ถ้าหากกรรมการมี "คุณธรรม" กรรมการผู้นั้นย่อมมี "ความยุติธรรม"
ปุถุชนทั้งหลายจิตใจยังไหลเลื่อนไปตามกิเลส ตัณหา และกามราคะ แล้วปุถุชนทั้งหลายนั้นจะหา "ความยุติธรรม" ได้จากที่ใด
คุณธรรมจึงเป็นหลักธรรมอันเลิศของผู้ที่มีบทบาท หน้าที่ ในการตัดสินหรือชี้ความเป็น ความตายของบุคคลอื่น
ยมภบาล ยมฑูต เป็นตัวอย่างแห่งความเที่ยงแท้ของคำว่า "คุณธรรม"
ไม่ว่ารวยหรือจน หล่อหรือสวย จะพรั่งพร้อมด้วยตำแหน่ง หน้าที่ การงาน เกียรติยศ ชื่อเสียงสักเพียงใดทุก ๆ คนก็ต้องตายอย่าง "ยุติธรรม"
หากปุถุชนมีความมั่นคงตรงศีล บุคคลนั้นย่อมยกระดับจิตใจของตนขึ้นได้เป็น "อริยะบุคคล"
อริยะบุคคลนั้นแลจึงเหมาะ จึงสมที่จะรงฐานะ "กรรรมการ"...
ผมว่าคนทุกคนมี "ปม" อยู่ในใจนะครับ ทีนี้จะให้มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เป็นจริง คงต้องแก้ที่ "ปม" ในใจของตัวเองก่อน นั่นคือ ต้องกล้าวิเคราะห์ตัวเอง ต้องกล้ามองให้เห็น "ปม" ของตัวเองก่อนครับ เพื่อดูว่า "ปม" ของตัวเองนั้นเป็นอย่างไร เป็นปมที่มีความรัก ความเกลียด และ มีอคติ อย่างไร
ต้อง "กล้า" เปิดปมของตัวเองก่อนครับ จะได้รู้ว่าปมของตัวเองนั้น มีผลต่อการบิดเบือนความจริงอย่างไร
เมื่ิอรู้ว่า ปมตัวเองเป็นอย่างไร บิดเบือนอย่างไร ก็จะได้ "รู้ทัน" ปมของตัวเองครับ
ข้อสำคัญ คือ คนเรามักจะปกปิดและกลบเกลื่อนปมของตัวเองเอาไว้ครับ ด้วยการสร้างกลไกป้องกันตัว สร้างภาพต่างๆนานา หรือ สร้าง "ปมเขื่อง" เพื่อปกปิดปมของตัวเองเอาไว้
สวัสดีท่านอาจารย์ครับ ขออนุญาติแลกเปลี่ยนนะครับ
รู้ กับ คิดไม่เหมือนกันนะครับ
รู้ว่ากำลังคิด
เท่ากับรู้ด้วยกำลังสติเป็นการระลึกรู้
อยู่ในภาวะสิ้นคิด แล้ว sensing ไปกับ กาย กับ ใจ
รู้ตามจริง เกิด ดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ของ กาย ใจ ความคิด ความรู้สึก เป็นการฝึกวิปัสสนาครับ
ฟัง จำ มาจากครูบาอาจารย์แล้วจึงลองมาหัดรู้ แล้วนำมาแบ่งปันครับ
แต่คนที่อาจจะยังไม่เคยรู้ ว่ารู้จริงๆเป็นอย่างไร ควรมีผู้ชี้ทางสว่าง ดังเช่นท่านปภังกรกล่าวครับ
ขอบพระคุณครับ...