เมื่อวัศุกร์ที่ผ่านมา กัลยาณมิตรทางธรรมที่สำคัญอย่างแม่สุ ซึ่งเป็นคุณป้าท่านหนึ่งที่เป็นศิษย์และศรัทธาคนสำคัญของหลวงพ่อธีที่แม่ฮ่องสอน ได้โทรมาหาแต่เช้าว่า มีเรื่องที่สำคัญที่อยากบอกหมอ อยากให้หมอเดินทางไปที่วัดถ้ำวัว เชียงดาวร่วมกับคณะศรัทธาหลวงพ่อแม่ฮ่องสอน ขุนยวม
เหตุสำคัญที่ต้องไปอย่างรีบด่วนครั้งนี้คือ แม่เล่าว่าได้ข่าวว่าหลวงพ่อท่านจะไปโปรดญาติโยมที่รัฐฉานแล้วจะไม่กลับมาเมืองไทย เพราะว่าท่านอายุ 90 ปีแล้ว ต้องการพักสังขาร และคิดว่าที่นั่นน่าจะเหมาะที่สุด ทางแม่ก็เล่าว่าอยากให้ท่านไปพำนักที่ขุนยวม
จึงอยากให้พวกเราคณะลูกศิษย์ไปนิมนต์ท่านเอาไว้ไม่ให้ไปพม่าแล้วอยู่เลยที่นั่น อันจะทำให้ผู้คนที่ขาดโอกาสที่จะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอนัตตา ซึ่งเป็นธรรมที่ตรงที่สุดและยากที่สุดเช่นกัน
ผมรับปากกับแม่สุ โดยที่จะจัดการแลกเวรวันอาทิตย์มาเป็นวันเสาร์ ซึ่งทำให้ต้องอยู่เวรติดต่อกัน 48 ชม แล้วต้องตื่นเช้าขับรถไปเชียงดาว3.5ชม และไปกลับ เป็นเรื่องหนักเหมือนกัน แต่ใจนั้นสู้บอกไม่เป็นไรกำหนดสติให้มั่น มันเป็นการเดินทางไปที่สำคัญ เพื่อพบครูอาจารย์ทั้งสามท่าน คือหลวงพ่อ แม่วิ ท่านพระอาจารย์ยาจินต์ ซึ่งจะเดินทางกลับวัดวันนี้จากกรุงเทพ ท่านลงเครื่อง 16.00 น สนามบิน ชม. แต่ว่าคณะของเราได้เดินทางไปรอที่วัดที่เชียงดาวก่อนเเล้ว
ผมออกเดินทางตั้งแต่เช้า9.30 น หลังจากราวว์เช้าไปเเล้ว ผมชวนพี่เอื้อย นอท พี่ตุ๊ก แต่คนที่ไปได้ 2 คนคือผมกับนอท ระหว่างเดินทางไปเราได้สนทนากัน เป็นเรื่องของการภาวนา เส้นทางธรรม และชีวิตทางโลกที่เป็นจริง ทำให้ได้เข้าใจและเรียนรู้กัลยาณมิตรของเราเองมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือการย้อนกลับเข้ามาดูที่ตัวเราเอง
เราเดินทางถึงเชียงใหม่ 12.30 น และได้เเวะทานข้าวเที่ยงและซื้อของไปถวายหลวงพ่อและแม่วิที่โลตัส ชม. จากนั้นก็ขับรถมารับแม่เพ็ญเพื่อนแม่สุ ที่สันทราย ผู้ที่จะเข้ามาบวชเพื่อภาวนาเข้ม 3เดือน แต่ก่อนที่จะมารับแม่ รถเราต้องไปติดที่ศาลากลางชม. ตอนแรกอยู่ไกลๆไม่รู้ว่าติดอะไร นานเกือบ1ชม พอเข้าไกล้ก็ทราบว่าเราติดเพราะรถของพี่น้องนปช จอดหน้าศาลากลางอยู่ 2 เลน จิตใจตอนนั้นก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก ก็ดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในแบบสบายๆ เข้าใจเขา...
เราไปถึงบ้านแม่เพ็ญ ท่านกำลังเก็บของอยู่พอดี จากนั้นก็พักสนทนากันนาน40 นาที เป็นการสนทนาธรรมกับผู้มีประสบการณ์การภาวนามายายนาน20 ปี และผ่านมาทุกสำนัก ในฐานะผู้เริ่มต้นสู่เส้นทางนี้เราต่างสนใจสิ่งที่เเม่เล่าให้เราฟังเสมอๆ รู้สึกได้เรียนจากผู้ที่ผ่านมาโดยตรง ได้ข้อคิดที่ดี สรุปคืออย่าติดสมถะ อย่าหลงอภิญญา แม่ท่านผ่านมาหมดแล้ว มีอะไรอีกมากมายที่ฟังแม่เล่าตลอดการเดินทางจากชม มาที่เชียงดาว1.5ชม
ระหว่าทางที่แม่มาลัยก็ได้เเวะซื้อมะพร้าวน้ำหอมไปถวายวัด10 ลูก และดื่มเองกัน ณ ตอนนั้น อืมเย็นชื่นใจดีมากครับ ใครผ่านก็แวะได้... จากนั้นเราก็เดินทางต่อไป ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปวัดหลวงพ่อครั้งที่สอง จำทางได้แม่นดี ไม่หลงเหมือนครั้งแรกครับ และระหว่าทางผมกับนอทน่าจะได้เจอฝนตกครั้งแรกที่หนักๆของปีนี้ที่เชียงดาว เย็นสบายดีครับ
พลขับแบบผมไม่รู้สึกเมื่อยเลย แม้ว่าจะอยู่เวรติดกัน 2 วันเพราะใจเขาตื่นจากการสนทนาธรรมกับเพื่อนร่วมทาง
เราเดินทางมาถึงวัด16.30 น พบพี่หง แม่สุเเละญาติโยมจากขุนยวมที่เดินทางมาก่อนแล้ว กำลังกินข้าวอยู่ จึงร่วมวงด้วยเลย อร่อยและรู้สึกอิ่มมากเลย
เมื่ออิ่มแล้วผมก็ชวนน้องกาฟิล ลูกชายอายุ 5 ขวบของพี่หง เดินเข้าไปสำรวจถ้ำด้วยกัน น้องก็ยินดีที่จะไป เมื่อเดินเข้าไปในถ้าก็พบผู้ภาวนากำลังนั่งสนทนาธรรมกันอยู่ เข้าใจว่าเป็นภาษาไทยใหญ่ ซึ่งผมก็ฟังออกน้อยมาก แม้ว่าคนที่บ้านจะพูดภาษาไทยใหญ่ เพราะเข้าใจว่าเป็นภาษาไทยใหญ่แบบแท้ๆเลย เริ่มต้นที่การกราบพระพุทธรูปขนาดใหญ่หน้าปากถ้ำก่อน จากนั้นก็อธิษฐานจิตอโหสิกรรมต่อสิ่งต่างๆ ณ สถานที่แห่งนี้หากได้ล่วงเกินทั้งกายวาจาใจ
สิ่งแรกที่เข้าไปหาและดูคือ พระพุทธรูปของพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ ตั้งแต่ที่1-28 ซึ่งตรงนี้มีความน่าสนใจมากครับ เป็นพระพุทธรูปที่สลักด้วยหินสีขาวน้ำตาล ขนาดสูง60-80 ซม หน้าตักกว้าง40-60 ซม ***ที่พิเศษคือพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน และฝีมือการแกะนั้นประณีตและดูสวยงามมาก มีหินสี่เหลี่ยมเล็กๆวางที่หน้าพระพุทธรูป สลักชื่อแต่ละพระองค์ และวันที่ท่านประสูติ ผมตั้งคำถามในใจว่าอืมแล้วลักษณะของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ที่เกะสลักออกมาไม่เหมือนกันเลย แถมดูงดงามอย่างจับจิตจับใจ และสัมผัสถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละพระองค์ เขาเอาแบบมาจากไหนนะ..แต่ก็เพียงคิด มาได้คำตอบจากพี่หง ตอนขับรถกลับตอนห้าทุ่มว่า พี่หงเคยกราบถามหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อเอาแบบมาจากที่ไหนเจ้าค่ะ... หลวงปู่ท่านไม่ตอบ แต่เอามือชี้ที่ศีรษะท่าน คือท่านทราบด้วยตัวท่านเอง เเล้วเขียนออกแบบออกมาให้ช่างแกะสลัก ...
สวยมากครับ ผมว่าถ้าที่อื่นมีเหมือนกันที่นี่ก็ไม่น่างดงามน้อยไปกว่าเช่นกัน น่าจะไปกราบสักการะสักครั้งในชีวิตกันก็ดีนะครับ น่าจะต้องต่อตอน 2 ชักจะยาวเกินไป
kmsabai pai ER01.30 (กลับมาอยู่เวรต่อเที่ยงคืนถึงเช้า)
วันนี้ไปสมัครเรียนต่อ ปรากฏว่าอาจาร์ยแนะแนวบอกว่าต้องเรียน 4 ปี (วันเสาร์-วันอาทิตย์ เพราะวันจันทร์-ถึงวันศุกร์ต้องทำงาน)
โอ้ พระเจ้าต้องเรียน 4 ปี เชียวหรือ ข้าพเจ้าไม่อยากประมาทกับชีวิตเพราะไม่รู้พรุ่งนี้กับชาติหน้าอย่างใหนจะมาก่อน ข้าพเจ้าขอมอบ เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่แสวงหาทางพ้นทุกข์ เรียนวิชาของพระพุทธเจ้า เตรียมเสบียงไว้เพื่อนาทีฉุกเฉินของชีวิต
สรุปคืออย่าติดสมถะ อย่าหลงอภิญญา
ชอบประโยคนี้ค่ะ
เข้ามาเยี่ยมคุณหมอค่ะ
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
หนังสือที่มีคนส่งไปให้อ่าน อ่านแล้วค่ะ คงต้องค่อยๆทำความเข้าใจจากการฝึกปฏิบัติเพราะบางเรื่องก็ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอสุพัฒน์ พี่กุ้งเองนะคะ ดีใจที่ได้เจอเเละรู้จักค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่งดงาม ที่ช่วยเหลือในวันกลับ
คงมีบุญสัมพันธ์กันอยู่นะคะถึงได้มาช่วยเหลือกัน มีโอกาสเชิญที่ขอนเเก่นนะคะ จะพาไปกราบหลวงพ่อกิติศักดิ์ กิติสาโร
หากมีบุญวาสนาคงได้พาครอบครัวไปเที่ยวปายค่ะ
คุณหมอหายไปนาน สบายดีไหมครับ...