วิกฤตชาวนาไร่
ผลของการพัฒนาระบบเกษตรกรรมจากแบบพออยู่พอกินเป็นเพื่อการค้าการขาย ทำให้เปลี่ยนระบบการผลิตเพื่อยังชีพเป็นระบบเกษตรเชิงเดี่ยว ทำให้มีการถางป่าออกไปมากขึ้น มีการใช้เครื่องทุนแรง เครื่องจักกล ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง และซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ๆ มาแทนการเก็บเมล็ดพันธุ์เอง เพื่อหวังว่าจะได้ “ผลผลิตสูงและราคาดี” ทำให้รายจ่ายในการเกษตรกรของเกษตรกรสูงขึ้น การใช้ปุ๋ยและเคมีเกษตรมีสูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมตามมาพร้อมๆ กับภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
เมล็ดพันธุ์พืชที่เคยอยู่ในมือชาวบ้าน ภูมิปัญญาในการพึ่งตนเองในการคัดเลือกและจัดเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ชาวนาไร่ได้สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นเริ่มหายไป พร้อมๆ พันธุ์พืชพื้นบ้านที่ถูกเข้ามาแทนที่ด้วยเมล็ดพันธุ์ของบริษัทเอกชนและราชการ เมื่อเมล็ดพันธุ์กลายเป็นของนายทุน ชาวบ้านก็ต้องพึ่งพาเขาไปตลอด นี่คือวิกฤตของชาวนาไร่
...................................................................
ก่อตัวอนุรักษ์พันธุ์พืชพื้นบ้าน
จากวิกฤติดังกล่าว เกษตรกรบางส่วนได้รวมกลุ่มกัน รวมทั้งนักพัฒนาเอกชน นักวิชาการท้องถิ่นที่ตระหนักกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บุคคลเหล่านี้ได้ก่อรูปเป็นหน่วยปฏิบัติการโดยจากเวทีหารือ ได้ยกประเด็นเรื่อง “เมล็ดพันธุ์” ขึ้นมาเป็นประเด็นขับเคลื่อนหลัก โดยมี “ชมรมอนุรักษ์พรรณพืชพื้นบ้าน จ.น่าน เครือข่ายฮักเมืองน่าน” เป็นหน่วยประสานงาน ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖เป็นต้นมา ทางเครือข่ายมุ่งเสริมศักยภาพเกษตรกรและเสริมองค์ความรู้ด้านเทคนิคเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถประยุกต์ใช้ในแปลงของเกษตรกรได้ ทั้งนี้อยู่บนหลักการของเกษตรกรรมยั่งยืน โดยเน้นการคัดเลือก เก็บ และปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าวและพืชพื้นบ้าน เพราะข้าวคือชีวิตของชาวนาไร่นั่นเอง
ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้โรงเรียนชาวนาเพื่อให้เกษตรกรได้ศึกษาเรียนรู้ ทดลอง และสอนกันเอง เน้นกระบวนเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมบนแปลงนาไร่ของเกษตรกรเอง เอาวิธีการ ปัญหาที่พบในแปลงนาไร่มาเป็นหลักสูตรการเรียนรู้ เป็นห้องเรียนชีวิตบนวิถีการเพาะปลูกของชาวนาไร่เอง โดยมีองค์ความรู้สมัยใหม่เข้าไปหนุนเสริม
ในปี พ.ศ.๒๕๔๕ ชมรมอนุรักษ์พรรณพืชพื้นบ้าน จ.น่าน ได้ปรับเปลี่ยนบทบาทจัดตั้งเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้” ณ บ้านราษฎร์สามัคคี ตำบลเมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน เพื่อเปิดพื้นที่เรียนรู้ให้เครือข่ายเกษตรกรและชุมชนใกล้เคียงได้เข้ามาใช้เป็นพื้นที่เรียนรู้ร่วมกันบนแปลงนาไร่จริง และเป็นศูนย์ประสานเชื่อมโยงกับศูนย์การเรียนรู้ของชาวบ้าน โรงเรียนชาวนา สถานศึกษา วัด ภาครัฐ ท้องถิ่น และสถาบันทางวิชาการต่างๆในการที่จะหนุนเสริมองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรทั้งรายเดี่ยว และรายกลุ่ม รวมทั้งการเชื่อมต่อกับภาควิชาการ และภาคนโยบายในการเข้ามาหนุนเสริมการเรียนรู้ของชาวนาไร่
......................................................................
การจัดกระบวนการเรียนรู้เกษตรกร
เน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม โดยประยุกต์องค์ความรู้ท้องถิ่นและองค์ความรู้สมัยใหม่ ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ในการคัดเลือก จัดเก็บ และปรับปรุงพันธุ์ข้าวและพืชพื้นบ้าน
ปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ออกเป็น ๔ ฐานการเรียนรู้หลัก ได้แก่
ฐานที่ ๑ จุลินทรีย์ท้องถิ่น เป็นการเรียนรู้เรื่องการเก็บและการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ การขยายเชื้อจุลินทรีย์ และการนำจุลินทรีย์ไปใช้ในรูปแบบต่างๆ เช่น จุลินทรีย์บอล จุลินทรีย์น้ำ เพื่อนำไปใช้ในนาไร่ ปศุสัตว์ และครัวเรือน
ฐานที่ ๒ การเลี้ยงหมูหลุม เป็นการเรียนรู้ตั้งแต่การทำโรงเรือน วัสดุที่ใช้ทำคอก การเลี้ยงและวิธีการเลี้ยง การให้น้ำให้อาหาร และการดูรักษาโรงเรือน การเลี้ยงหมูหลุมนอกจากเป็นการสร้างรายได้จากขายหมูแล้ว มูลหมูก็นำไปใช้ในการเกษตร ในไร่นา ทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี น้ำจุลินทรีย์ก็นำมาใช้ราดพื้นคอกหมูเพื่อลดกลิ่นเหม็น
ฐานที่ ๓ การคัดพันธุ์ข้าวจากข้าวกล้อง เป็นการเรียนรู้เรื่องเทคนิคคัดเลือกพันธุ์ข้าว เทคนิคการเพาะเมล็ดข้าวกล้อง วัสดุเพาะ และการดูแลรักษา
ฐานที่ ๔ การคัดเลือกจัดเก็บเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้าน เป็นการเรียนรู้เรื่องการแยกกลุ่มพันธุ์พืชที่จะจัดเก็บเมล็ด หลักและวิธีการจัดเก็บเมล็ดพันธุ์ การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ และเทคนิคการเพาะเมล็ดพันธุ์ เช่น มะเขือ พริก บวบ แตง มะเขือเทศ ถั่ว ถั่วฝักยาว ฝัก น้ำเต้า ฯลฯ
การเรียนรู้ทั้ง ๔ หลักสูตรสามารถเรียนรู้แบบเร่งด่วนได้ภายใน ๑ วัน แต่หากจะลงลึกและปฏิบัติการจริงจนสามารถทำได้เอง ก็ต้องใช้เวลาหลายวัน ในแต่ละหลักสูตร แต่ไม่ว่าจะกี่วัน สำคัญคือการมุ่งมั่นสนใจในการเรียนรู้ และนำไปทดลองปฏิบัติใช้จริงในพื้นที่นาไร่ของตนเอง
…………………………………………….
การเรียนรู้ไม่มีวันหยุด ศูนย์โจ้โก้ก็ไม่อาจหยุดอยู่กับที่ได้ หากแต่ต้องปรับเองและเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองให้ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรและเครือข่าย เพื่อให้ไปถึงสุดทางที่ชาวนาไร่สามารถพึ่งพาตนเองและกันเอง ปลดภาระหนี้สิน มีความเป็นอยู่ที่พออยู่พอกิน ตามรอยพระราชดำรัสของในหลวง
...........นี่คือลมหายใจของชาวนาไร่ ลมหายใจของศูนย์การเรียนรู้
...................................................................
บันทึกการเรียนรู้เวทีสิ่งแวดล้อมศึกษาสัญจร
ณ ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๓
ขอบคุณอาสาสมัครศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ และฮักเมืองน่านทุกคน
และกัลยาณมิตรที่ร่วมเรียนรู้ทุกคน
สวัสดีค่ะ
การเรียนรู้ที่เอาใจใส่ ต่อความเป็นอยู่ของท้องถิ่นดีมาก ทุกรายละเอียด เลยนะคะ การเก็บเมล็ดพันธุ์ ก็สำคัญ แล้วเมื่อปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ แล้วมีการตามไปดูถึงบ้านแต่ละหลัง เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กัน หรือไม่ค่ะ ขอบคุณเรื่องเล่าที่ได้ความรู้มากนะคะ ความรักของคุณพอซอมพอ บันทึกเสร็จแล้วนะคะ ลูกสาวน่ารักทุกภาพ ชอบภาพที่สวนผักคุณย่ามากค่ะ
ประโยชน์ของไม้ไผ่ มีมากๆนะคะ
สวัสดีเจ้า..พ่อน้องซอมพอ ลูกสาวน่าฮักขนาดนักน้อ..มาเยี่ยมตวยปี้กานดาเจ้า ..คนบ้านใกล้กั๋นก่อเจ้า ตี้นี่ http://gotoknow.org/blog/rindaming/318404 ยังเป็นคนน่านฮักเมืองน่านอยู่เจ้า..ลูกบ่าวคนแฝดก็เรียน นคศ.เหมือนกั๋นเน้อ
มาเยี่ยมน้องสาวตี้น่ารักครับ พี่เตยอยู่ ป. 5/2 ครับ นคศ.
เมืองน่านมีของดีมาก ๆเลย วันที่10-1ก.ค53ที่ผ่านมา คุณแชน อะทะไชยจากสสอ.สันติสุขและทีมงานก็มาจัดกิจกรรมปรับโครงการให้ภาคเหนืองบสสส.สำนัก6 อีกหน่อยคงมีโอกาสไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทีมน่าน จะติดต่อ
พ่อน้องซอมพอเจ้า
เคยไปเยี่ยมศูนย์โจโกหลายครั้งแล้ว ซื้อพันธุ์ข้าวมาปลูกด้วย
ขอบคุณที่นำมาเผยแผ่ต่อสาธารณชน
เกษตรกรต้องกลับไปสู่ฐานเดิม ต้องทนต่อแรงเสียดทานเกษตรเชิงเดี่ยวที่เอาเงินนำหน้าให้ได้
เกษตรผสมผสานต้องฝังรากลึกเพื่อลดความเสี่ยง ไม่งั้นไม่รอด
หาก พ่อซอมพอ มีเวลาว่างบ้าง กรุณาแวะไปให้คำแนะนำด้วยที่ สวนเอเดน(กสิกรรมธรรมชาติและพอเพียง) ติดกับบ้านเปรมสุข
168 หมู่ที่ 1 บ้านสถาน ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน
ดำเนินมาได้ 2 ปี กำลังเป็นทารกที่ต้องการคำแนะนำด่วน จะได้ไม่ทำผิดซ้ำซากอีกครับ