นิทานเซนของท่านพุทธทาสภิกขุ


โลกนี้น่าอยู่เพราะมีคนดีมากกว่าคนเลว
สวัสดีค่ะทุกท่าน สำหรับบันทึกนี้ดิฉันขอนำนิทานเซนที่ท่านพุทธทาสนำมาใช้สอนเตือนสติกับทุกๆคนในการใช้ชีวิตเรื่องแรกที่จะขอเสนอมีชื่อเรื่องว่า น้ำชาล้นถ้วย  เรื่องมีอยู่ดังท่่านพุทธทาสแสดง
          คือว่าอาจารย์แห่งนิกายเซนชื่อ  น่ำอิน  เป็นผู้มีชื่อเสียงทั่วประเทศ และโปรเฟสเซอร์คนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศเช่นกัน ไปหาอาจารย์น่ำอิน เพื่อขอศึกษาพระพุทธศาสนานิกายเซน
          ในการต้อนรับ ท่านอาจารย์น่ำอินได้รินน้ำชาลงในถ้วย รินจนล้นแล้วล้นอีก โปร เฟสเซอร์มองดูด้วยความฉงนและทนดูไม่ได้จึงพูดโพล่งออกไปว่า "ท่านจะใส่มันลงได้อย่างไร" ประโยคนี้ก็แสดงว่าเขาโมโหท่าน อาจารย์น่ำอินจึงตอบว่า "ถึงท่านก็เหมือนกัน อาตมาจะใส่อะไรลงไปได้อย่างไร เพราะท่านเต็มอยู่ด้วย Opinions และ Speculations ของท่านเอง" คือว่าเต็มไปด้วยความคิดความเห็น ตามความยึดมั่นถือมั่นของท่านเอง 2 อย่างนี้แหละทำให้เข้าใจพุทธศาสนาอย่างเซนไม่ได้ เรียกว่าถ้วยชามันเต็มจนล้น 
          ท่านครูบาอาจารย์ทั้งหลาย จะเตือนสติเด็กของเราให้รู้สึกนึกคิด เรื่องอะไรล้น อะไรไม่ล้นได้อย่างไร ขอให้ช่วยกันหาหนทาง
          ในครั้งโบราณ ในอรรถกถาได้เคยกระแนะกระแหนถึงพวกพราหมณ์ที่เป็นทิศาปาโมกข์ ที่ต้องเอาเหล็กมาตีเป็นเข็มขัดคาดท้องไว้ เนื่องด้วยกลัวท้องจะแตกเพราะวิชาล้น นี้จะเป็นเรื่องที่มีความหมายอย่างไรก็ลองคิดดู พวกเราอาจล้น หรืออัดอยู่ด้วยวิชาทำนองนั้น จนอะไรใส่ลงไปอีกไม่ได้ หรือความล้นนั้น มันออกมาอาละวาดเอาบุคคลอื่นอยู่บ่อยๆบ้างกระมัง แต่เราคิดดูก็จะเห็นได้ว่า ส่วนที่ล้นนั้นคงจะเป็นส่วนที่ใช้ไม่ได้ จะจริงหรือไม่ก็ลองคิด ส่วนที่ร่างกายรับเอาไว้ได้ ก็คงเป็นส่วนที่มีประโยชน์ ฉะนั้นจริยธรรมแท้ๆไม่มีวันจะล้น
           โปรดนึกดูว่าจริยธรรมหรือธรรมะแท้ๆ นั้นมีอาการล้นได้ไหมถ้าล้นไม่ได้ก็หมายความว่าสิ่งที่ล้นนั้นมันก็ไม่ใช่จริยธรรม ไม่ใช่ธรรมะ ล้นออกไปเสียให้หมดก็ดีเหมือนกัน หรือถ้าจะพูดอย่างลึก เป็นธรรมะลึก ก็ว่าจิตแท้ๆไม่มีวันล้น ไอ้ที่ล้นนั้นมันเป็นของปรุงแต่งจิตไม่ใช่ตัวจิตแท้ มันล้นได้มากมาย แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังไม่รู้ว่าจิตแท้คืออะไร  อะไรควรเป็นจิตแท้ และอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ใช่จิตแท้ คือเป็นเพียงความคิดปรุงแต่ง ซึ่งจะล้นไหลไปเรื่อย นี่แหละรีบค้นหาให้พบสิ่งที่เรียกว่าจิตจริงๆกันสักที ก็ดูจะดีเหมือนกัน
           ในที่สุดท่านจะพบตัวธรรมมะอย่างสูง ที่ควรแก่นามที่จะเรียกขานว่าจิตแท้ หรือจิตเดิมแท้ ซึ่งข้อนั้นได้แก่ภาวะแห่งความว่าง จิตที่ประกอบด้วยสภาวะแห่งความว่างจาก "ตัวกู ของกู" นั้นแหละคือจิตแท้ ถ้าว่างแล้วมันจะเอาอะไรล้น นี่เพราะเนื่องจากไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร จึงบ่นกันแต่เรื่องล้น การศึกษาก็ถูกบ่นว่าล้น แต่ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือที่พูดว่า ศาสนานี้เป็นส่วนที่ล้น จริยธรรมเป็นส่วนที่ล้น เป็นส่วนที่เกินคือเกินความต้องการ ไม่ต้องเอามาใส่ใจ ไม่ต้องเอามาสนใจ เขาคิดว่าเขาไม่ต้องเกี่ยวกับศาสนาหรือธรรมะเลย เขาก็เกิดมาได้ พ่อแม่ก็มีเงินให้เขาใช้ ให้เขาเล่าเรียน เรียนเสร็จแล้วก็ทำราชการเป็นใหญ่เป็นโตได้ โดยไม่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาเลย ฉะนั้นเขาเขี่ยศาสนาหรือธรรมะออกไป ในฐานะเป็นส่วนล้น คือไม่จำเป็น นี่แหละเขาจัดส่วนล้นให้แก่ศาสนาอย่างนี้
              คนชนิดนี้จะต้องอยู่ในลักษณะที่ล้นเหมือนโปรเฟสเซอร์คนนั้น ที่อาจารย์น่ำอินจะต้องรินน้ำชาใส่หน้า หรือว่ารินน้ำชาให้ดู โดยทำนองนี้ทั้งนั้น เขามีความเข้าใจผิดล้น ความเข้าใจถูกนั้นยังไม่เต็ม มันล้นออกมาให้เห็นเป็นรูปของมิจฉาทิฐิ เพราะเขาเห็นว่าเขามีอะไรของเขาเต็มเปี่ยมแล้ว ส่วนที่เป็นธรรมะ เป็นจริยธรรมนี่ ไม่สามารถจุได้อีกต่อไป
             ขอจงคิดดูให้ดีเถอะว่า นี้แหละคือมูลเหตุที่ทำให้จริยธรรมรวนเรและพังทลายด้วยเช่นกัน ถ้าเรามีหน้าที่ที่จะต้องผดุงส่วนนี้แล้วจะต้องสนใจเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน



         จากหนังสือเซนบอกว่า โดยอนุพล รักษ์สกุล
คำสำคัญ (Tags): #บุรีรัมย์ุ6
หมายเลขบันทึก: 367044เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2010 23:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 07:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะคุณครูเพชรลดา

  แวะมาศึกษาธรรมะด้วยคนนะคะ

 

 

 

ขออนุโมทนา..สาธุครับ
ขอบคุณครับ

ดังนั้น...จงพึ่งเป็นดังน้ำครึ่งแก้วเสมอ...เมื่อจะสนทนากับผู้รู้...ขอบคุณ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท