ตัวไม้มีลักษณะกลม เส้นผ่าศูนย์กลางหัวไม้ ๑.๘ ซม. กลางไม้ ๑.๕ ซม. ปลายไม้ ๑.๒ ซม. ยาว ๗๕ ซม.ที่หัวไม้และปลายไม้ให้มีปลอกทองเหลืองหุ้ม ทางด้านหัวไม้ยาว ๖ ซม. ด้านปลายไม้ยาว ๔ ซม.จากหัวไม้ลงมา ๑๒ ซม. ให้มีพู่ ๒ พู่ ผูกติดอยู่กับไม้ และจากหัวไม้ลงมา ๑๖ ซม. ให้มีปลอกทองเหลืองเป็นตราคณะลูกเสือแห่งชาติหุ้มอยู่ ไม้ถือให้เป็นสีน้ำตาลแก่ การใช้ไม้ถือของผู้บังคับบัญชาลูกเสือ จะใช้ในโอกาสที่จัดแถวลูกเสือ
ในพิธีใด ๆ ที่ลูกเสือถือไม้พลองหรือไม้ง่าม ผู้บังคับบัญชาลูกเสือก็ต้องถือไม้ถือ ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้
1. วิธีถือไม้ในท่าปกติ โดยปกติไม้ถือจะหนีบอยู่ที่แขนซ้ายท่อนบนแนบขนานกับลำตัวหนีบไม้ไว้ แขนซ้ายท่อนล่างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือซ้ายกำไม้ให้ฝ่ามือหงายขึ้นห่างจากตัวไม้ประมาณ 1 ฝ่ามือ ให้ไม้ขนานกับพื้น
2. ท่าบ่าอาวุธ ใช้มือขวาจับโคนไม้ถือให้ฝามือคว่ำลง แล้วนำไม้มาแนบข้างตัวทางขวาในท่าตรง ให้นิ้วทั้งสี่เรียงกันอยู่ด้านนอก หัวแม่มืออยู่ด้านใดให้โคนไม้อยู่ระหว่างนิ้วชี้กับหัวแม่มือ ปลายไม้อยู่แนบ ร่องไหล่ขวา พร้อมกับปล่อยมือซ้ายลงข้างตัว
3. ท่าทำการเคารพอยู่กับที่ เมื่อบอกแถวทำความเคารพ “ขวา (ซ้าย ตรงหน้า) ระวัง วันทยา – วุธ” พร้อมกันนั้นผู้ควบคุมแถวต้องทำวันทยาวุธด้วยไม้ถือ โดยใช้มือขวาถือไม้มาในท่าบ่าอาวุธ แล้วยกไม้ขึ้นมา ให้ปลายไม่ตั้งตรง นิ้วหัวแม่มือหันเข้าหาตัว ตั้งตรงขึ้นตามไม้ ปลายนิ้วหัวแม่มือเสมอปากห่างจากปาก1 ฝ่ามือแล้วฟาดปลายไม้ และแขนขวาลงอยู่ในท่าตรง มือขวากำโคนไม้ ให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ข้างบน และชี้ปลายนิ้วไปทางปลายไม้ ให้ปลายไม่ชี้ตรงไปข้างหน้า และเฉียงลงห่างจากพื้นประมาณ 1 คืบ
4. ท่าเรียบอาวุธ เมื่อบอก “เรียบ – อาวุธ” ให้ยกไม้ถือขึ้นมาเสมอปาก แล้วนำลงมาท่าบ่าอาวุธ แล้วจึงยกไม้ชูแขนขวาขึ้นเหนือศีรษะ เฉียงไปข้างหน้าทางกึ่งขวา พร้อมกับเอนปลายไม้ลงมาเหน็บที่ซอกรักแร้ มือซ้ายยกขึ้นกำโคนไม้ไว้ แล้วปล่อยมือขวาลงในท่าตรงตามเดิม
5. เดินตามผู้รับการเคารพที่เดินตรวจแถว เมื่อได้บอกแถวทำการเคารพด้วยท่าวันทยาวุธแล้ว ถ้าผู้รับการเคารพเดินตรวจแถวผู้ควบคุมแถว ซึ่งได้ทำท่าวันทยาวุธอยู่แล้วให้ยกไม่ขึ้นเสมอปากและเดินตามผู้รับการเคารพไปจนสุดแถว จึงวิ่งกลับมาอยู่ที่เดิม พร้อมกลับฟาดไม้ลง ในท่าวันทยาวุธอีก แล้วจึงบอกแถว “เรียบ – อาวุธ” ต่อไป
6 . การรายงาน เมื่อบอกแถวทำวันทยาวุธแล้ว ในกรณีที่จะต้องเข้าไปรายงานผู้รับการเคารพ ก็ให้ยกไม้ขึ้นเสมอปาก ออกวิ่งไปหยุดตรงหน้าห่างจากผู้รับรายงาน 3 ก้าว พร้อมกับฟาดไม้ลงในท่าวันทยาวุธ แล้วจึงรายงานเมื่อรายงานเสร็จให้ยกไม้ขึ้นเสมอปาก ก้าวเท้าถอยหลัง 1 ก้าว ทำกลับหลังหันวิ่งกลับที่ ทำกลับหลังหันพร้อมกลับฟาดไม้ลงในท่าวันทยาวุธแล้วจึงบอกแถว “เรียบ – อาวุธ” ต่อไป
7. ควบคุมแถวลูกเสือเดิน เมื่อบอกลูกเสือแบกอาวุธ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือต้องอยู่ในท่าบ่าอาวุธ และเดินไปในท่าบ่าอาวุธ จนกว่าจะบอกให้ลูกเสือเรียบอาวุธ
8. สวนสนาม เมื่อจะถึงจะถึงผู้รับการเคารพ คือ ถึงธงแรกให้ทำระวัง คือ ยกไม้จากท่าบ่าอาวุธมาอยู่เสมอปากเมื่อถึงธงที่ 2 ให้ฟาดไม้ลงในท่าวันทยาวุธ พร้อมกับทำแลขวา แขนซ้ายไม่ แก่วง จนถึงธงที่ 3 ให้ยกไม้ขึ้นเสมอปากแล้วลดลงในท่าบ่าอาวุธ สะบัดหน้าตรงแล้วเดินต่อไป
ลักษณะพู่ของไม้ถือ
เป็นด้ายหรือไหมพรม สีตามประเภทของลูกเสือหรือตำแหน่งของลูกเสือ ถักเป็นเชือกผูกติดกับไม้ถือปลายเชือกยาวข้างละ ๖ ซม. ต่อจากปลายเชือกแต่ละข้างทำเป็นพู่ยาวข้างละ ๗ ซม. ขนาดโตพอสมควร
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือสามัญ เชือกและพู่เป็นสีเขียว
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เชือกและพู่เป็นสีเลือดหมู
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือวิสามัญ เชือกและพู่เป็นสีแดง
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือชั้นผู้ตรวจการลูกเสือ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
บริหารลูกเสือแห่งชาติ เชือกและพู่เป็นสีม่วง
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือชั้นผู้ตรวจการลูกเสือ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
ลูกเสือจังหวัดเชือกสีม่วงพู่สีม่วงกับสีเหลือง
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือชั้นผู้ตรวจการลูกเสือ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
ลูกเสืออำเภอ เชือกสีม่วงพู่สีม่วงกับสีแดง
(ลูกเสือสำรองไม่มีอาวุธ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือสำรองไม่มีไม้ถือ)
( สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaiscout.thcity.net/ )
การทำความเคารพของผู้ถือธงและป้าย
ธงและป้ายเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่กองลูกเสือโรงเรียนต้องคักเลือกบุคคลที่มีความเข้มแข็ง และมีบุคลิกที่สง่างาม เพราะจะเป็นจุดเด่นของขบวนสวนสนาม การยืน เดิน ในพิธีการจะต้องอยู่ในสายตาของคนทุกทั่วไป ดังนั้นการปฏิบัติตนของผู้ถือธง และป้าย ต้องได้รับการฝึกฝน ดังนี้
ก. ธง ( ธงคณะลูกเสือแห่งชาติ-ธงลูกเสือประจำจังหวัด-ธงประจำกองลูกเสือ)
1.1 ให้ผู้ถือธงใช้มือซ้ายไปจับคันธงชิดมือขวาและเหนือมือขวา และใช้มือซ้ายยกคันธงขึ้นมาในแนวเสมอไหล่ขวา ข้อศอกซ้ายตั้งเป็นมุมฉากกับลำตัวเหยียดตรง และจับคันธงไว้ แล้วทำกึ่งขวาหัน
1.2 ค่อนๆลดปลายคันธงไปทางไหล่ซ้ายอย่างช้าๆตามจังหวะของเพลง พร้อมกับเลื่อนมือซ้ายที่กำคันธงอยู่ทางแนวไหล่ขวา มาทางด้านไหล่ซ้าย โดยการลดข้อศอกซ้ายลงแนบลำตัวจนคันธงอยู่ในแนวขนานกับพื้น มือซ้ายอยู่เสมอแนวไหล่ซ้ายห่างจากตัวเล็กน้อย มือขวาจับคันธงจนแขนขวาเหยียดตรงไปทางข้างขวามือตามคันธง และให้คันธงวางอยู่ระหว่างร่องนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ของนิ้วขวา (เมื่อเพลงบรรเลงไปได้ครึ่งเพลง
1.3 ครั้นแล้วให้ยกปลายคันธงกลับไปในท่าเคารพช้า ๆ ให้ได้จังหวะเช่นเดียวกับขาลง โดยใช้มือขวากดคันธงลงจนคันธงตั้งตรง และแขนขวาแนบลำตัว เมื่อเพลงสรรเสรินพระบารมีจบลง
1.4 เมื่อได้ยินคำสั่ง “เรียบ – อาวุธ” ให้ลดคันธงลงในท่าตรง ยกมือซ้ายกลับเข้าที่แล้วทำกึ่งซ้ายหันกลับเข้าที่เดิม
2. เวลาเคลื่อนที่ให้แบกธงด้วยไหล่ขวา คือมือขวาจับคันธง ห่างจากโคนคันธงพอสมควร ศอกขวาแนบลำตัวและทำมุม 90 องศากับลำตัว
3.การทำความเคารพขณะเดินสวนสนามให้ปฏิบัติดังนี้
3.1 เมื่อถือธงที่ 1 (ธงระวัง) ให้ลดธงจากบ่ามาแนบลำตัว โดยการเหยียดแขนขวาลงให้ตึง คันธงตั้งตรง มือขวากำคันธง ยกมือซ้ายมาจับคันธงในแนวไหล่ซ้าย ยกข้อศอกซ้ายไปตั้งฉากกับลำตัว
3.2 เมื่อถือธงที่ 2 (ธงทำความเคารพ)ให้เหยียดแขนซ้ายตรงไปข้างหน้า
มือซ้ายกำคันธงไว้ให้คันธงเอนไปข้างหน้าประมาณ 45 องศา มือขวาแนบลำตัว ตาแลตรงไปข้างหน้า ขนานกับพื้น ไม้ต้องสะบัดหน้าไปยังผู้เป็นองค์ประธาน ( สำหรับธงคณะลูกเสือแห่งชาติและธงลูกเสือประจำจังหวัด ไม่ต้องเหยียดแขนซ้ายไปทางข้างหน้า )
3.3 เมื่อถือธงที่ 3 (ธงเลิกทำความเคารพ) ให้ยกธงขึ้นมาอยู่ในท่าแบกธงตามเดิมและลดมือซ้ายลงเดินตามปกติ
ข. ป้ายชื่อจังหวัดและป้ายอื่น ๆ (ถ้ามี)
1. เวลาอยู่กับที่ถือป้ายทั้ง 2 มือ คือมือขวากำคันป้ายชิดแผ่นป้าย มือซ้ายกำต่อลงมาชิดมือขวา โคนคันป้ายจรดพื้นตรงหน้ากึ่งกลางระหว่างปลายเท้าทั้งสอง เวลาทำความเคารพผู้ถือป้ายทำท่าตรงเท่านั้น
2. เวลาเคลื่อนที่ให้ถือป้ายโดยมือขวาจับคันป้าย ในลักษณะคว่ำมือ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับที่สำหรับจับ ถ้ามี ถ้าไม่มีที่สำหรับจับ ก็ให้โคนคันป้ายวางอยู่อุ้มมือขวา โดยหันฝ่ามือเข้าหาตัว แขนขวาเหยียดตรงแนบลำตัว มือซ้ายจับคันป้ายในแนวเสมอไหล่ขวา และตั้งฉากกับลำตัว หันหน้าป้ายไปข้างหน้า
3. การทำความเคารพในขณะที่เคลื่อนที่ ให้ถือป้ายตามปกติ เหมือนเวลาเคลื่อนที่แต่ให้หันหน้าป้ายเข้าหาผู้เป็นองค์ประธานก่อนที่จะถึงธงที่ 1 ประมาณ 20 ก้าว และหันป้ายกลับที่เดิม เมื่อผ่านธงที่ 3 แล้ว ไม่ต้องสะบัดหน้าไปยังองค์ประธานในพิธี
ไม่มีความเห็น