เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ตรงกับวันที่ 2 กรกฎาคม 53 ณ ห้องกวี จุติกุล อาคาร 8 ซึ่งก็เป็นโอกาสที่ดีของผมและนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นทุกคนเลย ที่ท่าน ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ จรัญ จันทรลักขณา ได้มาบรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง การเกษตรในอนาคต
ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ดีใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกเลย ที่ได้ฟังการบรรยายของท่านอาจารย์ จรัญ ครับ ได้ยินว่าท่านเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งมาก เคยได้ยินจาก อาจารย์ที่ปรึกษาผมเองครับ คือ รศ.ดร.สุทธิพงศ์ อุริยะพงศ์สรรค์ ก็เลยทั้งตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ฟังบรรยายพิเศษในครั้งนี้ และการได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวังเลยครับ
ผมสังเกตว่า ไม่มีใครหลับสักคนเลย ทุกคนนั่งตาแป๋วเลย รอว่าท่านจะเล่าอะไรต่อไป ผมก็จะขอสรุปเท่าที่ผมจับใจความได้ก็แล้วกันนะครับ จะให้มาเล่าทุกคำพูดก็ไม่ใช่แล้ว อิอิ.... เท่าที่ผมนั่งฟังและสังเกตดูนะครับ ท่าน เป็นคนที่ละเอียดมากเลย ดูได้จากการคำนวณว่าท่าน อายุ 75 ปีแล้วนะ ขณะนี้ทานข้าวไปแล้ว 7 ตัน แล้วข้าวสาร 1 กก.ต้องใช้น้ำฝนทั้งหมด 10 ตัน ฝนตกลงมา 80 หยด ใช้ได้เพียง 8 หยดเท่านั้นเอง
การที่จะได้ข้าวสารมาให้เราทานกันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ นอกจากนี้ ทุก 1 วินาที มีเด็กเกิด 3 คน และทุก 4 วันมีเด็กเกิด 1 ล้านคน ( เยอะมากเลย อิอิ...) ที่ อาจารย์ เกรินมาแบบนี้น่าจะต้องการชี้ให้เห็นความสำคัญของการเกษตร และเราจะผลิตอย่างไรให้เพียงพอกับความต้องการของพลเมืองของโลก ที่มีการเกิดทุกวินาทีเลย
มีคำหนึ่งที่ท่านพูดแล้วต้องนำเก็บมาคิดก็คือ
"เราเกิดมาแล้วได้ทำอะไรให้กับสังคมบ้าง ???"
ท่านได้บอกว่า ตอนนี้ปัญหาการเกษตรของไทยก็คือ เรื่องราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ อาจจะเนื่องมาจากปัญหาทางด้าน เศรษฐกิจ และสังคม ก็ว่ากันไป ในปัจจุบันนี้ไทยเรามีการส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก เราภูมิใจแค่นี้หรือ นี้เป็นคำถาม??? เพราะว่าต่อไปมันต้องเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอนหากเราภูมิใจแค่นี้
ยกตัวอย่าง เราส่งออกยางพาราออกไปยังต่างประเทศ กิโลกรัมละไม่กี่ร้อยบาท แต่เขากลับนำไปผลิตเป็นถุงยางอนามัย แล้วส่งกลับมาขายให้เรา กำไรกิโลกรัมล่ะ หลายหมื่นบาท (มันช่างแตกต่างกันมาก อิอิ...) เราจะส่งออกเป็นวัถุดิบเฉยแบบแต่เก่าไม่ได้แล้ว
มันต้องมีการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม เช่นแปรรูป มีการบรรจุหีบห่อที่ทันสมัย และสร้างสรรค์ อะไรอย่างนี้ถึงจะทำให้การเกษตรของไทยไปได้ และรัฐบาลก็ต้องเข้ามาดูแล เอาใจใส่เกษตรกรให้มากกว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้น การเกษตรก็จะไม่มีใครอยากที่จะทำอีก เมื่อถึงวันนั้น ประเทศไทยคง ....
รัฐต้องทำให้ราคาผลผลิตทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้น เพื่อดึงดูดให้คนอยากมาทำการเกษตร และต้องปกป้องสินค้าต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่าที่จะมาตีตลาดในประเทศเรา เราต้องอนุรักษ์อาชีพเกษตรให้อยู่กับสังคมไทย
และสุดท้ายการเกษตรต้องอยู่แต่ว่าจะอยู่อย่างไร ท่าน อาจารย์ จรัญ ได้ให้ทางออกแก่เกษตรกรไทยไว้ก็คือ เราต้องนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยมาใช้ ซึ่งก็มีหลักใหญ่ใจความสำคัญอยู่ 3 ข้อ และมี 2 เงื่อนไขนั้นเอง หรือที่เรียกว่า 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ก็คือ
ข้อที่ 1 การประเมินตัวของเราเอง ว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน มีความจำเป็นอะไร
ข้อที่ 2 ความเป็นเหตุเป็นผล
ข้อที่ 3 ภูมิคุ้มกัน
การที่ทั้ง 3 ข้อนี้จะดำเนินไปได้ ต้องขึ้นอยู่กับ 2 เงื่อนไขนี้ คือ ความรู้ และคุณธรรม ศีลธรรม
สุดท้ายท่านอาจารย์ จรัญ ก็ได้ฝากข้อคิด คติเตือนใจให้พวกเราทุกคนไว้ก็คือ
"อย่าให้คำพูดพร่อยๆ ราคาถูกจะทำให้มีผลราคาแพงต่อชีวิตเรา"
นี้ก็เป็นคาถาที่จะทำให้นำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตและก็ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ จรัญ จันทลักขณา เป็นอย่างมากที่ได้ให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
กับพวกเราทุกคน รวมถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ชาว G2K ด้วยครับ
ขอบพระคุณมากครับ
หลับฝันดี และขอบคุณทุกท่านที่กรุณาสละเวลาอ่านมาจนจบ...
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
สวัสดีครับ
"อย่าให้คำพูดพร่อยๆ ราคาถูกจะทำให้มีผลราคาแพงต่อชีวิตเรา"
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ คุณไทบ้านผำ ครับ
ที่แวะมาทักทาย ประโยคนี้ผมก็ชอบเช่นกันครับ
สวีสดีค่ะ
สรปมาได้ใจความชีดเจนทีเดียว
เกิดมาในครอบครัวเกษตรค่ะ
จึงเข้าใจเห็นสุขและทุกข์เป็นอย่างดี
ต้องขอบคุณที่ภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำให้ประเทศไทยยังมั่นคง
เพราะยังมีความละเอียดอ่อนและสืบต่อกันมาช้านาน
ขอบคุณที่เก็บมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
มาเยี่ยมมาชมครับ
ชอบครูบาสุทธินันท์ ที่ปลูกป่ายูคาจนโด่งดังครับ