บันทึกความคิดผนวกความรู้สึก: เด็กไทยวันนี้..เกิดอะไรขึ้น


   สิ่งที่อยากบันทึกผนวกกันเป็น ๒ เหตุการณ์ ด้วยกรณีแรกที่ได้รับข่าวสารจากโทรทัศน์เมื่อวานและเช้าวันนี้เกี่ยวกับ เด็กนักเรียนคนหนึ่งของ มหิดลวิทยานุสรณ์ เผาหนังสือจากหนังสือไฟลามเป็นตึก ผนวกกับอุปกรณ์การศึกษาอีกจำนวนมาก จากข่าวทราบว่า เบื้องต้นประเมินความเสียหายเป็นเม็ดเงินกว่าร้อยล้าน จากเหตุการณ์นี้ มันมีบางอย่างให้คิด

  เข้าใจว่าโรงเรียนแห่งนี้มีที่มา...และน่าจะเป็นที่มาอย่างลึกซึ้งเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตบางอย่างของไทย เด็กไทยจำนวนมากใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียน และเป็นที่ที่น่าเรียนที่สุด แต่โรงเรียนก็รับผู้เรียนได้ในขอบเขตที่จำกัด

  แน่นอนว่า ในเด็กทั้งหมดนั้น มีเด็กคนหนึ่งเท่านั้นที่ทำเรื่องนี้และคิดว่าเด็กน่าจะไม่คาดฝันว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตแบบนี้ ในความคิดของผม เงินร้อยกว่าล้านมันมากอยู่ แต่มันน้อยมากหากนำมาเทียบกับชีวิตเด็กคนหนึ่ง หลายความคิดที่ผุดขึ้นมาเมื่อทราบข่าว โรงเรียนแห่งนี้มีเด็กเก่งทั้งหมด (หัวกะทิ) แต่ทำไม...... ดูจากภายนอกบรรยากาศโรงเรียนก็เอื้ออำนวย แม้ผมยังอยากไปเรียนเลย คิดเอาเองว่า ต้องมันหยดกับการเรียนแน่ๆ แต่ทำไม..... หนักสือมีอย่างหลากหลาย อุปกรณ์การเรียนก็ทันสมัย แต่ทำไม.....

   นอกจากนั้น ทำไมเด็กจึงเลือกที่จะเผาหนังสือ

   หลายทำไมที่อยากรู้ และอยากแก้ไขในฐานะอยู่ในแวดวงการศึกษา แต่สมองน้อยนิดคงคิดได้ไม่ลึกซึ้งเท่านักคิดนักวิจัยที่ทำงานด้านนี้มาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งคงต้องรอฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อีกทีหนึ่งว่า "มันเกิดอะไรขึ้น" หรือ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ หากแต่ผมคิดไปเอง อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยเหมือนไม้ขีดไฟที่สามารถเผาบ้านเผาเมืองได้ก่อนหน้านั้น ก็น่าคิดอยู่

 

  อีกเรื่องหนึ่งที่อยากบันทึไว้ หลังจากที่ผมเปิด mail และได้รับข่าวจาก gotoknow เกี่ยวกับการตอบแบบสอบถาม เมื่อตอบเสร็จ จึงเข้าไปอ่านบันทึกหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับอะไรบางอย่างที่ดีของ ม.มหิดล ของท่านอาจารย์หมอคือบันทึก http://gotoknow.org/blog/council/364861 (การอ่านบันทึกนี้่ ความคิดของผมโยงไปถึงกรณีเด็กเผาหนังสือ) จากนั้น ก็เลยไปทำความเข้าใจเรื่องนี้ http://gotoknow.org/blog/thaikm/274972 แล้วไปสะดุดเข้ากับความเห็นของท่านหนึ่ง ซึ่งน่าจะใช้นามปากกา หากเธอเขียนข้อความนั้นจริง ผมคิดอะไรบางอย่างขึ้นอีกแล้ว ระหว่างผู้เขียนบันทึกกับผู้แสดงความเห็น แต่ไม่ขอลงข้อความนะครับ เกรงว่าการแสดงความเห็นของผมจะส่งผลต่อความเดือดร้อนที่ผนวกมากับสังคมใหม่ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์

   ผมเห็นว่า หากเราจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่สังคมให้ความนับถือซึ่งไม่ได้เกิดจากอำนาจหรืออิทธิพล หากแต่เกิดจากความดีงาม ซึ่งเหมาะสมกับคำว่า "ผู้ใหญ่" ที่เป็นแบบอย่างในสังคมอย่างเต็มตัว (แม้ท่านจะไม่ได้คิดว่าเป็นก็ตาม) หากเรามีวัยและคุณธรรมที่น้อยกว่า และเราต้องการความช่วยเหลือ เราต้องมีความรู้สึกบางอย่างที่ยอมรับได้ว่าอ่อนด้อยกว่า และสามารถบรรยายออกมาเป็นวจนภาษาได้ เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน เพราะท่านไม่ใช่เพื่อนเรา

  อย่างไรก็ตาม โลกใหม่ที่เข้ามาท่วมทับวิถีแบบไทยให้จมหายไปในประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำนั้น ช่างน่ากลัวนัก เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะสังคมต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่สังคมต้องการ ในบางองค์กร เพื่อประโยชน์ตัวและองค์กรแล้ว ต้องหาวิธีการอย่างไรก็ได้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการนั้น ความรู้ในองค์กรและตัวบุคคลค่อนข้างจะหลากหลายและซับซ้อน ความรู้คือตัววัดว่าใครควรเป็นผู้นำ ส่วนวัยและคุณธรรมเป็นสิ่งที่น่าจะตามมาทีหลัง เราจึงมีเพื่อนต่างวัย ลูกน้องต่างวัย ผู้นำต่างวัย ซึ่งไม่น่าจะเสียหายอะไรหากเราอยู่กันได้อย่างสันติ เพียงต้องแก้ไขที่ระบบคิดแบบเดิมเท่านั้น ด้วยความรู้ที่เรามีอยู่ เราสามารถเลือกสินค้าจากร้านค้าไหนก็ได้ ถ้าร้านนี้ปฏิเสธ ก็มีร้านอื่นให้เลือก จากปรากฎกาณ์เล็กๆ นี้คือช่องว่างที่ค่อยๆขยายไม่รู้จบสิ้น

  ถ้าโลกใหม่ค่อนข้างจะซับซ้อน หลากหลาย มีช่องว่างที่ขยายคนจากคนแบบนี้ เด็กไทยทุกวันนี้ จะเลือกชีวิตแบบใดดี หรือว่า แบบใดก็ได้ที่ฉันพอใจ ถ้าอย่างนั้น การศึกษาในแบบหม้อเดียวกันก็คงไม่เหมาะแล้วกระมัง

  อืม....หรือว่า การศึกษามันเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของฉันเกินไป....หรือว่า.......ฯลฯ

 

หมายเลขบันทึก: 364875เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2010 10:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นครับ

     เรื่องเด็กเครียดจากการเรียน   สาเหตุก็หลายๆอย่างครับ  แต่ผมขออนุญาตมุ่งเป้าไปที่ "ครอบครัว" ครับ

     ผมสันนิษฐานว่าเกิดจากครอบครัวที่คาดหวังในตัวเขามากเกินไปหรือเปล่า   ทำให้เด็กต้องทำตัวให้เป็นไปตามที่พ่อแม่คาดหวัง   นั่นคือ ต้องเรียนมากๆ  ไม่ต้องเล่น  ไม่ต้องทำกิจกรรม   ไม่ต้องผ่อนคลาย  เพราะจะเสียเวลาเรียน  ทีนี้เรียนมากๆ  สมองก็เครียดเป็นธรรมดาครับ

     ถ้าเขาได้ผ่อนคลายบ้าง   ลดการคร่ำเครงลงมาบ้าง  ก็น่าจะดีขึ้นนะครับ

     เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของผมนะครับ   อาจไม่ใช่อย่างที่ผมว่ามาก็ได้

ผมทิ้งประเด็นนี้ใน FB มีการแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจทีเดียวครับ ว่าจะนั่งเขียนบันทึกอยู่เหมือนกันครับ

--------------

ยินดีกับพาหนะคันใหม่นะครับ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท