๖ จังหวัดอีสานตอนบน มีปัญหาสำคัญที่ผู้คนต้องเจ็บป่วยล้มตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ โรคไตวาย เบาหวาน โรคมะเร็งท่อน้ำดี ปัญหาการขาดสารไอโอดีน
เป็นที่ทราบกันดี พฤติกรรมการบริโภคของชาวอีสาน เช่นการกินเค็มมาก หวานมาก กินของดิบ และกินอาหารที่ขาดสารไอโอดีนล้วนนำมาสู่โรคดังกล่าวคือไตวาย เบาหวาน มะเร็งท่อน้ำดี และภาวะขาดสารไอโอดีนในทุกจังหวัดในเขตอีสานตอนบนคือจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี สกลนคร และนครพนม สถานการณ์นี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเพราะมีปัญหารุนแรงในอันดับต้นๆของประเทศส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสติปัญญาประชาชนในพื้นที่ นอกจากแต่ละจังหวัดต้องแก้ไขปัญหาของจังหวัดตนเองแล้ว การร่วมมือกัน หรือดำเนินการให้สอดประสานกันจะทำให้เกิดพลังในการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมหรือการสื่อสารประชาสัมพันธ์ออกไปสู่ประชาชน การแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆที่เน้นดำเนินการโดยภาคราชการคงต้องมีการทบทวน เพราะทำมาหลายปีแต่สถานการณ์ต่างๆยังไม่ดีขึ้นอย่างที่อยากเห็น หากยังไม่ร่วมมือกันดำเนินการอย่างจริงจังทุกภาคส่วน เราจะเสียโอกาส และประชาชนคงต้องประสบปัญหาต่อไป สูญเสียสุขภาพ สูญเสียงบประมาณประเทศในการรักษา สูญเสียศักยภาพอย่างน่าเสียดาย
การแก้ไขปัญหาที่เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชนให้ร่วมดำเนินการอย่างจริงจังเป็นแนวทางที่ดี และมีบางพื้นที่ดำเนินการแก้ปัญหาของประชาชนได้เป็นอย่างดี เช่น การแก้ไขปัญหาการขาดสารไอโอดีนในพื้นที่อบต.นาพู่ อ.เพ็ญ และที่อบต.ผาสุข อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานีก็เช่นกัน เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมที่ดำเนินการอย่างได้ผลและคนในชุมชนทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างดีเพื่อชุมชนของเขา ยังมีรูปแบบนวัตกรรมของชุมชนในเรื่องอื่นๆอีกมากในระบบสุขภาพที่ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในมือของฝ่ายราชการเท่านั้นซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี และจะเป็นผลดีต่อส่วนรวม แต่ฝ่ายราชการต้องเปิดใจกว้าง ไม่ปิดกั้นโอกาสในการสร้างนวัตกรรมหรือการพัฒนาโดยภาคส่วนอื่นๆ ไม่ผูกขาดไว้แต่ตนเอง และต้องเห็นศักยภาพของคนอื่น
การช่วยกันคิดช่วยกันทำ กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เกิดสิ่งใหม่ๆ ทดแทนการทำงานแบบเดิมๆที่แก้ไขปัญหาไม่ได้ จะนำไปสู่การพัฒนาแบบก้าวกระโดด มีความหลากหลายและยั่งยืน
ทุกภาคส่วน พร้อมที่จะร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อผลักดันการพัฒนาสุขภาพของประชาชนหรือไม่....พร้อมหรือยังที่จะก้าวออกจากความเคยชินเดิมๆ?