"ลำไย" ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของลำพูน จังหวัดเล็ก ๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย จังหวัดลำพูนจะจัดงาน "เทศกาลลำไย" ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างชื่อเสียงลำไยให้เป็นที่รู้จักของคนไทยและคนต่างชาติ นอกจากนี้ยังเป็นที่พบปะ ระหว่างผู้ผลิตและผู้ส่งออกลำไย ทั้งลำไยสด ลำไยอบแห้งทั้งเปลือก ลำไยอบแห้งสีทอง
ในปี 2553 นี้ ชาวสวนขายลำไยสดได้ราคาดีกว่าหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา จะว่าดีมาก ๆ ก็ว่าได้ ถ้าดูจากราคาลำไยสดในตลาด จะเห็นว่าราคาแพงกว่าปีที่ผ่านมามากกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม เห็นราคาแล้ว หลาย ๆ ท่าน อาจคิดว่าชาวสวนลำไยได้ยิ้มแย้มกันทั่วหน้า แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่คิดเลยค่ะ สาเหตุหลักที่ราคาลำไยพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์อย่างนี้ เพราะผลผลิตมีน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด การให้น้ำไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผลลำไยล่วงหล่นเสียหายในตอนที่เพิ่งเริ่มเป็นลูกเล็ก ๆ เยอะมาก อย่างที่สวนตัวเองก็เจอเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกับสวนอื่น ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน ราคาดี แต่ผลผลิตปีนี้น้อย โดยภาพรวมแล้ว ก็ยังถือว่าดีกว่าปีก่อน ๆ เพราะไม่เจอปัญหาเรื่องพ่อค้าไม่รับซื้อลำไยสดจากชาวสวน
ราคาซื้อลำไยสด ถูกกำหนดโดยพ่อค้าค่ะ โดยเฉพาะพ่อค้าคนจีนที่มาตั้งโรงงานลำไยอบแห้งกันถึงในจังหวัดลำพูน เพื่อส่งออกลำไยสด และลำไยอบแห้งไปประเทศของเขา เราชาวสวนลำไย ไม่สามารถไปกำหนดราคาได้ ไม่ว่าต้นทุนลำไยจะอยู่ที่เท่าไหร่ก็ตาม บางปีก็เหมือนว่าขายได้กำไร เพราะไม่ได้รวมค่าแรงตัวเองเป็นต้นทุนไปด้วย
ปัญหาใหญ่ของชาวสวนลำไยคือเรื่องการตลาด เพราะขาดทั้งเรื่องความรู้ ช่องทางการขาย ทุกวันนี้ ชาวสวนไม่ได้เป็นผู้ขายลำไยสดเข้าโรงงานโดยตรงหรอกค่ะ ต้องผ่านอีกหลายด่าน โดยส่วนตัว เห็นว่า นโยบายการช่วยเหลือชาวสวนลำไยจากภาครัฐในช่วงหลัง คือให้เงินสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มเกษตรกร นำลำไยสดมาแปรรูป สร้างห้องเย็นให้เช่าในราคาถูก ก็พอจะทำให้กลุ่มฯ ต่าง ๆ พอมีเงินหมุนเวียน หาซื้อลำไยสดมาแปรรูป เมื่อลำไยอบแห้งราคาต่ำมากเกินไป ก็เก็บลำไยอบแห้งไว้รอราคาได้บ้าง หรือบางกลุ่มฯ ที่พอจะหาตลาดเองได้ ก็สามารถจำหน่ายให้กับผู้บริโภค หรือผู้ส่งออกโดยตรงก็มี ถ้าหากกลุ่มวิสาหกิจเข้มแข็ง สามารถทำตลาดเองได้ ก็จะส่งผลดีต่อชาวสวนลำไยไปด้วย เพราะถ้าวันไหนที่โรงงานต้องการให้ราคาลำไยสดราคาต่ำลงมา ก็จะไม่รับซื้อ ชาวสวนก็เดือดร้อนกันไป จะถูกกดราคารับซื้อถูกขนาดไหนก็ต้องขาย เพราะเก็บมาแล้วไม่ขายก็ไม่ได้ พอมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูป ชาวสวนก็ยังพอไปขายให้กลุ่มฯ ต่าง ๆ เหล่านี้ได้ แต่มันก็ยังไม่หลุดจากการควบคุมราคาโดยพ่อค้าชาวจีนอยู่ดี เพราะหลังกลุ่มฯ คนทำลำไยอบแห้ง อบเสร็จก็ต้องขายใ้ห้พ่อค้าคนจีนนี่แหละ บางรายเขาจะให้ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อลำไยอบแห้งจากกลุ่มวิสาหกิจกับคนกลางอีกต่อหนึ่ง ราคาลำไยสดของชาวสวนเลยถูกคุมกำเนิดไว้ 2 จุดเลย
บันทึกเกี่ยวกับลำไยจะเก็บไว้ที่ http://longanthai.blogspot.com/
เราอาจจะต้องกลับมาสืบค้นคุณค่าความหมาย ของเทศกาลงานลำไย ประจำจังหวัดลำพูนอีกครั้งนะค่ะ
แม่เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยแม่ยังเป็นวัยรุ่น (ประมาณ 30-40 ปี ก่อน) แม่จะต้องช่วยตากับยาย เก็บลำไย สีชมพู เบี้ยวเขียว มัดเป็นพวงสวย ๆ เพื่อไปขายและอวดโชร์ ในงานลำไย คนกรุงเทพ และต่างจังหวัด อื่น ๆ มาเที่ยวงานเยอะ และขนลำไยกลับบ้านกัน ส่วนในงานก็จะมีการประกวดลำไย ลูกโต ผิวสวย และกิจกรรมเกี่ยวกับลำไย อีกมากมาย สนุก ผู้ซื้อพบผู้ขาย ได้นำของดีมาอวดโฉมกัน เกษตรกรด้วยกันได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน และยังจะเป็นช่องทางในการรวมกลุ่มต่อรอง การประกันราคากับทางรัฐบาลได้อีกด้วย แต่ดูงานลำไยรุ่นเราสิ (อย่างปีนี้) เหมือนกับงานเทศกาลอาหาร ก็ไม่ปราน ซุ้มชาวบ้าน ขายลำไยแทบไม่เห็น มีแต่ลานเบียร์ สินค้าราคาถูก คนเมา วัยรุ่นตีกัน มันเป็นแบบนี้มาไม่รู้จะกี่ปีแล้ว น่าเสียดาย
ตอนที่เป็นเด็ก บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองมากค่ะ ไม่มีโอกาสได้เข้าเมืองเพื่อมาเทศกาลลำไยลำพูนหรอกค่ะ
พอโตมาหน่อย ได้มาเรียนโรงเรียนในตัวเมือง โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ค่ะ ถึงพอมีโอกาสมาเที่ยวบ้าง
หลังจากเรียบจบมัธยมปลาย จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีโอกาสได้ไปอีกเลย เพราะติดตรงหน้าที่การงาน
แต่เพราะบ้านยังคงทำสวนลำไย และยังวางแผนไว้ว่าจะกลับไปทำสวนลำไย ก็ยังคงติดตามข่าวสารอยู่เสมอ
และยังหาทางทำตลาดลำไยอบแห้งด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากจะหวังพึ่งการประกันราคาลำไย กับรัฐบาล หลังจาก
ที่เคยลงทะเบียนจำนำลำไยอบแห้ง แต่ไม่ถึงคิวที่จะจำนำสักที จนหมดเวลา ทั้ง ๆ ที่เราไปขึ้นทะเบียนไว้ก่อน
คนที่เขามีเส้นสาย เขาขึ้นทะเบียนหลังเรากลับได้จำนำ นึกถึงเรื่องนี้ทีไร ปวดใจทุกที สุดท้ายเราต้องขายลำไยอบแห้ง
ให้กับนักการเืมือง ให้เขาเอาไปจำนำกับรัฐบาล ในปีนั้น เขาประท้วงกันเรื่องราคาจำนำ ส่วนเราอยากประท้วงเรื่องไม่ได้จำนำ