เขาอายุ 3 ขวบกับ 3 เดือน แล้ว


คนเป็นแม่

การเลี้ยงลูกชาย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมบันทึกในไดอรี่เป็นสมุด อย่างไรก็ตาม อยากจะสรุปเป็นข้อมูลแบบอิเลคโทรนิคบ้าง

ตอนนี้เขาอยู่ศูนย์เด็กเล็ก เข้าเรียนมาได้ต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา แม่ของเขาเตรียมตัวมาประมาณ 3 เดือน โดยบอกกับเขาว่า หนูจะต้องไปโรงเรียน หนูจะได้ไปโรงเรียน หนูโตแล้ว พอถึงเวลาแม่จะไปรับ หนูจะอยู่กับครู หนูจะเล่นกับเพื่อน ... การพูดซ้ำๆ ทำให้การเข้าเรียนของเขาลดปัญหาความกลัว งอแง ไปได้มาก .. และ ปัจจุบันเขาก็มีความสุขดี

เขาเป็นเด็กใจร้อน เวลาไม่ได้ดั่งใจ เช่น แกะของไม่ได้  จะโกรธทันที เราต้องคอยบอกว่า ให้ใจเย็นๆ แอบคิดในใจว่า เพราะเขาเกิดวันอาทิตย์ วันที่ 15 และ เดือน เม.ย. ทุกอย่างจึงร้อนๆ

แม่เขาเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เขามี 3 โรค คือ ตื่นเช้า เป็นโรค ..แม่หนูไม่แปรงฟัน ไม่อาบน้ำ ไม่สระผม หนูขี้เกียจ  พอได้เวลากินข้าวเช้า เป็นโรค.. แม่หนูปวดท้อง(แล้วทำท่าลงไปนอนบิด)  พอจะลงจากรถไปโรงเรียน เป็นโรค.. แม่หนูเจ็บเท้า อุ้มหน่อย ...  ขำไม่ออกเลยคนเป็นแม่

บุคคลิกของเขา ผมกำลังพยายามหาคำจำกัดความอยู่ว่า เป็นท่าทีแบบไหน

คำสำคัญ (Tags): #เลี้ยงลูก
หมายเลขบันทึก: 376856เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2010 19:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เขาอีกคนก็กำลัง ๕ ขวบ ....เป็นหลายโรคคล้ายกันค่ะ

คือโรคปวดท้องมากที่สุด ตอนทานต้องกินข้าว

ส่วนโรคขี้เกียจแปรงฟันนั้นหายไปเมื่ออายุประมาณ ๔ ขวบแล้ว

เนื่องจากได้ยาสีฟันประเภทเดียวกับฮีโร่ (พ่อ)

นิทานที่เล่าประจำคือ มีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่แปรงฟันได้

และหนูตัวสูงจังเลย เลยขอบอ่างล้างหน้าแปรงฟันแล้วเนอะ

สมัยก่อนยังต้องยืนบนเก้าอี้เกาะขอบอ่าง....และ ชื่นชม ชื่นชม ชื่นชม

รวมถึงมีภาระกิจต้องสอนน้อง ๆ ที่โตไล่ ๆ กันขึ้นมาแปรงฟันอีก

(ที่บ้านเขาเป็นพี่ มีน้องฝาแฝดอีก สอง ซึ่งเป็นลูกพี่สาวค่ะ)

ตอนนี้โรคที่กำเริบมากที่สุดคือง่วงนอน ตอนต้องหัดท่องหนังสือ

(หัดอ่าน ก อะ กะ ก อา กา, บ อา น บาน ไม้โท บ้าน)

ถึงกับ ทำเป็นหลับแล้วจริง ๆ นะ เรียกก็ไม่ยอมตื่น

และขี้โวยวาย วุ่นวาย จุ้นจ้าน เวลาเราตอบสนองช้า หรือต้องการให้เราช่วยอะไรแล้วเรายังนิ่ง ไม่สนใจ

นี่แหละหนา

สรุปได้คือ

เวลาอยู่กับเด็กแล้วต้องอยู่ทั้งหมดจริง ๆ เลยค่ะ ทั้งตัวและหัวใจ

เพราะเขาเรียกร้องอย่างนั้น ๆ อย่างจริงจัง อย่างเอาเรื่องเอาราว

และต้องทำตนเองให้ช้าลงอย่างมาก เวลาต้องอธิบาย โน้มน้าว ชักจูง

คิดชุดภาษาในการสื่อสาร ที่น่าดึงดูด คาดเดาความต้องการ ความสนใจของเขา ไม่ใช่ของเรา

ในหลาย ๆ ครั้ง สถานการณ์ไม่อนุญาตให้เราช้าได้เลย ...

แต่รีบตอบสนอง หักล้าง ไปก็ไม่สำเร็จอยู่ดี

ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของคนดูแลเด็กคือ การเจรจาต่อรอง การมองให้เห็นความต้องการของเขาไม่ใช่ของเรา

การยุติความขัดแย้ง โดยทำให้เขารู้สึกว่าเขายังได้สิ่งที่ต้องการอยู่

หรือมีสิ่งที่น่าสนใจและน่าต้องการมากกว่า สนุกกว่าที่เขากำลังอยากได้

โดยที่เราไม่เสียเจตนาและหลักการ

พี่เล่าได้สนุกและเห็นภาพ

จนทำให้คิดถึงเขาของเรา และวิธีที่เราทำกับเขาตลอดมา

ชัดเจน

หากมีเวลาอยากอ่านอีกนะคะ

วันนี้ คำถามที่น่าสนใจของน้องบุญ คือ พ่อ ทำไม ฝนมันตกครับ ผมตอบว่า เพราะกบมันร้องลูก น้องบุญถามต่อว่า กบมันร้องที่ไหนพ่อ ... ผมตอบว่า ลูกต้องถามว่า ทำไม กบ มันร้อง พ่อจึงจะตอบว่า เพราะท้องมันผูก ... (ขำๆ แต่เรื่องจริงนะครับ ผมตอบลูกไปอย่างนี้จริงๆ แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ผมหมายถึงอะไร ) แล้วเจ้าลูกชายผม ก็เปลี่ยนไปบอกว่า มันร้องที่นาของตาเรือง หรือเปล่า .... แล้วเรื่องก็ไปต่อ ...

เวลาเล่นเตะบอล แล้วเขาล้ม ทำท่าจะร้อง ผมก็จะบอกว่า เวลาเล่นมันก็ต้องล้มนะลูก เขาก็จะร้องอยู่ ... ผมก็เลยใช้วิธีล้มไปกับเขาบ้าง ... ทีนี้ก็ชัดเจน เพราะ แม้แต่พ่อยังล้มได้ ... แต่ผมต้องแกล้งทำเป็นล้มนะครับ .. วิธีนี้ก็ไม่รู้ว่า หลอกเด็กหรือเปล่า แต่ก็ได้ผลครับ ล้มครั้งต่อไป ไม่ร้องแล้ว

ประเด็นเข้าห้องน้ำต้องเอาทิชชู เข้าไปด้วย เลียนแบบแม่ของเขาครับ ผมก็เลยแอบตามไปดูว่า เขาจะทำอะไรกับทิชชู (ผมว่าแม่ทุกคนใช้ทิชชูเข้าห้องน้ำทำอะไร ก็พอจะรู้นะครับ) ผมพบว่า เขาเอาไปทิ้งในโถส้วมก่อนครับ แล้วก็ฉี่ตาม ... (ขำไม่ออก... เพราะแอบตามเขาไป)

การดูทีวี ผมกับภรรยา ตกลงกันว่า จะไม่ให้ลูกดูทีวี แม้ตอนนี้ 3 ขวบกว่า ก็ยังไม่ให้ดู คนที่บ้าน เช่น ยาย ตา ป้า ก็จะต้องลำบากเพราะต้องเจอ มาตรการสุดเฉียบของภรรยาผม ปิดทีวีทุกครั้ง ที่ลูกชายตัวดีอยู่ด้วย ซึ่งก็ทำให้ผมกับภรรยาต้องใช้วิธีการพาเขาเข้าห้องนอนให้เร็ว แล้วก็ไปอ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ฟัง CD เ็ป็นกิจกรรมประจำของเราครับ ...แต่ที่ผมยังไม่แน่ใจ คือ แล้วจะให้ดูได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูอย่างไร อันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลยครับ

มีเกร็ดเรื่องอีกเยอะครับ

เด็กอายุสามขวบ จะมีเรื่องเลียนแบบและบทบาทสมมุติเยอะมากค่ะ

เด็กผู้ชายก็จะสวมบทบาทเป็นพ่อ ผู้หญิงก็เป็นแม่

แต่หากมีแต่เด็กผู้หญิง ผู้หญิงจะติ๊ต่างว่าตนเองเป็นพ่อได้บ้าง

ทว่า เกิดมานี่ยังไม่เคยเห็นเด็กชายเล่นด้วยกันแล้วขาดผู้หญิง เลยสวมบทบาทเป็นแม่เลยค่ะ

หึๆๆ

หากเริ่มดูทีวีก็จะมีชุดรูปแบบไว้ลอกเลียนทั้งที่ควรไม่ควรเยอะเหมือนกัน

ทั้งยังแยกไม่ออกอันไหนจริงอันไหนปลอม

คิดว่ารุ่นพ่อแม่ยังไม่ค่อยมีทีวีดูตอนเด็ก

พอโตขึ้นยังรู้สึกว่ารับข้อมูลเยอะเกินไป และความล้า ความสับสน ความเครียดสะสมเยอะแยะมากมาย

แต่เด็กสมัยนี้..ดูทีวีตั้งแต่แบเบาะ ไม่ทราบว่าจิตวิญญาณเขาจะเป็นอย่างไร

เด็กชายห้าขวบนี่ดูทีวีมานานแล้วค่ะ เพราะห้ามที่บ้านไม่สำเร็จ

แต่ก็ไม่ถึงกับฝากทีวีเป็นพี่เลี้ยง

จะชอบการ์ตูนมาก ส่วนใหญ่พยายามหาต้นแบบดี ๆ หน่อย ให้ดูแทน

ปรับเป็นหนังสือการ์ตูนพุทธประวัติบ้าง

เด็กผู้ชายก็จะชอบสื่อเรื่องความกล้าหาญ ความเสียสละ การเป็นผู้ชนะ(แต่แบบไหนอย่างไรอยู่ที่เราเลือกให้ค่ะ)

พยายามพูดคุย หลังดูเสร็จมีคำถามเยอะมาก

....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท