่าศิษย์เก่า มขง มีศักยภาพและมีความสง่างาม แม้หากเทียบกันอาจน้อยกว่าบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือศิษย์เก่าเข้าใจบริบท มข. มากกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะ การเป็นลูกพระธาตุพนมด้วยกัน การเป็นลูกเจ้าพ่อมอดินแดงด้วยกัน เลือดสีอิฐที่เข้มข้น และถึงเวลาแล้วที่จะมีศิษย์เก่า มข. เป็นอธิการบดี ผมอยากให้ดอกกาลพฤกษ์ ได้เบ่งบานอย่างโดดเด่นและสง่างาม แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า คนนอกนั้นไม่เก่ง ไม่ดี เพราะอธิการบดี มข. ในยุคก่อนๆและท่านปัจจุบันคือ ศ.ดร.สุมนต์ ท่านก็เก่งและมีความสามารถอย่างยิ่งยวด และได้วางรากฐานอันเข้มแข็งและเข้มข้นไว้ให้ มข. จนทำให้ มข. เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศและมีความเป็นสากลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ

 

2) ใน 4 ปีข้างหน้าหรือจะอีกกี่ปีก็ตาม ผมเชื่อว่าประชาคม มข.ทุกคน ก็อยากให้ มข. เป็นบ้านที่อบอุ่น มีความรักความปราถนาดีต่อกัน มีความรักในองค์กร ถึงแม้จะจบจาก มข. หรือไม่ก็ตาม ทุกๆคนก็เป็นส่วนหนึ่งของ มข. ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม หรืออย่างน้อยก็ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย (stakeholder) ในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการทำหน้าที่หลัก 4 ประการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การผลิตบัณฑิตที่พึงประสงค์ของสังคม

3) ในประเด็นการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในด้านต่างๆ ผมก็ชื่นชมมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในหลายๆวาระ ไม่ว่าการประเมินผลของหน่วยงานภายนอกทั้งในและต่างประเทศ ที่ มข. ได้รับการประเมินผลอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและมีผลต่อความเชื่อมั่นในสถาบันแห่งนี้ว่ามีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล  แต่สิ่งสำคัญในทัศนะของผมก็คือ อย่าลืมการทำหน้าที่หลัก 4 ประการคือ การผลิตบัณฑิต การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัมนธรรม

3.1 ผมเชื่อมั่นว่า บัณฑิตแห่งมมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีคุณภาพในทางวิชาการและวิชาชีพ ไม่น้อยไปกว่าคนที่จบจากสถาบันอื่นๆ แต่ก็ต้องทบทวนและให้ความสำคัญในการวิเคราะห์คุณภาพบัณฑิต อย่างสม่ำเสมอในหลายๆมิติ

3.2 การวิจัย  มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำและชั้นแนวหน้าของประเทศในการเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ และผลการวิจัยก็ได้รับการยอมรับและนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในหลายๆวาระ แต่ที่น่าสนใจอีกมุมหนึ่งคือ ผมไม่อยากให้อาจารย์หลายๆท่านให้ความสำคัญกับการวิจัยมากจนลืมว่า เราจะต้องสอนหนังสือนักศึกษา

3.3 การบริการวิชาการ มข. เยี่ยม โดเด่น และสง่างามอยู่ในทุกๆขณะในการให้บริการแก่สังคม

3.4 การบำรุงศิลปวัฒนธรรม ผมว่าข้อนี้เป็นสิ่งที่ มข. ยังไม่โดดเด่น ผมเองไม่ใช่นักวัฒนธรรมหรือมีความชำนาญนักในเรื่องวัฒนธรรม แต่ผมเป็นคนพื้นถิ่นอีสาน มข. มีความได้เปรียบในเชิงพื้นที่ แต่ยังขาดการบูรณาการและนำสิ่งที่มีอยู่ในท้องที่โดยเฉพาะในภาคอีสานและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มาจัดการอย่างจริงจัง ผมมองง่ายๆเปรียบเทียบกับ ม.มหิดล ซึ่งผมยอมรับในการนำหน้า ไปไกลกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆของ ม.มหิดล ว่า แม้จะอยู่ส่วนกลางของประเทศ แต่การเก็บข้อมูลและการให้ความสำคัญกับศิลปวัฒนธรรมของประเทศนั้น เข้มข้นและโดดเด่นมาก

และสุดท้ายความท้าทายต่างๆที่จะตามมาคือ การเกิดขึ้นของประชาคมอาเซียนในปี 2015 และความม้าทายต่างๆทั้งภายในและภายนอก

 

อธิการบดี มข. และกระบวนการสรรหาจะเป็นอย่างไร ขอให้จับตามอง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกันทุกคนนะครับ