ผมเชื่อในพลังแห่งรัก ผมจึงนับถือศาสนา


พลังแห่งรัก

ผมเชื่อในพลังแห่งความรัก ผมจึงเชื่อมั่นในศาสนา และผมเชื่อว่าพลังแห่งรัก สถิตอยุ่กับพระผู้เป็นเจ้าของทุกศาสนา และแน่นอนว่า ความรักที่ว่านี้ เป็นความปรารถนาดีอย่างล้นพ้น เป็นพลังที่จะทำให้เราเกษมสุขไร้ทุกข์ รักและเคารพกันและกัน ไม่ใช่แค่รักตัวเราเอง แต่รวมไปถึงรักเพื่อนมนุษย์ รักสัตว์ รักชีวิต และรักสรรพสิ่งบนผืนโลก และในห้วงจักรวาล ศาสนา และคุณธรรมของศาสนา จึงเป็นสิ่งมีค่าของผมอย่างสูงล้นในฐานะที่เราจะสามารถสรรค์สร้างสังคมที่ผาสุก และสันติสุขร่วมกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมสงสัยก็คือ ทำไมไม่ว่าผมจะย่างก้าวไปทางไหน ผมเห็นแต่คนเรียกร้องคุณธรรมทางศาสนา กันดาษดื่น ผมเห็นคนไทยจำนวนไม่น้อยที่รังเกียจศาสนา ผมเห็นเด็กไทยที่เบื่อหน่ายการสวดมนต์ไหว้พระ และแน่นอนผมเห็นครูในโรงเรียนในประเทศไทย ที่ฝ่าฝืนคุณธรรมจริยธรรมของศาสนา นี่เป็นเพราะเราเอาศาสนามาบังหน้า และเลือกใช้เรียกใช้แต่คุณธรรมของศาสนาที่จะเอื้อต่อกระแสทุนในยุคปัจจุบันหรือไม่ เราจึงเอาคุณธรรมมาบังคับ กำกับและขู่เข็ญ เด็ก ๆ โดยเฉพาะในโรงเรียน เพียงเพื่อให้เขาออกมาเป็นแรงงานที่ดีของโรงงาน ถ้าเป็นเช่นนั้น แสดงว่า ศาสนารับใช้ทุนนิยม หากจะพูดถึงวิวัฒนาการของสังคมแบบหยาบ ๆ ตามอย่างมาร์กซ์ เราก็เห็นร่องรอยของการเอาศาสนามารับใช้ แลนด์ลอร์ด ศาสนารับใช้เจ้าศักดินา ศาสนา รับใช้นายทุน มาตลอดในสังคมยุโรป

มองในมุมกลับก็คือ ทั้งๆ ที่ศาสนาคือวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นจากความรัก โดยการให้ความรัก และทำให้เกิดความสุขทางจิตวิญาณของบุคคลในขั้นแรก แต่ศาสนากลับถูกบิดเบือน โดยอาศํยศรัทธาเป็นเครื่องชี้นำ น่าอนาถใจกับเด็กไทย ที่โรงเรียนสอนพระพุทธศาสนา เพื่อรับใช้ทุน พระส่วนมากที่เทศนาแต่เรื่องนอกตัวไกลตัว จนเด็กไทนเรา คนไทยเราหาตัวเองไม่เจอ ไม่อาจมีความสุขจากการศึกษาศาสนาได้ซักที

 

คำสำคัญ (Tags): #ศาสนา
หมายเลขบันทึก: 362805เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2010 00:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท