การจัดการศึกษาภายใต้โครงการความร่วมมือการจัดการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีการศึกษา 2552 มีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนที่ไม่ประสงค์จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้มีโอกาสศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาเกษตรกรรมและในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อให้ได้วุฒิบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย และวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ และสามารถนำความรู้ ด้านพื้นฐานและด้านวิชาชีพนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพและการดำรงชีวิตอยู่ในชุมชนของสังคมอย่างมีความสุขและส่งเสริมสนับสนุนให้เยาวชนเรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นกำลังแรงงานที่มีคุณภาพของประเทศ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2552)
ผลการศึกษา
เมื่อผ่านไป 1 ปี พบว่า มีนักเรียน ออกกลางคันเป็นจำนวนมาก จาก 260 คน เมื่อถึงปลายปีการศึกษา 2552 มีนักเรียนเพียง 194 คน (ร้อยละ 73.84) ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งมากจากการที่นักเรียนต้องใช้เวลาเรียนเพื่อให้จบหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ มากกว่าการเรียนในหลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน และนักเรียนส่วนใหญ่มิได้เป็นเยาวชนที่ไม่ประสงค์จะศึกษาต่อในระดับ อุดมศึกษา ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยเฉพาะ โรงเรียนผินแจ่มวิชาสอน มีจำนวนนักเรียนเมื่อปลายปีการศึกษาลดลงมากที่สุด เหลือเพียง 2 คน คิดเป็นร้อยละ 8.00 จากจำนวน นักเรียนเมื่อต้นปีการศึกษา (25 คน)
ถึงแม้นว่าผลการประเมินโครงการของโรงเรียนทั้ง 6 โรงเรียนจะมีผลการประเมินเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก ทั้งด้าน บริบท ปัจจัย กระบวนการ และผลผลิต แต่จากการสัมภาษณ์กลุ่ม พบว่า มีปัญหา ทั้งในด้านงบประมาณ บุคลากร และหลักสูตร แต่ยังอยู่ในวิสัยที่โรงเรียนสามารถบริหารจัดการได้ แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้นักเรียนที่เรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ สามารถเรียนจบได้ภายใน 3 ปี เหมือนนักเรียนที่เรียนในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเป็นการสนองต่อเจตนารมณ์ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 22 ที่กำหนดแนวทางไว้ว่า “ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ" (กระทรวงศึกษาธิการ, 2542)
ในด้านบุคลากร พบว่า โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยังขาดครูที่มีความรู้ด้านวิชาชีพเกษตรกรรม ทำให้การประสานงานเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ขาดการวางแผนและประเมินผลการเรียนรู้ ร่วมกันระหว่างครูของโรงเรียน ครูของศูนย์ฝึก ฯ และนักเรียน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แสดงความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน และนำผลการประเมินมาพัฒนาผู้เรียนต่อไป อีกทั้งยังส่งผลต่อการนำหลักสูตรไปปฏิบัติให้เกิดผลในห้องเรียน โดยไม่มีการใช้กระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติของผู้เรียน(กรมวิชาการ ,2543)
ในด้านกระบวนการเรียนรู้ ที่ศูนย์ฝึก ฯ ซึ่งมีหน้าที่จัดการศึกษาและฝึกอบรมด้านอาชีพ ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความจำเป็น ความต้องการ ของประชาชนบริเวณชายแดน โดยมุ่งเน้นให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมสนับสนุนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงและการเมือง (สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย, 2550) แต่กับการจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนจำนวนมากอาจทำให้วัสดุอุปกรณ์ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมน้อยกว่าที่ควร
ในด้านผลผลิตถึงแม้ว่า การเรียนรู้วิชาชีพเกษตรกรรมจะช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ของนักเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ทั้ง 3 ด้าน แต่เมื่อพิจารณาในประเด็นย่อยพบว่า นักเรียนมีแนวโน้มที่จะประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อในสาขาวิชาชีพ ในระดับปานกลางเท่านั้น ( = 3.45, SD = 0.57) ซึ่งการจัดกระบวนการเรียนการสอนให้ประสบความสำเร็จ จะต้องจัดกระบวนการ เรียนการสอนที่เน้นทั้งความรู้ ทักษะและการปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพตลอดจนให้นักเรียนมีรายได้ในระหว่างเรียนและการจัดการเรียนการสอนจะใช้วิธีการที่หลากหลาย แล้วนำสิ่งที่ได้รับมาอภิปรายร่วมกัน (กระทรวงศึกษาธิการ,2544)
แนวทางเพื่อการพัฒนา
1. ปรับปรุงหลักสูตรรายวิชา และกิจกรรมการเรียนรู้ โดยความร่วมมือกันระหว่างครูของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และครูของศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน เพื่อให้เหมาะสมกับวุฒิภาวะและจำนวนนักเรียน
2. ทบทวนแนวทางบริหารจัดการหลักสูตร เพื่อให้นักเรียนจบหลักสูตรภายใน 3 ปี
3. โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรมีครูที่มีความรู้ด้านเกษตรกรรมเพื่อให้การประสานความร่วมมือระหว่าง โรงเรียนและศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพ ฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. จัดสรรค่าวัสดุฝึกให้กับสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ได้รับข่าวสารแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ได้ความรู้มาก
เห็นควรด้วยจริง ๆ กับการส่งเสริมสนับสนุนให้เยาวชนไทยได้เรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้น เห็นส่วนมากเน้นด้านอื่นมาก แท้จริงแล้วการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาใช่ว่าจบมาแล้วจะมีงานทำทุกคน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เด็กที่เรียนเก่งจบในระดับอุดมศึกษาเมื่อสำเร็จมาตกงานก็มาก มีงานทำแต่รายได้ต่ำก็เยอะ ส่วนหลายคนที่อาจเรียนวิชาสามัญได้เกรดต่ำ แต่เมื่อเรียนจบสายอาชีพและได้งางานตรงตามสาขาที่เรียนมากอปกับการเป็นผู้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรมที่ดี เช่น ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีสัมมาคารวะ ฯลฯ กลับทำให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีรายได้ที่ดีพออยู่พอเพียง แถมจุนเจือครอบครัวและสังคมอีก ยังมีงานสายอาชีพอีกมากทีรอคอยอยู่