บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล ข้อเสนอแนะ
รายงานการพัฒนาและผลการใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ที่สำคัญคือ เพื่อสร้างหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ศึกษาความสามารถในการเรียน จากหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 โดยเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 และเพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 เกี่ยวกับหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์)
สมมติฐานการวิจัย
1. หนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) มีประสิทธิภาพ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. ศึกษาความสามารถในการเรียนจากหนังสือส่งเสริมการวิชาดนตรีไทย
3. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้หนังสือส่งเสริมการวิชาดนตรีไทยสูงกว่าก่อนการใช้หนังสือส่งเสริมการวิชาดนตรีไทย
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนวัดสะพาน สำนักงานเขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2551 ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 38 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงาน
กำหนดเครื่องมือที่ใช้ คือ
1. หนังสือส่งเสริมการอ่าน วิชาดนตรีไทย จำนวน 2 เล่ม
เล่มที่ 1 ดีด สี ตี เป่า
เล่มที่ 2 สืบสานตำนานการดนตรีไทย
2. เครื่องมือวัดและประเมินผล จำนวน 1 ชุด
3. แบบทดสอบความคิดเห็นนักเรียน จำนวน 1 ชุด
สรุปผล
ผลการพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 มีดังนี้
1. ได้หนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
2. ค่าประสิทธิภาพกระบวนการของแบบฝึกทักษะ (E1) และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ของแบบทดสอบหลังเรียน (E2) ของแบบฝึกทุกชุดมีค่าสูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 ที่กำหนด ดังนี้
เล่มที่ 1 มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 80.85/80.20
เล่มที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.58/84.04
ค่าประสิทธิภาพโดยรวม เท่ากับ 81.21/82.12
3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนจากหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) ในเรื่องต่าง ๆ อยู่ในระดับมีความคิดเห็นมากที่สุดคือ ร้อยละ 95.79
อภิปรายผล
ค่าประสิทธิภาพกระบวนการของแบบฝึก (E1) และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ของแบบฝึก (E2) จากผลการศึกษา พบว่า ค่าประสิทธิภาพกระบวนการของแบบฝึก (E1) และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ของแบบฝึก (E2) ของหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ(ดนตรี – นาฏศิลป์) แบบฝึกทุกเล่มมีค่าสูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 ที่กำหนด ผลการศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยของ จิราภรณ์ เชาวนา (2542 : 123) ได้วิจัยเรื่อง การสร้างหนังสือส่งเสริมการอ่านสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง "เที่ยวเมืองนคร" พบว่า หนังสือส่งเสริมการอ่าน ที่ผู้รายงานสร้างขึ้นเป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการอ่านสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 เฉลี่ยร้อยละ 80.67/80.50 และชนิสา คชาทอง (2543 : 154) ได้วิจัย การสร้างหนังสือส่งเสริมการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง "เที่ยวเมืองสงขลา" ที่ผู้รายงานได้สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพและกระบวนการที่ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการอ่านสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/850 เฉลี่ยร้อยละ 80.27/80.53
ดังนั้น หนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์)เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี – นาฏศิลป์) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับนักเรียน
1. หนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย นอกเหนือจากการใช้กับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้ว ยังสามารถนำไปใช้กับนักเรียนในชั้นอื่นได้
2. นักเรียนสามารถทำหนังสือส่งเสริมการอ่านกลับไปที่บ้านได้เป็นอย่างดี
สำหรับครูผู้สอน
1. ควรทำหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย ไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วนให้สอดคล้องคลอบคลุมทั้งช่วงชั้น
2. ควรมีการสร้างหนังสือส่งเสริมการอ่านในเรื่องอื่น ๆ และกลุ่มสาระอื่น ๆ เพื่อเป็นการพัฒนาการเรียนการสอนและเร้าความสนใจของผู้เรียน
สำหรับสถานศึกษา
1. ทุกสถานศึกษาได้นำนวัตกรรมหนังสือส่งเสริมการอ่านวิชาดนตรีไทย จำนวน 2 เล่ม ไปใช้เป็นสื่อนวัตกรรมเพื่อพัฒนานักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ได้
2. สถานศึกษาสามารถนำไปเผยแพร่เป็นต้นแบบในการพัฒนาสื่ออื่น ๆ ในกลุ่มสาระต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีในการจัดการเรียนการสอน เป็นวิธีการและกระบวนการที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ เพราะเป็นงานในหน้าที่หลักที่ต้องปฏิบัติ โดยเฉพาะนักเรียนในระดับประถมศึกษา ซึ่งเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ครูทุกคนต้องเอาใจใส่ดูแลและเข้าใจสภาพความแตกต่างของนักเรียนแต่ละบุคคล หรือทำอย่างไรให้เขาเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข เพราะการจัดการเรียนการสอน ของครูจึงต้องปรับปรุงพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