สวัสดีทุกๆท่าน ครับ
..ห่างหายไปพักหนึ่ง.. ก็มีสาเหตุหลายอย่างครับ แต่ก็ติดตาม blog เป็นระยะๆ และได้เห็นการเปลี่ยนแปลง และเป็นไปในทิศทางที่ดี ก็ขอชมเชยและเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารเว็บไซต์ทุกท่าน
ในคราวนี้ผมก็ขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทุกๆท่านในเรื่องการทำงาน ซึ่งผมคิดว่าหลายท่านที่เคยทำงานส่วนใหญ่แล้ว ไม่ค่อยได้มีการเปลี่ยนงานใหม่กันมากนัก ส่วนใหญ่ก็จะทำงานในลักษณะเดิมๆ การทำงานลักษณะเดิมๆ หรือการเปลี่ยนไปทำงานลักษณะใหม่ๆ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันครับ และผมขอเล่าในบางส่วนที่สัมพันธ์กัน ผมอยากจะเริ่มที่ประเด็นแรกก่อน การทำงานลักษณะเดิมๆ ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ มีความรู้ลึก มีความชำนาญในงาน ความแตกฉานในงานที่ทำทุกแง่มุม มีความเป็นเลิศในงานนั้นๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือวัฏจักรของงานโดยตลอด ผมขอประมาณว่าเป็นความรู้ในแนวดิ่ง (ขึ้น) เหมือนกับการ เจริญเติบโตของหน่อไม้ ส่วนข้อเสียก็มีไม่แพ้กัน คือ ไม่มีความรู้รอบ ไม่เห็นมุมมองที่กว้างขวางของงานของความรู้ ไม่เห็นความสัมพันธ์หรือความเชื่อมโยงของงานของความรู้อื่นๆ ที่นี้ผมขอพูดในประเด็นที่สอง การเปลี่ยนไปทำงานลักษณะใหม่ๆ (บ้าง) มีข้อดีข้อเสียคู่กันครับ ข้อดี เป็นมุมมองการทำงานที่กว้างขวาง (ต้องลองเปลี่ยนไปทำงานอื่นดูน่ะครับ) มีความรอบรู้ในงานหลายๆอย่างๆ (แต่อาจจะไม่ลึกซึ้ง) เห็นความความสัมพันธ์หรือความเชื่อมโยงของงานของความรู้อื่นๆ ผมขอประมาณว่าเป็นความรู้ในแนวราบ (ขยาย) เหมือนกับการ เจริญเติบโตของเห็ด เพราะยายเป็นบริเวณกว้าง ส่วนข้อเสียก็มีเช่นกันครับ ขาดความรู้ความชำนาญในงานที่ทำ ไม่สามารถพัฒนางานได้อย่างเต็มที่หรือเต็มความสามารถ จากที่ผมเล่ามาก็พอสรุปได้ว่า การทำงานลักษณะเดิมๆ หรือการเปลี่ยนไปทำงานลักษณะใหม่ๆ ต่างก็มีจุดอ่อน-จุดแข็งในลักษณะที่แตกต่างแต่มีความสัมพันธ์กัน หากว่ามีการผสมผสานหรือบูรณาการระหว่างการทำงานทั้งสองลักษณะก็น่าจะเป็นสิ่งที่จะพัฒนาความรู้ของผู้ปฏิบัติงานทั้งความรู้ในแนวดิ่งและความรู้ในแนวราบได้พอสมควร เปิดโอกาสให้เขาลองทำงานอื่นๆที่เขาสนใจบ้าง แทนการให้เขาทำงานเดิมๆ ซึ่งก็คงมีรสชาติอร่อยเหมือนกับ แกงหน่อไม้ใส่เห็ด น่ะครับ...
... ท่านใดประสงค์ก็แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ก็ขอเรียนเชิญเลยน่ะครับ...
ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และคงจะช่วยส่งเสริม สนับสนุน และให้ข้อคิดเพิ่มเติมได้เป็นอย่างดีครับ