ถึงตาครูกลายเป็นนักเรียนบ้าง


คงไม่ต้องเป็น Master Teacher อีกแล้ว
เมื่อวันที่ 8 เมษาที่ผ่านมา  มีการสอบวัดสมรรถนะครู  ด้วยความกลัวว่าถ้าสอบไม่ผ่านจะต้องไปเข้ารับการอบรม  เลยต้องพยายามไปทบทวนบทเรียนในเนื้อหาที่ไม่ได้รับภาระในการสอน  เพราะครูโรงเรียนขนาดใหญ่มักจะแบ่งกันสอนคนละระดับชั้นเท่านั้น  เนื้อหาส่วนที่ไม่ได้สอนก็จะลืมๆไปบ้าง  เวลานักเรียนสอบโอเนต หรือ PAT2 จึงจะไปทบทวนเนื้อหาสักครั้งนึง  แต่ตอนนี้นักเรียนสอบ GAT PAT กันบ่อยมากจนตามดูไม่ทัน  พอประกาศผลสอบรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เพราะกลายเป็นว่าคนที่สอบผ่านต้องไปอบรม Master Teacher 10 วัน  แล้วครูก็ต้องกลายเป็นนักเรียนอีกครั้ง  แถมเป็นนักเรียนโข่งที่ไม่ค่อยจะฟิต  ครูสอนอะไรก็ฟังไม่ค่อยจะทัน  นอกจากนี้ก็ยังเป็นหลักสูตรเร่งรัดเหมือนกับว่าสมาคมวิทยาศาสตร์นำหลักสูตร 1-3ที่เคยใช้อบรมครูวิทยาศาสตร์หลักสูตรละ 15วัน มารวมเป็นหลักสูตรเดียว และจาก 45 วัน เหลือเวลาแค่ 10วัน คิดดูว่าจะต้องเรียนกันในสปีดไหน ต้องเป็นสปีดเร็วกว่านรกแน่นอน(ประโยคนี่้จะใช้กับนักเรียนเป็นประจำเวลาที่ใกล้สอบแล้วแต่ยังสอนกันไม่จบ)  ผู้เรียนยังไม่ทันสตาร์ทอาจารย์ท่านก็แล่นฉิวเลยหน้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว แถมเรียน 4 วัน สอบ 1ครั้ง วันสุดท้ายหลังสอบยังต้องทำพาวเวอร์พอยท์นำเสนอผลงานการใช้สื่อและแนวทางการทำวิจัยการใช้สื่อหรือการจัดการเรียนการสอนอีกด้วย  ระหว่างที่เรียน ก็มีทำ LAB ซึ่งแน่นอนต้องมี Report  ซึ่งอาจารย์บอกว่าบทนำห้ามเหมือนใน Lab direction แล้วครูแก่ๆกว่าจะพิมพ์รายงานสักฉบับต้องใช้เวลากันขนาดไหน  รู้สึกเหมือนถูกส่งไปลงโทษ  แม้ว่าจะได้ความรู้ดีๆหลายเรื่อง  แต่ภาวะความทุกข์ที่ต้องทำข้อสอบ  และเกรงใจอาจารย์ที่สอนมากกลัวอาจารย์จะเสียใจที่สอนแล้วลูกศิษย์ทำข้อสอบไม่ได้  ทำให้เกิดความสงสัยแนวคิดของสพฐ.มาก  จะมีใครในสพฐ.มาฟังแนวคิดของครูตัวเล็กๆบ้างไหม  อันที่จริง  น่าจะตรวจสอบว่าครูที่สอบไม่ผ่านนั้นไม่ผ่านเนื้อหาในระดับชั้นที่ตนเองสอนหรือไม่  แล้วรีบเร่งที่จะพัฒนาครูที่ไม่ผ่านเพื่อช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีคุณภาพมากขึ้น  การนำเงินมาใช้พัฒนาครูที่สอบผ่านแล้วให้รู้มากขึ้นก็เป็นสิ่งดี  แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรีบทำโดยเร่งด่วน  การที่จะให้ครูที่ผ่านการพัฒนาไปเป็นแม่ไก่อบรมครูอื่นๆในจังหวัดเดียวกันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก  การให้การยอมรับน่าจะน้อยกว่าการอบรมจากคณาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา  สรุปว่า  10 วันที่ครูต้องกลายไปเป็นนักเรียนเป็น 10 วันที่ให้รสชาติเข้มข้นมาก  รถที่นำไปใช้แทบไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากออกจากที่พัก  ไปที่อบรม  ไปกินข้าวเย็น  กลับที่พัก ขอบคุณเจ้าของแนวคิดที่ทำให้ได้ฝึกผจญความเครียด  และได้พบปะเพื่อนๆพี่ๆหลายคนที่ไม่ได้พบกันนานแล้ว  แต่หากจะให้เวลามากกว่านี้  มีเวลาทบทวนก่อนสอบก็จะยิ่งดีขึ้น  และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้น  คาดว่าผลการสอบคงจะไม่ผ่านหลักเกณฑ์ ครูต้อยก็คงไม่ต้องเป็น Master Teacher อีกแล้ว ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า
หมายเลขบันทึก: 361148เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2010 22:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

มาเยี่ยมครูต้อยก่อนนอนค่ะ  ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ  สอนโรงเรียนใหญ่นักเรียนบทบาทก็เป็นไปอีกอย่างหนึ่งนะคะ ของเป็นกำลังใจ"ครู" คนนี้เสมอค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ต้อย

*** แวะมาชื่นชม และยินดีด้วยกับ Master Teacher

*** ถึงตาครูกลายเป็นนักเรียนบ้าง ....ทำให้คิดถึงพี่ต้อยตอนเป็นนักเรียน...ภาพที่เห็นจนชินตาก็คือ พี่ต้อยอ่านหนังสือ อยู่ที่ไหนก็มีหนังสือตลอด...พี่ต้อยเป็นสาวน้อยขยันเรียน....พูดน้อย...ใจดี .... เป็นรุ่นพี่ที่เป้นแบบอย่างที่ดีของน้องๆ

*** ดีแล้วค่ะที่ได้เป็นนักเรียนอีกครั้ง คนคุณภาพ อายุมากเท่าไหร่ก็ยังคงคุณภาพอยู่ดี

*** Master Teacher คือตัวตนจริงๆของพี่ต้อย....ยืนยันค่ะยืนยัน....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท