คนหน้างานถูกจองจำมานานนะ ซึ่งเป็นการจองจำที่สร้างความทุกข์อย่างแสนสาหัส เพราะเป็น "การจองจำทางความคิด"
คนหน้างานถูกสั่งให้ทำ ทำ ทำแล้วก็ทำ แต่ "ห้ามคิด"
คนหน้างานมักถูกมองเสมอ ๆ ว่า มีความรู้น้อยกว่า ปัญญาน้อยกว่า หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "โง่กว่า" นักวิชาการทั้งหลายที่ลงไปบรรยายหรือส่งเอกสารลงไปกำกับงาน
ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการจะให้คนทำงานพัฒนางานของเขาจริง ๆ เราต้องปลดเปลื้องห่วงโซ่อันเป็นพันธนาการที่ผูกรัดข้อมือและข้อเท้าของคนหน้างานออกให้หมด ... ปลดปล่อยเพื่อให้อิสระภาพแก่คนหน้างานได้คิด ได้ทำ ได้สร้างสรรค์งานของเขาด้วยตัวของเขาเอง
พวกเรานักวิชาการทั้งหลาย ต้องเลิกไปชี้ว่าสิ่งนั้นผิด สิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ไม่ใช่ทฤษฎี สิ่งนี้ไม่ใช่ "การวิจัย" เมื่อเราปล่อยเขาออกจากกรอบ ก็เหมือนกับเราปล่อยเขาออกจากที่จองจำแห่งความคิด
เมื่อเราไม่ Fix เขาด้วยมาตรฐานของเรา ก็เท่ากับเรามอบโอกาสให้เขาให้สามารถ "จินตนาการ" ได้อย่างไร้ขอบเขต
กว่าจะรู้ว่าทำงานวิจัย งานวิจัยกลับเสร็จแล้วอย่างไม่รู้ตัว
ปกติคนหน้างานจะทำวิจัยอย่างไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่สนุกกับการทำงาน
ถ้าพูดว่าวิจัยคนจะรู้สึกว่ายาก แต่บอกว่าเป็นการพัฒนางานจะดูเป็นเรื่องง่ายกว่าครับ
ตามมาเชียร์แบบลุ้น ผอ เล่นดันเอง ถ้าไม่ติดกรอบความคิดเดิมๆๆจะได้งานที่สร้างสรรค์การทำงานออกมาครับ ตามมาให้กำลังใจ
สวัสดีค่ะ คุณnamsha
ดิฉันเป็นน้องใหม่ G2K 2553 ร.พ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อ่านเรื่องราวR2R แล้วอยากทำบ้าง ขอวิธีทำแบบกระทัดรัดด้วยคะ เพราะงานประจำค่อนข้างเต็มเวลา หวังว่าคงได้รับความช่วยเหลือนะคะ
อยากทำR2R การล้างจมูกของผู้ป่วย โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และโรคไซนัสอักเสบ ซึ่งปัจจุบัน พบว่า มีการล้างจมูกที่รพ.ศรีนครินทร์ 2 รูปแบบ คือใช้นำเกลือ+ลูกยางแดง ให้ผู้ป่วยไปล้างจมูกที่บ้าน และใช้นำเกลือ+กระบอกฉีดยา
สิ่งที่อยากรู้ว่าคือ ผลการล้างจมูกทั้ง 2แบบ แบบไหนดีกว่ากัน
ดิฉันควรเริ่มต้นอย่างไร จึงจะไม่กระทบการทำงานประจำคะ ขอขอบคุณค่ะ
การพัฒนาแบบสั่งการจากเบื้องบน อาจจะใช้ได้ในระยะแรกๆ แต่ไม่ยั่งยืน ......
