farm@kasetpibul
งานฟาร์ม คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอาหาร ม ราชภัฏพิบูลสงคราม

การปลูกข้าวโพดหวานปลอดสารพิษ


ข้าวโพดหวานปลอดสารพิษ

การปลูกข้าวโพดหวานปลอดสารพิษ

              ข้าวโพดหวาน อยู่ใน ตระกูล Gramineae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับหญ้าหรือข้าว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zeamays Line var. rugasa หรือ saccharata ข้าวโพดหวานมีคุณประโยชน์มากมาย นอกจากจะใช้รับประทานเป็นผักสดแล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปเพื่อจำหน่ายได้หลาย รูปแบบ เช่น ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องทั้งฝัก หรือบรรจุกระป๋องเฉพาะเมล็ด ทำครีมข้าวโพดหวาน ข้าวโพดแช่แข็ง เป็นต้น

ฤดูกาลปลูก

              ข้าวโพดหวาน สามารถ ปลูกได้ตลอดปี แต่นิยมปลูกกันมากในช่วงฤดูฝน และสามารถปลูกได้ดีในดินทุกสภาพ แต่จะขึ้นได้ดีในสภาพดินร่วนปนทราย จะทำให้ผลผลิตดีและเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่า ความเป็นกรด-ด่าง (PH) ของดินที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 6.0-6.5 ข้าวโพดหวานต้องการแสงแดด เต็มที่ตลอดวัน

อุณหภูมิที่เหมาะสม

              อุณหภูมิที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดหวาน เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงที่สุดจะอยู่ในช่วง 24-30 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิกลางคืน อยู่ในช่วง 15-18 องศาเซลเซียส จะทำให้ข้าวโพดหวานมีคุณภาพดีและมีความหวานสูง

การเตรียมแปลงปลูก

การปลูกข้าวโพดหวานจะแตกต่างจากการปลูกข้าวโพดไร่ เพราะข้าวโพดหวานต้องดูแล และปฏิบัติอย่างพิถีพิถัน เช่นเดียวกับการ ปลูกพืชผัก จึงจะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ดังนั้นในการเตรียมดินและการปลูกต้องการทำอย่างประณีต โดยการไถดินลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร แล้วตากทิ้งไว้ 7-10 วัน เพื่อกำจัดไข่แมลงและเมล็ดวัชพืช หากมีการใส่ปุ๋ยคอกหรือหว่านปูนขาวเพื่อปรับ สภาพดินควรใส่ในช่วงนี้ แล้วจึงไถพรวนอีกครั้ง ถ้าดินสภาพที่เป็นดินเหนียวมากควรผสมดินปลูกด้วยปุ๋ยหมัก แกลบดำ และดินร่วนอัตราส่วน 1:1:1 สำหรับรองก้นหลุม ระยะปลูกระหว่างแถวและหลุมประมาณ 65 X 75 เซนติเมตร ความยาวขึ้นอยู่กับพื้นที่

การปลูกข้าวโพดหวาน

              นำเมล็ดข้าวโพดหวานหยอดลงไป หลุมละ 1-3 เมล็ด ลึกประมาณ 1 – 2 เซนติเมตร กลบหลุมพอประมาณ(ถ้าห่มดินด้วยฟางได้จะดีมาก) หลังหยอดเมล็ดแล้วไม่ควรปล่อยดินแห้งเกินไป ควรให้ดินมีความชื้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรให้น้ำมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เมล็ดข้าวโพดเน่าได้ หลังจากหยอดเมล็ดพันธุ์ 5-7 วัน ข้าวโพดก็จะเริ่มงอก ถ้าสังเกตุว่าหลุมไหนที่ไม่งอกให้รีบปลูกซ่อมทันที

การปฏิบัติดูแลรักษาข้าวโพดหวาน

              การถอนแยกต้น ควรกระทำหลังจากหยอดเมล็ด 14-15 วัน โดยการถอนแยกให้เหลือหลุมละ 1 ต้น
              การให้ปุ๋ยหรือธาตุอาหารพืช หลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 15-20 วัน โดยการฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพผลไม้หวานหรือผลไม้รวมครั้งที่ 1 อัตราส่วน 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ช่วงนี้ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และฉีดพ่นอีกครั้งในอัตราที่เท่ากันหลังอีก 7 วัน  ควรมั่นสังเกตุต้นข้าวโพดอยู่ประจำถ้ามีแมลงศัตรูรบกวนให้ผสมสมุนไพรไล่แมลงฉีดพ่นไปพร้อมๆกับน้ำหมักชีวภาพบำรุงต้นในอัตราส่วนเท่ากัน (ควรฉีดพ่นตอนเช้าๆ) และเมื่อข้าวโพดหวานใกล้เริ่มติดฝักอ่อน (35-40 วัน)ควรให้ธาตุอาหารเสริมฮอร์โมนไข่เพื่อการติดดอกออกฝักอัตราส่วน 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ปุ๋ยหมักแห้งจากเศษพืช เช่นผักตบชะวา พืชตระกูลถั่ว มูลไก่เพื่อช่วยในการเพิ่มความหวาน (250-500 กก/ไร่)ช่วงนี้การให้น้ำ ให้น้ำอย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาดและควรมีการกำจัดวัชพืช กระทำพร้อมๆ กับการกลบโคนต้น

การเก็บเกี่ยวและการรักษา

              การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้ข้าวโพดหวานมีคุณภาพดีหรือเลว ข้าวโพดหวานจำเป็นต้องเก็บให้ฝักสดที่สุด ควรเลือกเก็บเกี่ยวในระยะที่มีน้ำตาลสูงที่สุด และคุณภาพดีที่สุด หรือระยะที่เรียกว่า ระยะน้ำนม(Milk Stage) หากเลยระยะนี้ไปแล้วปริมาณน้ำตาลจะลดลงและมีแป้งเพิ่มขึ้น การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานมีหลักพิจารณาง่ายๆ คือนับอายุ หลังจากวันหยอดเมล็ด วิธีการนี้ต้องทราบอายุของข้าวโพดหวานแต่ละพันธุ์ว่าเป็นพันธุ์หนัก, เบา หรือปานกลาง เช่นพันธุ์เบา อายุ 55-65 วัน พันธุ์ปานกลาง 70-85 วัน และพันธุ์หนักตั้งแต่ 90 วันขึ้นไป เก็บสุ่มตัวอย่างในแปลงมาตรวจดู วิธีนี้แน่นอน และนิยมกระทำกันมากที่สุด การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวาน ควรเก็บเกี่ยวในเวลา เช้าตรู่และรีบส่งตลาดทันที ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 24 ชั่วโมง เพราะจะทำให้น้ำตาลลดลง

                                                                                                              ณัฐพงษ์ พรดอนก่อ

                                                                                   มิถุนายน 2553

หมายเลขบันทึก: 367743เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2010 14:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 08:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท