หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เมื่อได้พบกลุ่มบ้านมกรา (๗) : 5555…เกือบไปแล้ว เกือบได้ “ลองเป็นหมา” เป็นครั้งแรกของชีวิตแล้วเชียว


ไฮกุมีฉันทลักษณ์อยู่ในรูป ๗-๕-๗ ส่วนของเจ็ดคำหลังหากไม่สามารถใส่คำได้ครบก็สามารถใส่คำว่า..อิอิ…เอย…จบแทน ได้

 

มื้อเที่ยงที่เลื่อนเวลาเป็นบ่ายคล้อยมากๆ ไม่ได้ทำให้ศิษย์น้อยในกลุ่มมกราพากันหิว(มากนัก) เห็นหลายๆคนเพลินตาเพลินใจกับฝีมือตำส้มของตัวเองโดยมีน้องครูอาราม มีป้าหวานเป็นพี่เลี้ยงเฮฮา ตำมั่วตำซั่วตำอะไรก็ลองรสกันไป  กี่ครกกี่ครกก็หมดในไม่ช้าเมื่อได้ไก่ทอดอร่อยๆร้อนๆของน้าและป้านายมาเป็น เครื่องเคียง ไก่ทอดป้านายอร่อยที่ซู๊ด

มื้อนี้ได้เห็นเมนูอาหารที่แปลกตาในชีวิต ที่มีรสชาดอร่อยดีปรุงโดย ๒ พ่อครัวหนุ่มโสดฝีมือดีสกุลเฮ  หนึ่งคือส้มตำใส่กะปิ ฝีมือน้องครูอาราม หนึ่งคือน้ำซุปผักรสชาดเหมือนซุปเต้าเจี้ยวฝีมืออ้ายเปลี่ยน ซึ่งเพิ่งมารู้จักทีหลังว่าชื่อ “สุ่ยถัง” วัตถุดิบที่ใส่ปรุงมีผักใบเขียว เต้าหู้ไข่ และลำใยแห้ง (ไม่รู้ว่าน้ำซุปทำยังไงค่ะ)  ขอบคุณ ๒ หนุ่มผู้น่ารักที่ทำให้รู้จักมันค่ะ

อย่าเอ็ดไป เอียงหูมาจะบอกอะไรให้ “พ่อครัว แม่ครัวที่นี่เขาฝีมือดี แถมรูปหล่อ มือสวย หน้างาม ใจดีอีกตะหาก” สนมั๊ยๆ

กินกันไปคุยกันไปอย่างโอ้เอ้ จนกระทั่งท้องอิ่มก็ลุกกันไป ไม่ได้ยินว่ามีนัดหมายจะทำกิจกรรมอะไรต่อไป  อากาศที่ร้อนก็ทำให้ไม่ใคร่มีใครเข้าไปนั่งที่บ้านใหญ่ พี่บู๊ด อ้ายเปลี่ยน และตัวฉันนั่งดูนกยูงทำตัวเป็นนักเลงที่ม้าหินนอกบ้านด้วยกัน ระหว่างนั้นก็เห็นน้องออตเดินถือถ้วยกระเบื้องใบใหญ่กลับมาจากแนวต้นกวานฮ๊อกเดินเข้าบ้านทางหลังบ้าน ในถ้วยมีใบไม้เขียวแช่น้ำอยู่จำนวนหนึ่ง ฉันก็นึกว่าน้องออตจะเด็ดไปทำกับข้าวค่ะ ที่ไหนได้ โดนความคิดมันหลอกเอา

นักเลงจริงอยู่นี่ อย่าแหยมๆ  เข้ามาเป็นโดนนนนนนนนนน

นั่งคุยกันไปสักครู่เรื่องชุมชนบ้าง เรื่องนกยูงบ้าง จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกให้เข้าบ้าน เดินเข้าบ้านก็เห็นน้องออตนั่งคุกเข่าทำอะไรบางอย่างอยู่ใกล้กระดานบอร์ด มีอุปกรณ์เครื่องเขียนหลายๆอย่างวางอยู่ข้างตัว

เดินเข้าไปดูใกล้ๆก็เห็นถ้วยที่น้องออตถือ เข้าบ้านวางอยู่ มีจานอีก ๒ จานวางอยู่เรียงกัน จานหนึ่งมีเม็ดอะไรบางอย่างที่มีปีกใสๆ แต่อีกจานมีเม็ดกลมๆหน้าตาคุ้นๆแต่นึกไม่ออกว่าเป็นอะไร  นึกในใจว่าน้องออตจะให้ทำงานศิลปะประดิษฐ์อะไรนะ หลุดปากถามน้องออตไปว่าเม็ดนี้อะไร เมื่อน้องออตเฉลยก็งงว่าจะเอามาให้ทำอะไร

เอ๊ะ เจ้าเม็ดเล็กๆนี่อะไร ตอบว่า “อาหารหมาค่ะ”

รอน้องๆกลุ่มมกรากันอยู่นาน ตามเรียกกันอยู่หลายรอบ ด้วยพวกน้องๆกระจัดกระจายออกไปใช้เวลาส่วนตัวกันแล้วตั้งแต่ท้องอิ่ม  เมื่อส่วนใหญ่มากันแล้ว พ่อครูก็ส่งไมค์ให้น้องออตรับงาน  เมื่อวานที่กลุ่มเฮและกลุ่มมกราทำกิจกรรมเจ้าเป็นไผ น้องออตไม่ได้อยู่ร่วมวงด้วย บ่ายนี้จึงเป็นครั้งแรกที่น้องๆได้ประชิดตัวน้องออตและรู้จัก

คราวนี้มีเรื่องท้าทายแบบรดต้นคอ อย่าเพิ่งตกใจว่ามีคนท้าตีท้าต่อยกับฉันนะคะ..5555…..ไม่ใช่หรอก มีลุ้นกับการที่น้องออตชวนพี่ๆเล่นแบบถีบลงเหวให้ใจวูบวาบ โยนไมค์ใส่มือวัดใจกันจะจะ ให้พี่ๆเล่าว่า “ออตเป็นไผ” ให้น้องๆรู้จัก ดูเหมือนคนหัวโตจะไม่อยู่ในวงด้วยในช่วงนี้

บรรยากาศ ระหว่างรอครูออตเปิดห้องเรียน

ไมค์ถูกวนไปทีละคนๆ เชื่อว่ามีหลายๆคนลุ้นตัวเองว่า ความรู้จักน้องออตที่ตัวเองมีอยู่นั้น ถ้าใครแย่งพูดไปซะแล้ว ถึงคิวของตนจะพูดอะไรดี

เมื่อไมค์ส่งผ่านจากมือสู่มือ ภาพของออตที่อยู่ในบันทึกความจำของแต่ละคนได้ถูกบอกกล่าวออกมาอย่างไม่ซ้ำกัน เรียงร้อยให้จินตภาพของหนุ่มคนหนึ่งที่มีความสุนทรีย์และความอ่อนโยนในตัว

ระหว่างที่แต่ละคนสื่อความรู้ในตัวที่ รู้จักน้องออตออกมา มือของน้องออตก็วาดภาพของเด็กคนหนึ่งลงบนกระดาษและเติมรายละเอียดตามคำบอก เล่า อาจารย์โสรีช์นั่งมองๆๆๆยิ้มๆๆๆ และร่วมแจมเติมส่วนรายละเอียดด้วยบ้าง

อาจารย์ โสรีช์ร่วมแจมว่า…..อย่างนี้ผมก็แนะนำได้…5555

จนเมื่อไมค์ถูกวนเพื่อคืนไปสู่มือน้องออต อาจารย์โสรีช์ก็ยึดไมค์ไว้แล้วแซวว่า โอ๊ย แนะนำตัวกันอย่างนี้อ่ะ ง่ายจะตาย ผมก็ทำได้ มาผมแนะนำมั่ง ว่าแล้วอาจารย์ก็บรรยายคำพูดออกมาแจมด้วยเป็นที่ครื้นเครง

เมื่อไมค์ถูกคืนสู่มือน้องออต น้องออตก็เคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ นั่งบนเข่าและเอ่ยชวนพวกเราทั้งหมดว่า วันนี้ครูจะมาชวนเด็กๆเรียนรู้และสัมผัสศิลปะกัน  ถ้วยและจานใส่ของที่เตรียมไว้ทั้งหมดถูกยกมาทีละภาชนะให้เห็นช้าๆ  ในขณะที่แต่ละภาชนะถูกยกขึ้นมาโชว์ให้เห็น ไล่เรียงจากถ้วยใส่ใบกวานฮ๊อก ไปจบลงที่จานอาหารหมา ปากน้องออตก็พูดว่า นี่คือของกินได้เดี๋ยวเรามาทำงานศิลปะกัน

แล้วจานใส่เม็ดมะรุมก็ถูกส่งให้แต่ละคน หยิบใส่มือคนละเม็ด  ความคิดที่โผล่ขึ้นมาในหัวฉันเดาไปว่า น้องออตจะให้ใช้เม็ดมะรุมวาดรูป แต่แล้วกลับเป็นให้หยิบเม็ดมะรุมใส่ปากเคี้ยวๆๆช้าๆนานๆ และเรียนรู้สัมผัสความรู้สึกของตัวเองไว้ นำไปเล่าสู่กันฟังในรูปแบบของกลอนไฮกุ

เบื้องหลังแห่งบทกลอนไฮกุบทแรกในชีวิต…ที่เขียนแบบไม่ต้องคิด…แค่รู้สึกแล้วเขียน ก็ได้มา…..ขอบคุณน้องออตค่ะ

ไฮกุมีฉันทลักษณ์อยู่ในรูป ๗-๕-๗ ส่วนของเจ็ดคำหลังหากไม่สามารถใส่คำได้ครบก็สามารถใส่คำว่า..อิอิ…เอย…จบแทนได้ ระหว่างร่วมทำกิจกรรม แวบความคิดก็โผล่มาว่า ๓ บรรทัดที่เขียนเล่าความรู้สึกที่สัมผัสได้ผ่านบทกลอนสั้นๆแค่นี้ ความเป็นเด็กจะไม่ใช้เวลาครุ่นคิดกับมันมากมาย ครูออตเขาสมมติให้เราเป็นเด็ก ลองเป็นเด็กดูหน่อยเป็นไร

อาจารย์ผู้น่ารักก็ลองเป็นเด็กด้วย…..น่ารักซะไม่มี

คิดเร็วมือก็เร็วไปด้วย รับรู้สิ่งที่เห็นและรสที่ชิมอยู่ในปาก เขียนคำลงในกระดาษทันที ก็ได้บทกลอนสั้นๆที่บอกเล่ารสชาดที่สัมผัสออกมาส่งให้ครูออตในพริบตา หันไปดูคนอื่น อืม เขาดูใคร่ครวญกันนาน รีรอยังไม่ส่งงานจนมีคนส่งฉันจึงส่งบ้าง

รับงานของทุกคนมาแล้ว ครูออตก็อ่านบทกลอนให้ทั้งห้องฟัง พร้อมกล่าวชม เก่งมาก ชมแล้วก็ชวนเล่นกันต่อ คราวนี้เวียนถ้วยใส่ใบกวานฮ๊อกให้หยิบไว้คนละใบ แล้วให้ร่างเส้นขอบใบที่เห็นโดยไม่ให้ทาบวาด วาดแล้วก็ให้เอาใบไม้ใส่ปากเคี้ยว

บรรยากาศการเขียนบทกลอนของกลุ่มน้องๆบ้านมกรา

อืม เกิดมาไม่เคยเคี้ยวใบกวานฮ๊อกสดๆ วันนี้ก็ได้ลอง คำแรกรู้สึกผะอืดผะอมเล็กๆ แต่พอเคี้ยวจนแหลกในปากกลับรู้สึกลื่นๆเมือกๆ กัดเคี้ยวอีกคำย้ำเคี้ยวช้าๆ คำที่สองนี้กลับรู้สึกเค็มแฮะ คำต่อมารู้สึกถึงความกรอบของใบไม้นิ่มๆที่ยังสดอยู่และได้กลิ่น คำต่อๆมากลับรู้สึกว่าไม่ีมีรสอะไร แปลกดีค่ะ

เช่นเดียวกันครูออตให้เขียนบทกลอนกันอีกบท  ฉันเล่นเป็นเด็กอีกรอบ ลงมือเขียนทันทีที่นึกความรู้สึกออกมาเป็นคำๆได้ เขียนไปนับคำไปทีละคำครบเจ็ดคำก็หยุด ครบห้าคำก็หยุด ติดเบรคได้ทันๆกันแบบฉิวเฉียดก่อนมีคำเกิน จึงไม่มีีรอยขูดลบขีดฆ่า เสร็จแล้วก็ส่งครูออต

กลอนไฮกุบทที่ ๒ ในชีวิตนี่ก็เขียนแบบไม่คิด น่าแปลกที่อ่านรู้เรื่องได้แฮะ

ครูออตตั้งท่าเหมือนจะอ่านให้ฟังทุกคน เหมือนรอบแรก แต่ก็ไม่อ่าน บอกว่าจะนำไปติดไว้ให้เด็กๆไปอ่าน จบคำก็หันตัวไปยกจานที่มีอาหารหมาขึ้นมาชูขึ้นรอ  เมื่อเห็นท่ารอของน้องออต ความคิดฉันก็วาบขึ้นว่า เอ๊ะๆ นี่จะให้ชิมอาหารหมาจริงๆเหรอ แล้วก็มีเสียงตามมาว่า เอาก็เอาวะ รอบนี้ถ้าครูออตให้กินจริงก็จะกิน ไม่เ็ห็นเป็นไร ที่ตัดสินใจอย่างนี้ด้วยเคยผ่านตาว่าก่อนให้หมาชิม มีคนชิมก่อน อร่อยจึงนำมาให้หมาชิมค่ะ

น้องออตชูจานอยู่สักครู่แล้ววางลง และบอกว่าเอาละ เด็กๆเรียนกันมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้จะหยุดให้พักก่อน ครูออตจะให้การบ้านว่า ให้แต่ละคนไปถ่ายรูปอะไรก็ได้ที่ประทับใจเกี่ยวกับสวนป่า ได้ภาพแล้วให้มาเขียนกลอนไฮกุบรรยาย ตอนหัวค่ำให้มาพบกันและเล่าการบ้านกัน แล้วน้องออตก็ขอวางไมค์ ส่งไมค์ต่อให้อาจารย์โสรีช์แบ่งปันเรื่องราว “แห่งการงานอันเบิกบาน”

“แห่งการงานอันเบิกบาน” เป็นอย่างไร….อาจารย์แบ่งปันผ่านกิจกรรมในภาพ…..ลองแกะรอยดูเองมั๊ยค่ะ

อาจารย์รับไมค์มาด้วยการใช้กีร์ต้าตัวโปรด ชวนบรรดาสมาชิกบ้านมกราร้องเพลงที่มีความหมายให้ทุกคนฟัง เนื้อเพลงมีความหมายที่เกี่ยวร้อยรัดใจของผู้คนเข้าด้วยกัน ไพเราะและอ่อนโยนมากค่ะ ขอบอก

วันนี้เกือบไปแล้ว เกือบได้ “ลองเป็นหมา” เป็นครั้งแรกของชีวิตแล้วเชียว……5555

๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓

หมายเลขบันทึก: 360967เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2010 23:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • ธุ  คุณหมอเจ๊ค่ะ..

เป็นการเรียนรู้ที่แสนจะมีชีวิตชีวามากเลยนะคะ  ^^

หมอเจ๊สบายดีไหม?  

สวัสดีค่ะคุณหมอ

แวะมาเยี่ยมค่ะ น่าสนุกจังนะคะ ทุกท่านน่ารักเนาะ

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาเยี่ยมเยียนกันค่ะ สบายดีนะค่ะ  พร้อมกับมาเชิญชวนไปชม "สุดยอดส้วม...โรงพยาบาลพะโต๊ะ"
  • ขอบคุณค่ะ
    • น้องต้อม เนปาลี ค่ะ
    • ดีใจๆๆๆๆ นะคะที่แวะมาคุยกัน
    • ไม่ได้คุยกันซะนานเลยเชียวนะคะ
    • ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
    • สวัสดีค่ะ น้องคุณยาย
    • ดีใจที่ได้รู้จักมิตรใหม่ค่ะ
    • ......
    • ช่ายเลยยยยยยยยยยค่ะ
    • ทุกคนน่ารักมากกกกกกกกก
    • อยู่ใกล้แล้วมีความสุขและสนุกทุกครั้งไปค่ะ
    • น้อง บุษรา ค่ะ
    • ไม่ได้แวะเข้ามาที่บันทึกซะหลายวัน
    • ไม่ทันสมัยไปซะแล้ว
    • แล้วจะแว๊บตามไปเที่ยวตามคำชวนค่ะ

    ตามมาอ่าน มาเยี่ยมด้วยความระลึกถึงครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท