เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.53 นายวิทยา บริบูรณ์ทรัพย์ ผู้ อำนวยการโรงเรียนโยธินบูรณะ ในฐานะนายกสมาคมครูมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าการแบ่งเขตพื้นที่การประถมศึกษาและเขตพื้นที่การมัธยม ศึกษา ว่าตามที่กระทรวงศึกษาธิการเห็นควรให้มีการปรับปรุงรูปแบบการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐาน โดยการเสนอแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และพ.ร.บ.ครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติแล้ว ขณะนี้รอเพียงนายกรัฐมนตรี นำทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไภยและประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ให้ดำเนินการภายใน 20 วัน
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า สำหรับเขตพื้นที่การศึกษาใหม่นี้ จะแบ่งเป็นเขตพื้นที่การประถมศึกษา และเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา โดยเขตพื้นที่การศึกษา ที่มีอยู่เดิม 185 เขต จะเป็นเขตพื้นที่การประถมศึกษาทั้งหมด ส่วนเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา จะเกิดขึ้นตามความเหมาะสม ตามความเห็นของสภาการศึกษาที่จะให้แก่ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อประกาศเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะตั้งเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา โดยตั้งศูนย์ประสานงานการจัดการมัธยมศึกษาทั่วประเทศ 41 ศูนย์ เพื่อรองรับเขตพื้นที่มัธยมศึกษาแล้ว ส่วน จะมีกี่เขตนั้นต้องรอประกาศอีกครั้ง โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
“สำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานั้น เราจะใช้สำนักงานเดิมที่มีอยู่ เช่น สำนักงานสามัญศึกษาจังหวัด สำนักงานประถมศึกษา และ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เป็นต้น โดยจะไม่มีการลงทุนจัดสร้างสำนักงานใหม่ ส่วนบุคลากรก็จะเกลี่ยในพื้นที่เดิมที่ดูแลโรงเรียนมัธยมศึกษา สำหรับตำแหน่งผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ ก็จะมีการสรรหาโดยควรเป็นผู้ที่มาจากสายมัธยมศึกษา เพราะจะรู้บริบทโรงเรียน และวัฒนธรรมขององค์กรมากกว่าสายประถมศึกษา อีกทั้งในสายของประถมศึกษามีถึง 185 เขตแล้ว ” นายก สบมท.กล่าว
อ้างอิงจาก http://www.kruthai.info/main/board03_/shows.php?Category=newsedu&No=387
"เสมา1"ยันไม่แบ่งเขตจังหวัด เพราะเจตนารมณ์หลักคือประสานงาน
ที่เวทีใหม่สวนอัมพร เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.53 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งในการประชุมสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “แนวทางการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การศึกษาใหม่ 3 ฉบับ” ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (สบมท.) ว่า ได้ย้ำให้ผู้บริหารสถานศึกษามัธยมศึกษา เตรียมการรองรับในการที่จะจัดตั้งเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา โดยยึดหลัก 41 ศูนย์ประสานงานการจัดการมัธยมศึกษา(ศกม.)เดิม ให้เป็นเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา ทำหน้าที่ประสานงานอำนวยความสะดวกให้แก่โรงเรียน ทั้งนี้จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขึ้นมาเฉพาะ และใช้ระบบคุณธรรมเข้ามาดูแลเพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่เพื่อนครูอย่างแท้จริง
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า เจตนารมณ์ของการตั้งเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา คือให้เป็นเขตประสานงาน ไม่ใช่การแบ่งเขตพื้นที่ตามจังหวัด เช่นเดียวกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระดับประถมศึกษา ที่มีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก เพราะบางจังหวัดมีโรงเรียนมัธยมศึกษาเพียง 5-7 โรงเรียนเท่านั้น ส่วนจะเพิ่มจำนวนเขตพื้นที่การมัธยมศึกษาหรือไม่นั้น ต้องรอดูผลการดำเนินงานในเบื้องต้นก่อน
อ้างอิงจาก http://www.siamrath.co.th/?q=node/33335
ตามมาอ่านจะมีปัญหาในกรณีที่สำนักงานอยู่ไกลจากโรงเรียนมัธยมฯไหม ต่อไปอาจมีเพิ่มแน่ๆๆครับ
-จากการเรียกร้อง ขอความเป็นธรรมจาก -ของส่วนมัธยมที่ดูส่วนมาก สุภาพมานาน จนเมื่อเห็นสิทธิ ของ กลุ่มตนเสียโอกาส และถูกก้าวล่วงละเมิด ในลักษณะ ของความคาดคิดไม่ถึงก็ตาม เพราะพวกมากลากไป ทำให้ ครู และนักเรียน มัธยมเสียโอกาสชัดเจน
-ขอแสดงความชื่นชมในการตัดสิรใจ ของผู้นำ ที่เห็นความคับข้องใจที่ควรรับฟัง และให้โอกาส ที่รอการแก้ไขได้ ก่อนที่จะวิบัติไปกว่านี้ การแยกการบริหารในส่วนของมัธยม นับเป็นสิทธิ เสรีภาพและความเป็นธรรมอันพึงได้
ขอแสดงความยินดีกับผู้มีส่วนได้เสีย ในการพัฒนาเยาวชน ระดับมัธยมศึกษาด้วยความยินดียิ่ง หากว่าแยกเขตมัธยมได้
ขอให้การศึกษาจงก้าวหน้าต่อไป
การรับฟังปัญหา ที่เป็นจริง โดยปราศจากอคติ และผลประโยชน์พวกพ้อง หรือกลุ่มนำหน้า นำมาซึ่งความสมานฉันท์ชาวครู
ประถมและมัยม อย่างแท้จริง ที่มิควรให้เกิดความแตกแยกไปมากกว่านี้
ขอแค่คำปรึกษา หรือ อะไรก็ได้ ขอฝากผ่านถึงท่านผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ใครก็ได้ เกี่ยวกับการศึกษา และ การปฏิบัติตัวของท่านผู้ที่เรียกคำนำหน้า ว่า ผู้ทรงคุณวุติ แล้วให้เด็กๆๆๆ เยาวชนของชาติ เรียกท่านว่า เป้นครู หรือ อาจารย์ก็ตาม แต่ขอเรียนว่า ท่านมีการปฏิบัติตัว และ การใช้คำพูดที่ หยาบคาย ไม่เหมาะสม กับลูกศิษย์เลย นี้คือ เรื่องจริง และความเป็นจริง ของโรงเรียน ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ไกลจากเมืองหลวง ของประเทศเพียง 150 กิโล ---แค่ขอให้ท่านที่รับผิดชอบ กรุณา ทบทวน คำว่านโยบาย สร้างเยาวชน ของชาติให้มีคุณภาพ จะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร ในเมื่อการปฏิบัติตัวของอาจารย์ ยังเป็นต้นแบบไม่ได้ และนี่ละ คือความจริงที่เป็นอยู่ ที่ขอให้มีการทบทวนดูว่าระบบ การศึกษาล้มเหลว หรือ ท่านผู้ถ่ายทอดทำไม่ได้ และมีส่วนเพิ่มปัญหาให้กับตัวเยาวชน ลูกหลานของชาติ ไม่ต้องการเอ่ยชื่อ ของโรงเรียนระดับมัธยมโรงเรียนนี้ ทั้งที่เป็นผู้รับรู้ และได้สัมผัสมาด้วยต้วเอง --และเป็นคนในพื้นที่ของจังหวัดนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตเมืองที่ได้รับการบันทึกอยู่ในหนึ่งหน้าของประวัติศาสตร์ไทย
หวัดดีครับ ท่านพี่ประเสริฐ ผมกำลังค้นงานวิจัยจาก google ไม่รู้ด้วยโชคอะไร เห็นมีชื่อท่านขึ้นหน้าจอเลยกดตามมาดู ชื่นชมในความเป็นวิชาการของท่านรองฯมาก ว่าง ๆ จะไปคารวะ