เรื่อง พ่อแม่ยังรักตัวเอง แล้วทำไมไม่รักหนู


พ่อแม่ยังรักตัวเอง แล้วทำไมไม่รักหนู

เรื่อง  พ่อแม่ยังรักตัวเอง แล้วทำไมไม่รักหนู

         มันเป็น มันคือ วีถีชีวิต วัฒนธรรมในการดำรงชีวิต ที่ดำเนินอยู่ของคนไทย ของสังคมไทย สามารถมองเห็นได้ทั้วไปในสังคมบ้านเรา และถ้าเห็นภาพที่เกิดขึ้นจริง ในเหตุการณ์จริงแล้ว มานั่งคิดดู สามารถนึกคิดได้ ทำให้มีความรู้สึกได้เลยว่า มันเป็นสภาพวะแวดล้อม เป็นพฤติกรรมที่ตลก น่าขัน ค่อนข้างแปลก คือเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตเด็ก เกี่ยวกับอุบัติเหตุจราจร ที่ทำให้เด็กบาจเจ็บ หรือเสียชีวิตได้  ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในการพัฒนา ให้ปรับตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สังคม มีความเข็มแข้ง มีการพัฒนาของวิถีชีวิต วัฒนธรรมในดำรงชีวิต การดำเนินชีวิต ให้มีความปลอกภัยแก่เด็กเล็ก ซึ่งเป็นเด็กที่ยังต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง

         วิถีชีวิต วัฒนธรรม ในการดำเนินชีวิต ดำรงชีวิตประจำวัน พฤติกรรม ของคนไทย สามารถเห็นอยู่ได้ในสังคมไทย ที่ทำให้เด็กเล็กมีความเสี่ยง ในการได้รับการบาดเจ็บ หรือถึงกับเสียชีวิต คือการใช่พาหนะในการเดินทางของผู้ปกครอง ไม่ว่าเป็น การใช้รถมอเตอร์ไซค์ ใช้รถยนต์ ที่ผู้ปกครองพาเด็กเล็ก ในการเดินทางไปไหนมาไหนด้วย หรือใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับเด็กเล็ก เช่น การเดินทางไปรับไปส่งที่โรงเรียน ไปเที่ยว หรือต่างจังหวัด และอื่นๆฯ

         โดยเฉพาะการใช้รถมอเตอร์ไซค์ เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งเป็นที่มาของความรู้สึก ความคิด ที่ว่าตลก น่าขัน ค่อนข้างแปลก ในเบื้องต้น เพราะ เรา คุณ ท่าน คงเคยเห็นว่าในวิถีชีวิตประจำวัน มีผู้ปกครอง จำนวนหนึ่ง เป็นจำนวนมากพอสมควร ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะ ในการเดินทางไปรับไปส่งลูกๆหลานๆ ที่โรงเรียน มีแทบทุกโรงเรียน ย้ำ อีกครั้ง ที่ว่าตลก น่าขัน ค่อนข้างแปลก มาจากการเห็นผู้ปกครอง ที่เป็นคนๆเดียว ที่สวมใสหมวกกันน็อก บนรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งบ้างครั้งอาจมีเด็กเล็ก ที่เป็นลูกๆ หลานๆ 2-3 คน นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น และที่ยิ่งน่ากลัวมาก เพราะอาจมีเด็กบ้างคน กำลังนั่งหลับอยู่ด้วย และถ้าเกิดประสบอุบัติเหตุจราจรบนถนนขึ้นมา เด็กมีโอกาส บาจเจ็บหนัก และเสียชีวิตได้

         ผู้ปกครองเป็นคนเดียว ที่มีอุปกรณ์ป้องกันภัย ป้องกันการบาดเจ็บ คือหมวกกันน็อก ที่สวมใสมาตั้งแต่ที่บ้าน ซึ่งเหตุผลที่สวมใสหมวกกันน็อกมานั้น มองได้ว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกลัวถูกตำรวจจับ แล้วเสียค่าปรับ แต่คงมีส่วนหนึ่งของความคิดไม่มากก็น้อย ที่สวมใสหมวกกันน็อกมา เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งเป็นคำถามที่น่าหาคำตอบจากผู้ปกครองมากๆ ว่าแล้วทำไมไม่หาหมวกกันน็อกมาสวมใสให้ลูกๆหลานๆด้วย เพราะส่วนใหญ่เด็กเล็กๆ ที่นั่งซ้อนท้ายผู้ปกครอง ที่เดินทางกลับบ้านด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ได้สวมใสหมวกกันน็อกเลย จึงเป็นที่มาของหัวของ เรื่อง พ่อแม่ยังรักตัวเอง แล้วทำไมไม่รักหนู

           เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนถนน ขณะมีเด็กเล็กๆ นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ ที่ไม่ได้สวมใสหมวกกันน็อก ทำให้มีโอกาสได้รับบาดเจ็บสูง มีอาการบาจเจ็บ ที่ค่อนข้างหนักสาหัส หรือเสียชีวิตได้ และในกรณีของเด็กที่เสียชีวิต ขณะนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ ในการเดินทางที่มีผู้ปกครองเป็นคนขับขี่ และประสบอุบัติเหตุนั้น ในประเทศไทย เป็นการประมาณ ในหนึ่งปี มีเด็กเสียชีวิต อยู่ในหลักสิบ หลายสิบคน ที่เสียชีวิตขณะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของผู้ปกครอง และที่บาจเจ็บคงอยู่ในหลักร้อย คงหลายร้อยคน ต่อหนึ่งปี

           อีกเหตุผลหนึ่ง ที่ต้องขอย้ำอีกครั้งที่ว่า ตลก น่าขัน ค่อนข้างแปลก เพราะการไม่สวมใสหมวกกันน็อกของเด็กเล็กๆ   2-3 คน ที่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของผู้ปกครองนั้น ตำรวจไม่จับด้วย ย้ำตำรวจไม่จับ บ้างครั้งตำรวจที่ทำหน้าที่ โบกรถอยู่หน้าโรงเรียน ตามสี่แยกต่างๆ ค่อยอำนวยความสะดวกให้ด้วย อาจเป็นเพราะตำรวจเห็นว่าเป็นเด็ก เลยไม่จับ ซึ่งตามความเป็นจริงตามข้อกฏหมายนั้น เป็นการผิดกฎหมาย และจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องตักเตือน หรือบังคับให้ผู้ปกครองเด็ก หาหมวกกันน็อกมาใสให้ ลูกๆหลาน เพื่อความปลอดภัยของเด็ก

           ส่วนผู้ปกครองที่ใช้รถยนต์ ส่วนใหญ่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ ผู้ปกครองรัดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง เหตุผลเหมือนเดิม เป็นเพราะกลัวถูกตำรวจจับ เสียค่าปรับ หรือเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่เด็กเล็กที่นั่งไปด้วย ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยให้ และตำรวจไม่จับเด็กๆ ที่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัยเหมือนกัน และเหมือนเดิม เด็กๆ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ขณะนั่งอยู่บนรถยนต์ที่ผู้ปกครองใช้ในการเดินทาง จากการประมาณ ในหนึ่งปี หลายสิบคน อยู่ในหลักสิบ ส่วนที่บาดเจ็บ อยู่ในหลักร้อย หลายร้อยคน ต่อหนึ่งปี

            มีความน่าจะเป็น ความเป็นไปได้ที่ว่า ถ้าตำรวจ ผู้เป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม ได้บังคับใช้กฎหมาย ที่มีอยู่แล้ว ตามเจตนารมณ์ขอกฎหมาย ซึ่งสามารถมองเห็นได้เป็นลายลักอักษรด้วย การสูญเสียชีวิต ของเด็กเล็กๆ ที่ผู้ปกครองไม่ได้หาอุปกรณ์ ป้องกันความปลอดภัยเบื้องต้นพื้นฐานมาให้ใช้ ในการป้องกันภัย ป้องกันความปลอดภัย ของชีวิตเด็ก คงลดลงมาก ทั้งจากการใช้รถมอเตอร์ไซค์ ใช้รถยนต์เป็นพาหนะ ในการเดินทางของผู้ปกครอง ซึ่งเป็นวิธีแก้ไข ลดจำนวน เด็กที่เสียชีวิต ที่ได้รับบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุจราจร เป็นหลักใหญ่ รองลงมาคือ ให้โรงเรียน รณรงค์ และออกกฎในการเดินทางของผู้ปกครองที่ใช้ทั้งรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เป็นพาหนะในการเดินทางมารับส่งลูกๆหลานๆที่โรงเรียน ให้ผู้ปกครองต้องหาอุปกรณ์ป้องกันความปลอกภัยในเด็ก การบาดเจ็บในเด็ก มาใช้กับเด็กๆ ทุกคน

             การพัฒนา ปรับตัว เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม วัฒนธรรมในการดำรงวิธี การดำเนินชีวิต ชีวิตประจำวันเดิมๆ ของสังคมไทย ของคนไทย เรื่องของการใช้พาหนะ ในการเดินทางของผู้ปกครอง ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ ที่ไปรับไปส่งโรงเรียน ไปเที่ยว เดินทางต่างๆ ของลูกๆหลานๆ ที่ไม่มี ไม่ใช้อุปกรณ์การป้องกัน ความปลอดภัยให้กับเด็ก ให้มาเป็นการหาอุปกรณ์การป้องกันความปลอดภัยกับเด็กมาใช้ เพื่อลดการสูญเสียชีวิต การบาดเจ็บ ของเด็กเล็กๆ

                 ซึ่งคงเป็นการพัฒนาทำให้ตัวเด็กเอง มีความรู้ ความเข้าใจ มีความละเอียด มีวินัยในการใช้ชีวิต ดำเนินชีวิต ในเรื่องของความระมัดระวัง การป้องกัน ความปลอดภัยในชีวิต จากอุบัติเหตุจราจร ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต และอาจได้ร่วมถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตด้านอื่นๆด้วย ในการเปลี่ยนแปลงนี้ คงเป็นส่วนหนึ่ง เป็นรากฐานหนึ่ง ในการพัฒนาคน พัฒนาสังคม ให้เจริญขึ้นได้ จากการปรับเปลี่ยน พฤติกรรม ในเรื่องของการป้องกันความปลอดภัย ของวิถีชีวิตประจำวันที่ดำเนินอยู่ให้ดีขึ้น

วาทะสอนชีวิต "The future belongs to those who believe in the beauty of their dreams."
- - Eleanor Roosevelt - -
อนาคตเป็นของคนที่เชื่อในความฝันของตัวเองเท่านั้น
                  

                                                                             สืบ ธรรมชาติ

                                                                              3 มิ.ย.2553

หมายเลขบันทึก: 363346เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2010 23:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ...

เด็กๆไม่ค่อยใส่จริงด้วยครับ

หรือว่าหมวกกันน็อคเด็กมันหาซื้อยาก ผู้ผลิตไม่ค่อยทำ

หรือไม่ค่ออยมีการรณรงค์

หรือพ่อแม่ไม่มีเงินซื้อให้

หรือเด็กไม่ชอบใส่

หรือกฎหมายและเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลย

หลายอย่างที่น่าคิดนะครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท