สองวันก่อน ป้าแจงเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาตรวจงานทำบ้านให้เพื่อนวัฒนาฯ คือป้าจิ๋ม (ศรีศัย วิศรุตเวช) และได้กล้วยหน้าตาประหลาดจากบ้านป้าจิ๋มมาฝาก
เมื่อถามว่า “กล้วยอะไร” ป้าแจงก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ถาม เพื่อนให้ก็รับมา บอกป้าเจี๊ยบว่า “ลองกินดูสิ”
ป้าแจงไม่ยอมกินก่อน ขอให้ป้าเจี๊ยบเป็นหน่วยกล้าตาย เอ้า..ลงมือ
ลำดับแรกป้าเจี๊ยบก็ยกขึ้นมาพิจารณาก่อน มีข้อสังเกตว่ากล้วยหวีนี้มีน้ำหนักมากทีเดียว กล้วยทุกผลในหวีติดกันแนบสนิท
ต่อมาทำท่าเป็นศัลยแพทย์เอามีดตัดโคนผลที่อยู่ริม แล้วค่อยๆ ดึงออกอย่างเบามือ รู้สึกเหมือนลอกสิ่งของที่ติดกาวบางๆ ไว้
เมื่อมองดูในแถวก็พบว่าเปลือกของแต่ละผลติดกันแนบสนิท หากต้องการให้เปลือกหุ้มผลอยู่อย่างครบถ้วน ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการแยกออกจากกัน
เวลาแยกออกจากกันต้องระมัดระวังมาก เพื่อที่จะไม่ทำให้เปลือกของอีกผลหลุดตามอีกผลออกมา จากนั้นก็ทำการผ่าตัดผลกล้วยตามขวาง
ผลริมซ้ายและขวาของหวีจะมีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม เมื่อปอกเปลือกออก เนื้อข้างในก็เป็นสามเหลี่ยมด้วย ส่วนผลอื่นๆ ที่เหลือในแถวจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าบ้าง คางหมูบ้าง เนื้อข้างในก็มีรูปร่างตามลักษณะภายนอก
พิจารณาดูเนื้อกล้วยที่ปอกเปลือกออกแล้ว ป้าเจี๊ยบมีความเห็นว่าคล้ายกับกล้วยน้ำว้ามาก
ขั้นสุดท้ายคือ ลงปาก
หยิบชิ้นกล้วยเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ เพื่อให้ลิ้นรับรู้รสสัมผัส รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกินกล้วยน้ำว้าที่มีเนื้อเหนียวกว่าปกติ ส่วนรสชาติก็เหมือนกล้วยน้ำว้าแบบที่ไม่หวานนัก
สรุปว่าอร่อยค่ะ จึงเชิญชวนให้ป้าแจงกิน
เมื่อสมาชิกครอบครัวมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันในวันเสาร์ ก็มีการตั้งคำถามว่า “ใครรู้จักกล้วยนี้บ้าง” ปรากกฎว่ามีลุงจั่นคนเดียวที่ตอบว่า “กล้วยพนม”
พอถามย้ำว่า “จริงๆเหรอ” ลุงจั่นก็บอกว่า “ก็ดูสิ รูปร่างมันเหมือนกับมือกำลังพนมอยู่” พร้อมกับออกท่าทางประกอบ จนทุกคนหัวเราะ และรู้แล้วว่าลุงจั่นพูดเล่น
ป้าแจงคงรำคาญน้องๆ จึงตัดสินใจโทรไปกวนป้าจิ๋ม และได้คำตอบกลับมาว่า กล้วยนี้ชื่อ “เทพพนม” ทุกคนเฮทันที เพราะนึกถึงการตั้งชื่อเองของลุงจั่น
ก่อนจะเขียนถึงกล้วยนี้ ป้าเจี๊ยบเข้าไปค้นข้อมูลทางอินเตอร์เนตก่อนเพื่อดูว่ามีใครเล่าเรื่องกล้วยเทพพนมบ้างหรือยัง ถ้ามีแล้วก็จะไม่เขียน
ปรากฏว่าส่วนใหญ่เสนอรูปภาพในฐานะของแปลก มีทั้งรูปต้นกล้วยเทพพนม เครือกล้วยเทพพนม รูปกล้วยเทพพนมเป็นหวีๆ มีการเชิญชวนให้ปลูกในฐานะไม้มงคล มีการนำไปใช้ในพิธีมงคล และมีข้อมูลบอกว่ากินได้
แต่ไม่มีใครพูดถึงการกินกล้วยชนิดนี้กันเลย?!?
ป้าเจี๊ยบก็เลยเขียนบันทึกนี้ เพื่อชวนกินกล้วยเทพพนมค่ะ เพราะชื่อเป็นมงคล จัดเป็นไม้มงคล กินเข้าไปก็น่าจะเป็นมงคลนะ
และเมื่อเช้านี้.. ป้าเจี๊ยบทำแพนเค้กหน้ากล้วยเทพพนมให้ป้าแจงกินเป็นมื้อเช้าก่อนเดินทางกลับไปกลางดงด้วยล่ะ...
เหมือนรูปคนกำลังพนมมือจริงๆ ด้วยค่ะ
อยากลองทานบ้างจัง ^^
เพิ่งเคยเห็นเหมือนกันค่ะ ตามไปหาดูกับพี่ Google บ้างแล้วค่ะ อยากเห็นแพนเค้กหน้ากล้วยเทพพนมด้วยจังเลยค่ะ ป้าเจี๊ยบต้องทำได้ดูสวยงามน่ากินตามเคยแน่นอนเลย
พี่ป้าเจี๊ยบ คะ ตามมาขอบคุณและเอาภาพเค้กเทพพนมมารวมกับตัวกล้วยที่บันทึกนี้อีกทีด้วยค่ะ เห็นแล้วอร่อยได้โดยไม่ต้องโดนลิ้นเลยนะคะนี่ ปกติจะพยายามเลี่ยงขนมที่เป็นแป้งและน้ำตาลอยู่ค่ะ ไม่อยากให้ตัวเองน้ำหนักเกิน แต่รู้เลยว่าถ้ามีของจริงจาก ป้าเจี๊ยบ มาอยู่ใกล้ๆนี่ต้องตบะแตกแน่ๆ นอกจากเนื้อเค้กและ topping จะน่ากินแล้ว ไอเดียในการวางอัลมอนด์เป็นมือพนมนี่ก็เยี่ยมมากๆเลยค่ะ สมเป็น ป้าเจี๊ยบ จริงๆ
กล้วยเหล่ียมของคุณน่าสนใจ และนำไปประยุกต์ แปรรูปให้ผู้ท่ีไม่ชอบรับประทานกล้วยได้รับประทานได้
แปลกดีคับ กล้วย น่ากินจัง
อาจารย์คับ ขั้นตอนการเค้ก อยากไมคับ น่าทำมากๆ
กล้วยเทพนมส่วนไหนกินได้บ้าง
สนใจมากแปลกดี
ตอนเห็นครั้งแรกเราก็แปลกใจยิ่งนัก กล้วยอาร้าย อารัยทำไมเป็นแฝดติดกัน พอถามคนข้างๆ ก็ไม่มีใครทราบชื่อ เรยลองทานดู ถ้าท่านเคยทานกล้วยเล็บมือนางจะอะโฮ้ นี่มันกล้วยอารายหว๊าาา อาย่อยแทบไม่มีชิ้นส่วนไหนไม่อาย่อยเรย(เนื้อนะไม่ใช่เปลือก) สรุปต้องตามหามาปลูกที่ฟาร์ม ได้ไปหน่อล่ะ เจ็ดร้อยกว่าบาท ป้าดธิโธ่ ขายเอารวยกันเรยทีเดียว แต่คือติดใจในรสสะชาดซะแร้ว หวังว่าปีหน้าที่ฟาร์มเราจะมีผลผลิตมาให้ชิมครับ @ไร่ธนณัฏฐ์ #โอโซนฟาร์มสุข สถานีของคนรักสุขภาพ ปีหน้าเชิญครับ.