หากลองให้คนหน้างานได้เห็นและเข้าใจ ว่า ทุกเรื่อง ที่กำลังพัฒนา ช่วยให้งานเขาดีขึ้น ให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ดังนั้น R2R คือคำตอบที่ ช่วยให้คนหน้างานเห็นงานที่ตนทำมีคุณค่า รักในงานที่ตนรับผิดชอบ และแก้ปัญหางานตนด้วย R2R เพราะ R2R เป็นเรื่อง หรือเครื่องมือ ที่ช่วยพัฒนา คนทำงานเอง พัฒนางานที่เขากำลังทำ และสามารถพัฒนาองค์กร ได้อย่างยั่งยืน...... เพราะ คนหน้างานได้อาวุธ ทางปัญญา เกิดปัญญาจากการเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะเขาแต่ละคนนั่นเองที่ผู้เชี่ยวชาญในงานนั้นๆ แก้ไขได้ด้วยตัวเอง จนปราศจากการสั่งการ
ให้กำลังใจค่ะ สู้ สู้ ๆๆๆๆๆ คนแท้...ไม่ท้อ นะคุณ namsha
สวัสดีครับ
มองเพื่อคิด ดูแล้วคิด ทำจากความคิด เก็บหลายๆอย่างในชีวิต คิดและวิเคราะห์ R2R มาในไม่ช้า และต้องลงมือทำ ทำเป็นทีมด้วยนะครับ
สวัสดีค่ะ
- เมื่อเราไม่ Fix เขาด้วยมาตรฐานของเรา ก็เท่ากับเรามอบโอกาสให้เขาให้สามารถ "จินตนาการ" ได้อย่างไร้ขอบเขต
สวัสดีค่ะ อ.พรชัย
"ปกติคนหน้างานจะทำวิจัยอย่างไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ว่าทำงานวิจัย งานวิจัยกลับเสร็จแล้วอย่างไม่รู้ตัว"
ใช่ค่ะอาจารย์เพราะพวกเรายังคิด การวิจัยก็คือวิจัย การทำงานก็คือการทำงาน คิดว่าคนละอย่างกัน ทำให้งานวิจัยไม่เดิน
ขอบคุณข้อคิดดีๆค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ
มาอ่านเพื่อเรียนรู้ และเป็นกำลังใจคนทำงานค่ะ ติดกรอบ..ที่แข็งแต่ผลของงานมักจะไม่แกร่งนะคะ
สวัสดีค่ะ อ.ขจิต ฝอยทอง
งานนี้ ป๋าดัน มาเองค่ะ ตามสไตน์ผู้บริหารไฟแรงค่ะ
พรุ่งนี้เราจะทลายกรอบกันแล้วค่ะอาจารย์
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ คุณtuikanda [IP: 125.26.143.72]
เป็น R2R ของคนหน้างานที่อยากพัฒนางานขอยกมือสนับสนุนและให้กำลังใจนะคะ
"ดิฉันควรเริ่มต้นอย่างไร จึงจะไม่กระทบการทำงานประจำคะ" ถ้าถาม namsha คงตอบตรงไปตรงมาว่า ถ้าไม่อยากให้กระทบกับงานประจำเราคงเลือกช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำงานเก็บข้อมูล แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเราก็สามารถเก็บข้อมูลบางอย่างได้ขณะทำงานประจำอยู่ แต่ถ้าหัวหน้างานรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ก็น่าจะเป็นการสนับสนุนในการทำงานวิจัยนะคะ
ที่ ร.พ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เองมีบุคลากรที่เก่งและเยี่ยมทั้งนั้นเลย namsha ว่าคุณtuikanda อยู่ในวงของนักวิชาการและมีแหล่งสนับสนุนมากมายเลยค่ะน่าจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีเยี่ยมได้ มีอยู่ 3 คนที่ namsha รู้จักใน G2K นี้ก็มี
ขอบคุณค่ะ เข้ามา ลปรร.กันอีกนะคะ
สวัสดีค่ะ พี่✿อุ้มบุญ✿
หนูยังเคยนำเรื่องของคนหน้างาน อย่างงานจ่ายกลาง ของ รพ.ป่าติ้ว มาเป็นเรื่องเล่าเร้าพลังของคนหน้างาน ให้กับชาว รพ.ฟังค่ะ ว่าวิจัยไม่ยากทุกคนทำได้
คนแท้ ไม่ท้อค่ะ
ขอบคุณค่ะพี่
สวัสดีค่ะ อ.รศ. เพชรากร หาญพานิชย์
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะอาจารย์