Ambu clinic ในสายตาน้องๆฝึกงาน


 

เรื่อง... Ambu clinic ในสายตาน้องๆฝึกงาน
ก่อนเริ่มเรื่องนะครับ อยากให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านทำข้อตกลงกันก่อนนะ
1.หากท่านพบว่าเรื่องใดๆในเรื่องเล่านี้ไม่เหมือนกับในตำรา หรือไม่เหมือนกับที่ท่านคิดไว้ ไม่เป็นไรครับ นั่นคือความสนุกของการอ่าน Blogs ไงครับ
เพราะเราไม่รู้หรอกว่าใครคิดยังไง หรือเจออะไรมาบ้าง ดังนั้น อ่านต่อไปครับ อย่าคิดมาก
2.เรื่องที่เขียนนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง ซึ่งผมจะไม่ใช้นามสมมุติเพราะไมม่รู้จะสมมุติทำไม (ก็ผมเจอมาจริงๆนี่นา)
3.อ่านแล้ว ไม่คอมเม้นท์ไม่เป็นไรครับ เพราะนั้นไม่ใช่ประเด็นที่อยากได้ แค่อยาก share experience กับทุกท่านเท่านั้นเอง
สำหรับผู้อ่านที่ไม่ได้เรียนหรือทำงานเกี่ยวกับโรงพยาบาลหรืองานด้านสุขภาพ อาจไม่เข้าใจศัพทย์บางคำ ช่างมันครับ คิดซะว่าอ่านภาษาต่างชาติที่เราไม่ได้รู้ทุกคน และผม
จะไม่บอกความหมายด้วย (คาดว่าใน http://gotoknow.org/ น่าจะมีนะครับ ช่วยตัวเองละกัน) ...ถ้าพร้อมแล้ว อ่านต่อครับ
Ambulatory care ที่โรงพยาบาลลำปางเนี่ย ขอบอกว่าไม่เหมือนที่อื่นๆครับ (แต่ละที่คงไม่เหมือนกันอยู่แล้วล่ะ) ที่ว่าไม่เหมือนคือ บริบทและบรรยากาศ
การทำงานครับ
ผมเคยสัมผัสบรรยากาศการฝึกงาน Ambulatory care ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรีมาแล้วครับ (แม้จะไม่ได้ฝึกเอง แต่นั่งอยู่ห้องเดียวกัน
เลย) Clinic ทั้งสองที่ให้ประโยชน์แก่ผู้ป่วยได้เหมือนกัน แต่บรรยากาศต่างกัน ...ที่สุพรรณจะเป็นส่วนตัวกว่า ส่วนที่ลำปางค่อยข้างจะเปิดเผย ก็ได้อารมภ์ต่าง
กันนะ
วันหนึ่งๆก็ต้อง counselling  counselling   counselling  และ  counselling  กันทั้งวัน...
ให้พูดทั้งวันเนี่ย ไม่เป็นปัญหาครับ สบายมากมาย
แต่ที่เป็นปัญหาคือ คนที่นี้เค้า "พูดอู้กำเมืองกะเจ้า"
ผมเป็นคนอีสานครับ แม้ว่าจะสามารถทานน้ำพริกอ่อง ส้า ลู่ แทนปลาร้ากับส้มตำได้ แต่ภาษาลาวกับภาษาเหนือเนี่ย มันแทนกันบ่ได้นะครับ 
คุณป้าคนไหนสังเกตเห็นว่าเราไม่ค่อยมีดั้งหน่อย (ประมาณว่า ดูรู้ว่าไม่ใช่คนเหนือกะ)ก็จะพูดภาษากลางกับเรา
ส่วนคุณป้าคุณยายคนไหนที่เห็นตาเราตี๋ๆหน่อย คิดว่าเป็นอาตี๋บ้านข้างๆ (ผมตาตี๋แบบคนจีนครับ แต่ผิวเนี่ย คนลาวชัดๆ ) ป้าแกก็อู้กำเมืองกะผมแบบ Non-stop 
hitz เลยครับ ไม่แน่ใจว่าที่บ้านลูกหลานไม่อยู่ ไม่มีคนคุยด้วยหรือป่าว... 
เฮอะๆ ...อย่างมะเดี่ยวจะสนเหรอครับ นี่คือบทสนทนาบางส่วน
มะเดี่ยว: คุณยาย เอายาเดิมมาไหมครับ 
ยาย: บะได้เอายาขี้เก่ามากะ
มะเดี่ยว: ???
มะเดี่ยว: ลืมทานยาบ้างไหมครับยาย
ยาย: ยามันหนักลำ กินพ่องบ่กินพ่องจำบ่ได้ละ
มะเดี่ยว: ???
มะเดี่ยว: เดือนที่ผ่านมาเนี่ย หอบบ่อยไหมครับ 
ยาย: อิ๊กกะ ยะอะหยั่งกะอิ๊ก ไปกาดตะอี้ก็อิ๊กแล้ว
มะเดี่ยว: ??? T-T
มะเดี่ยว: ยาย มื้อนี้มาน้ำตาลบ่ค่อยดีเลยเด๋อ ยาย ... อย่ากินหลายเด๋อ ควมดันกะสูงหลาย คุมอาการบ่เนี้ย ยาต้มยาหม้อกินบ่ คุมบ่ได้จังซี่เนี้ย ถ้าเบิ้งเด๋อ เบาหวานสิ
ลงไต ไตวายเด๋อยาย... (สำเนียงอีสานสุดฤทธิ์)
ยาย: ??? 
แอบสะใจบ้าง อะไรบ้างแกล้งคนแก่เนี่ย เฮอะๆ
อืม ถือว่าเป็นเรื่องเล่าเรื่องแรกนะครับ ต้องขอตัวไปปั่นงานก่อน
เดี๋ยวว่างๆจะเข้ามาอัพอีก
ปล. ปิดท้ายด้วยภาพละกัน

 

ก่อนเริ่มเรื่องนะครับ อยากให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านทำข้อตกลงกันก่อนนะ

1.หากท่านพบว่าเรื่องใดๆในเรื่องเล่านี้ไม่เหมือนกับในตำรา หรือไม่เหมือนกับที่ท่านคิดไว้ ไม่เป็นไรครับ นั่นคือความสนุกของการอ่าน Blogs ไงครับเพราะเราไม่รู้หรอกว่าใครคิดยังไง หรือเจออะไรมาบ้าง ดังนั้น อ่านต่อไปครับ อย่าคิดมาก

2.เรื่องที่เขียนนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง ซึ่งผมจะไม่ใช้นามสมมุติเพราะไม่รู้จะสมมุติทำไม (ก็ผมเจอมาจริงๆนี่นา)

3.อ่านแล้ว ไม่คอมเม้นท์ไม่เป็นไรครับ เพราะนั้นไม่ใช่ประเด็นที่อยากได้ แค่อยาก share experience กับทุกท่านเท่านั้นเอง
สำหรับผู้อ่านที่ไม่ได้เรียนหรือทำงานเกี่ยวกับโรงพยาบาลหรืองานด้านสุขภาพ อาจไม่เข้าใจศัพทย์บางคำ ช่างมันครับ คิดซะว่าอ่านภาษาต่างชาติที่เราไม่ได้รู้ทุกคน และผม
จะไม่บอกความหมายด้วย (คาดว่าใน http://gotoknow.org/ น่าจะมีนะครับ ช่วยตัวเองละกัน)

...ถ้าพร้อมแล้ว อ่านต่อครับ

 

Ambulatory care ที่โรงพยาบาลลำปางเนี่ย ขอบอกว่าไม่เหมือนที่อื่นๆครับ (แต่ละที่คงไม่เหมือนกันอยู่แล้วล่ะ) ที่ว่าไม่เหมือนคือ "บริบทและบรรยากาศ"

 
การทำงานครับผมเคยสัมผัสบรรยากาศการฝึกงาน Ambulatory care ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรีมาแล้วครับ (แม้จะไม่ได้ฝึกเอง แต่นั่งอยู่ห้องเดียวกันเลย) Clinic ทั้งสองที่ให้ประโยชน์แก่ผู้ป่วยได้เหมือนกัน แต่บรรยากาศต่างกัน ...ที่สุพรรณจะเป็นส่วนตัวกว่า ส่วนที่ลำปางค่อยข้างจะเปิดเผย ก็ได้อารมภ์ต่างกันนะ


วันหนึ่งๆก็ต้อง

counselling  

 

counselling  

 

counselling  

และ  

counselling  กันทั้งวัน...  (รูปสุดท้ายเนี่ย เหนื่อยกันละ)

 

คือให้พูดทั้งวันเนี่ย ไม่เป็นปัญหาครับ สบายมากมาย

แต่ที่เป็นปัญหาคือ คนที่นี้เค้า "พูดอู้กำเมืองกะเจ้า"

ผมเป็นคนอีสานครับ แม้ว่าจะสามารถทานน้ำพริกอ่อง ส้า ลู่ แทนปลาร้ากับส้มตำได้ แต่ภาษาลาวกับภาษาเหนือเนี่ย มันแทนกันบ่ได้นะครับ คุณป้าคนไหนสังเกตเห็นว่าเราไม่ค่อยมีดั้งหน่อย (ประมาณว่า ดูรู้ว่าไม่ใช่คนเหนือกะ)ก็จะพูดภาษากลางกับเราส่วนคุณป้าคุณยายคนไหนที่เห็นตาเราตี๋ๆหน่อย คิดว่าเป็นอาตี๋บ้านข้างๆ (ผมตาตี๋แบบคนจีนครับ แต่ผิวเนี่ย คนลาวชัดๆ ) ป้าแกก็อู้กำเมืองกะผมแบบ Non-stop hitz เลยครับ ไม่แน่ใจว่าที่บ้านลูกหลานไม่อยู่ ไม่มีคนคุยด้วยหรือป่าว... 

เฮอะๆ ...อย่างมะเดี่ยวจะสนเหรอครับ นี่คือบทสนทนาบางส่วน


มะเดี่ยว: คุณยาย เอายาเดิมมาไหมครับ 

ยาย: บะได้เอายาขี้เก่ามากะ

มะเดี่ยว: ???

มะเดี่ยว: ลืมทานยาบ้างไหมครับยาย

ยาย: ยามันหนักลำ กินพ่องบ่กินพ่องจำบ่ได้ละ

มะเดี่ยว: ???

มะเดี่ยว: เดือนที่ผ่านมาเนี่ย หอบบ่อยไหมครับ ยาย: อิ๊กกะ ยะอะหยั่งกะอิ๊ก ไปกาดตะอี้ก็อิ๊กแล้ว

มะเดี่ยว: ??? T-T

มะเดี่ยว: ยาย มื้อนี้มาน้ำตาลบ่ค่อยดีเลยเด๋อ ยาย ... อย่ากินหลายเด๋อ ควมดันกะสูงหลาย คุมอาการบ่เนี้ย ยาต้มยาหม้อกินบ่ คุมบ่ได้จังซี่เนี้ย ถ้าเบิ้งเด๋อ เบาหวานสิ
ลงไต ไตวายเด๋อยาย... (สำเนียงอีสานสุดฤทธิ์)

ยาย: ??? 

 

แอบสะใจบ้าง อะไรบ้างแกล้งคนแก่เนี่ย เฮอะๆ

 

สุดท้าย หลังจากใช้วิทยายุทธ์ บวกทักษะการเอาตัวรอดเฉพาะตัวจนเอาตัวรอดมาได้ ใช้เวลาคุยกับคุณยายไปประมาณครึ่งชั่วโมง สิ่งที่มะเดี่ยวได้มา คือ...

 

 

เฮอะๆ หมอจะรู้ไหมเนี่ยว่ากว่าจะได้มามันยากลำบากเลือดตาแทบกระเด็นยังไง

 



อืม ถือว่าเป็นเรื่องเล่าเรื่องแรกนะครับ ต้องขอตัวไปปั่นงานก่อนเดี๋ยวว่างๆจะเข้ามาอัพอีก
ปล. ปิดท้ายด้วยภาพละกัน

 

ขอโทษคร๊าบบบบบบ พี่ปิ เฮอะๆๆๆๆ

คำสำคัญ (Tags): #ambulatory#เรื่องเล่า
หมายเลขบันทึก: 377646เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2010 09:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท