เจอทั้งขึ้นทั้งล่อง


อาการนี้กระมังที่เรียกว่า เจอทั้งขึ้นทั้งล่อง หรือ เจอทั้งเต็งและโต๊ด

 

หลังจากเข้าเป็นนักศึกษาและรอคอยเวลามากว่าสองสามปี วันที่ ๑๗ พ.ค. ๕๓ ก็ได้รับการยืนยันว่า งานวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของข้าพเจ้าได้รับการลงทะเบียนเข้าสู่กระบวนการสอบสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว รออีกประมาณสองเดือนก็จะสำเร็จเสร็จสมบูรณ์ทุกอย่าง ต้นฉบับงานที่ได้รับการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ได้ถูกส่งกลับมาที่ข้าพเจ้า เพื่ออ่านทบทวนและเตรียมสอบ ฉะนั้นช่วงวันเวลาที่เหลือจึงวางแผนการอพยพหนีความร้อนกัน เพราะที่พุทธคยาตอนนี้องศาความร้อนขยับเข้าใกล้ ๕๐ แล้ว พรรคพวกที่มาจากเมืองไทยก็บ่นอย่างอดทนอดกลั้น ใช้ทุกวิถีทางที่จะป้องกันความร้อนได้ อาบน้ำวันละหลาย ๆ ครั้ง เอาผ้าชุบน้ำมาปูนอนปูนั่งก็ลองมาแล้ว ไม่แคล้วก็ยังร้อนเหมือนเดิม และยิ่งเพิ่มความร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ขืนอยู่ต่อไปเห็นจะเปลื่อยเป็นหมูตุ๋นแน่ ๆ รอจนกระทั่งงานเสร็จแล้วก็รีบพากันเตรียมอพยพ จุดหมายคือเมืองหนาวทางเหนือของอินเดีย ติดเทือกเขาหิมพานต์ หมายตาเอาเมืองกางต็อก สิกขิม เป็นที่พักพิง เมื่อวานนี้(๑๘ พ.ย.)จึงพากันไปหาตั๋วเดินทาง แต่โชคไม่เข้าข้าง แถว ๆ นี้ไม่มีตั๋วว่างเลย (ตามปกติการเดินทางโดยรถไฟอินเดีย ต้องจองตั๋วล้วงหน้าเป็นเดือนถึงจะมีที่นั่ง)จึงใช้วิธีพิเศษ คือ ให้เอเย่นต์จองทางอินเตอร์เนตโดยใช้แบบตักการ (คือจองแบบเต็มราคาแม้ว่าจะลงระหว่างทางก็ตาม โดยเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มและจองก่อนเดินทางภายในสามวันเท่านั้น)ปรากฏว่าจองได้ แต่ต้องทำใจหน่อยคือ ต้องไปขึ้นที่สถานีมูคัลสาหร่าย ห่างจากพุทธคยาไปสองร้อยกว่ากิโลเมตร(ห่างจากพาราณสี ๒๕ กิโล) ตอนบ่าย ๆ จึงพากันไปหาตั๋วรถไฟอีกครั้ง เพื่อเอาตัวไปยังเมืองพาราณสีให้ทันก่อนวันที่ ๒๑ พ.ค.  ปรากฏว่าได้ตั๋วชั้นสลิปเปอร์(ชั้นนอนพัดลม)ขบวนมหาโพธิเอ็กเพรส ออกเดินทางเวลา ๑๔.๓๐ น. ของวันที่ ๑๙ พ.ค. (คือวันนี้) เช้า ๆ ได้ข่าวไม่ค่อยดี ทั้งที่ประเทศไทยและอินเดีย เรื่องของไทยยกไว้ในฐานที่รู้และเข้าใจกันแล้ว  ส่วนที่เมืองแขกมีข่าวว่ามีการเผารถและมีคนตาย รถไฟหลายสายหยุดเดินทาง และยังล่าช้ากว่าเวลาปกติ แต่ก็พากันเสี่ยงดวงไปที่สถานีเผื่อมีรถไฟเดินทาง ตามตารางเวลา ปรากฏว่าดูค่อนข้างเงียบ ซึ่งผิดระเบียบของสถานี เพราะทุกวันทุกวี่มีผู้คนสัญจรไปมาและเข้าออกอย่างจอแจ ตารางเวลาเดินรถไม่ปรากฏขึ้นที่บอร์ดเหมือนวันปกติ มีแต่ข้อความว่าการรถไฟอินเดียยินดีต้อนรับและให้บริการ ขณะที่นั่งรอเวลาก็ได้ยินเสียงแขกสนทนากันว่า รถไม่มี  กาลีไม่มา ( กาลี นะฮีแฮ ) ไม่นานก็มีหนุ่มน้อยหน้ามนคนคุ้นเคยเข้ามาบอกว่า รถไฟที่คุณจะเดินทางยังไม่เข้าสถานี คาดว่าจะเลทไปถึงสามทุ่ม....(โอ๊ย....อยากเป็นลม) ทั้งอากาศร้อนทั้งมามีเรื่องให้กลุ้มใจเพราะรถไฟมาช้า จึงร่วมกันต่อรองเจรจา เหมารถแท็กซี่ ก็เจ้าหน้ามนคนดีของเรานั่นแหละเป็นนายหน้าหารถให้ ตกลงกันได้ราคาสามพันและมีแถมกันอีกสองสามร้อยค่าด่าน เมื่อตกลงกันแล้วก็จะออกเดินทาง แต่ก็ยังเสียดายตังค์ที่จ่ายค่าตั๋วรถไฟไปแล้ว จึงเอาตั๋วไปรีฟันเอาเงินคืน ให้พ่อหน้ามนคนหล่อชื่อดีปั๊ก ( Deepuk ) ไปยืนรอเข้าคิว ขณะที่แถวกำลังขยับ ๆ เข้าใกล้เคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ ก็เหมือนมีเสียงอสุนีบาตฟาตลงตรงศีรษะ เมื่อแขกคนข้างหน้าหันมาขมวดคิ้วยิ้มร่าและบอกว่า เคาน์เตอร์ปิด ได้เวลาเจ้าหน้าที่ดื่มจ๋าย(น้ำชา) ปกติเวลา ๑๔ นาฬิกาเป็นเวลาพักเที่ยงของแขก   หันมาบอกพรรคพวกต่างพากันหัวเราะกับเรื่องราวแปลก ๆ ที่ไม่เคยพบเจอ  “ ไปเฮา....บ่เอาหัวมันล่ะ” พะนะ เสียงดังแว่วมาจากพวกที่ยืนรอ ก็เป็นอันว่าจบ เจอทั้งขึ้นทั้งล่องเลยวันนี้ ภาษาหวยเขาเรียกถูกทั้งเต็งทั้งโต๊ดก็คงจะอย่างนี้กระมัง ฯ

หมายเลขบันทึก: 359978เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2010 07:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท