จดหมายถึงครูι ฟังเสียงที่มากระทบ ดูใจที่เคลื่อนไหว ด้วยใจที่ผ่องใสเบิกบาน


 

          ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓

สวัสดีค่ะครู

          เมื่อคืนหลังทำวัตรเย็น ลงมานอนอ่านหนังสือที่ครูให้ “พยายามหาคำตอบของคำถามว่า ได้อะไร” แต่เมื่อเย็นทานตำขนมจีน รู้สึกมึนงงในหัวและไม่สบายท้อง นอนหลับไปทั้งหมอนสามเหลี่ยม ตื่นมาทั้งคืน แต่กว่าจะลุกได้ก็ตีสี่กว่า ๆ ระลึกถึงหนังสือที่ครูให้อ่านแล้วก็บอกตนเองว่า

“ลองดู วันนี้จะพยายามทำให้จิตใจผ่องใส ไม่ขุ่นมัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็คือการเรียนรู้”

จัดแจงหุงข้าว เตรียมเครื่องแกง แล้วออกไปวิ่งออกกำลังกาย รู้สึกในตนเองว่า การได้เคลื่อนไหวบ้างตอนเช้า ๆ รู้สึกผ่อนคลาย กลับมา แช่เงาะที่พี่อ้อ ฝากเอาไปวัด ขึ้นไปทำวัตรเช้า ได้ยินเสียงเจ้าชินจัง อ้อ แอ้ แต่เช้าตรู่ รู้สึกถึงธรรมชาติของห้องแถวนี้ กิจวัตรดำเนินต่อไป ลงมาทำกับข้าว พี่อ้อหิ้วปิ่นโตกับข้าว “บอกว่าฝากเอาไปวัดด้วย” หนูรับมาแล้วเอาไปเก็บในรถ การกระทำของพี่อ้อสะท้อนให้หนูเห็นว่า การทำสิ่งดี ๆ แม้เป็นการทำคนเดียว ผู้คนรอบข้างก็สัมผัสได้และมองเห็น บางคนก็พร้อมที่จะลงมาร่วมทำด้วยตามสติกำลัง เป็นสิ่งพิสูจน์ว่า การกระทำของคน ๆ หนึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งรอบข้างอย่างไม่มีประมาณ 

 

 แล้วหนูก็เข้าครัววันนี้ทำแกงเลียง แม้เครื่องจะไม่ครบพร้อม แต่เป็นความตั้งใจที่จะทำ หนูเป็นคนทำกับข้าวไม่เก่ง หลายคนบอกว่าไม่อร่อย แต่ก็พยายามค่ะ โดยส่วนใหญ่เพียงแค่ทำทานเอง หรือไม่ก็ทำถวายพระ ซึ่งก็จะเป็นอาหารง่าย ๆ ตั้งแต่ก่อนไปอยู่เมืองนนท์ก็ทำอย่างนี้ค่ะครู แต่ก็ไปวัดป่าที่ห่างออกไปประมาณ ๑๔ กิโลเมตร แต่ตอนนี้ลองปรับมาเป็นวัดที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านพักมากนัก วันปกติจะตั้งสำรับประมาณเจ็ดโมง พระลงตักอาหารประมาณเจ็ดโมงยี่สิบ ส่วนวันพระและวันเสาร์อาทิตย์ ตั้งสำรับเจ็ดโมงเช่นกัน แต่พระท่านจะพาสวดมนต์เทศน์สอนและลงมาตักอาหารประมาณ ๘ โมงเช้า ซึ่งหนูเริ่มงานแปดโมงครึ่ง ระยะทางจากวัดไปที่ทำงานประมาณ ๗ กิโลเมตร ถือว่าไม่ไกล ขับรถ ๔ ไฟแดงก็ถึง ไฟแดงถี่มากเลยค่ะครู

เมื่อเช้าพอทำกับข้าวแพ็คทุกอย่างเสร็จ ครูโทรมาเตือนสติ เรื่องการบ้าน หนูรับสายแล้วก็นั่งลงรับฟังสิ่งที่ครูชี้แนะ หนูรู้สึกเสียใจ รู้สึกถึงความบีบคั้น แต่ครานี้ที่เปลี่ยนไปคือ ไม่โกรธครู และรู้สึกเห็นด้วยว่าการกระทำเมื่อวานนี้สมควรแล้ว แต่ก็มีความรู้สึกเสียใจ ได้แต่บอกตนเองว่า อดทน อดทนและก็อดทน แม้วางสายจากครูอยากจะก้มหน้าร้องไห้โฮ แต่ก็บอกตนเองว่า นักสู้ต้องอดทน หนูรีบเช็ดน้ำตา อาบน้ำ หิ้วตะกร้าของจะไปวัด สติช่วยให้ใจสว่าง ไม่รู้ว่าคิดเองหรืออะไรค่ะครู หนูรู้สึกเสียใจ แต่แว๊บเดียว ในหัวก็ยังเป็นโล่ง ๆ สบาย เหมือนอยู่ดี ๆ ก็เข้าไปสำรวจข้างในตนเอง ถามตนเองว่า “ใจเป็นยังไง” พอยกสำรับเสร็จ ทานข้าวแล้วจึงไปล้างจานที่กองรวม ๆ กันไว้ ล้างเสร็จก็หอบหิ้วภาชนะขึ้นรถแล้วก็ไปทำงาน พอถึงที่ทำงานก้าวเข้าประตู ทุกคนหันมาสนใจ ทรงผมใหม่ บางคนเดินเข้ามาสอบถามใครตัดให้ แล้วก็ยิ้มหัวเราะ ใจหนูไม่ได้ขุ่นมัว พร้อมยิ้ม หัวเราะกับความเบิกบานของแต่ละคน เช้านี้ตั้งใจว่าจะรีบเขียนการบ้านที่ครูให้ไว้ เจอพี่อ้อในห้องทำงาน รู้สึกได้ว่าท่านมีเรื่องอยากจะเล่า หนูจึงนั่งลง รับฟัง แล้วก็ดูใจตนเองไปเรื่อย ๆ หนูนึกถึงคำพูดของครู “เพียงแค่รับฟังเท่านั้นเอง” ซึ่งจริง ๆ บางส่วนเป็นเรื่องต่อเนื่องที่ฟังจากเมื่อเย็นวานนนี้ รู้สึกนับถือ ใจของท่านที่มีความอดทน ท่านเอ่ยคำว่า “บางทีก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไร แต่ก็คงเพราะว่ายังใช้เขาไม่หมด”

          พอมีเพื่อนร่วมงานท่านอื่นเดินเข้ามาประเด็นจึงถูกเปลี่ยน แต่ก็รู้สึกได้ว่า ผ่อนคลายมากขึ้น พอมีโอกาสจึงเริ่มเขียนบันทึก เริ่มจากจะเขียนว่า “ได้อะไรจากการอ่านหนังสือ” แต่สังเกตเห็นใจตนเองที่ยังรู้สึกผิด และสั่นสะเทือนกับเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ครูโทรมา พอเขียนออกมาจึงแยกบันทึก จากนั้นก็เริ่มเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการย้อนทบทวนในตนเอง เขียนบางตอนก็รู้สึกประทับใจ น้ำตาคลอ รู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่ได้สัมผัส ระหว่างเขียนมีงานเข้ามาแทรกนิดหน่อยพอจัดการงานเสร็จ ก็เขียนต่อ จากนั้นก็นั่งทำงาน จนประมาณเที่ยง ๆ ยกเอาข้าวและกับข้าว แบ่งจากบางส่วนที่ทำไปวัด เอามาทานร่วมกับพี่อ้อ ทานเสร็จรู้สึกง่วง ๆ จึงนั่งตามลมหายใจไปเรื่อย ๆ หลับไปงีบใหญ่ แต่ก็รู้สึกสบายค่ะครู

          บ่าย ๆ มีงานที่ต้องติดต่อประสานทำหนังสือขอความอนุเคราะห์กล้าไม้ รู้สึกดีที่จะได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือบ้าง บ่าย ๆ เริ่มมีเวลาว่าง ต้องรีบจัดการเรื่องแผนงาน ใจไม่ค่อยอยากทำเลยค่ะครู แต่พยายามฝืนเอา นั่งคิด ๆ จะหาทีมจากไหน จึงลองเลียบ ๆ เคียง ๆ พี่อ้อ เพราะท่านมีน้ำใจและมักจะช่วยเหลือผู้คนเสมอ อีกท่านหนึ่ง คือ น้าประยูร แม้ท่านจะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ถ้าได้ใจก็จะเต็มที่ พอได้ทีมคร่าว ๆ ก็เรียนปรึกษาหัวหน้า ต้องทำแผนจัดซื้อต่อ เจอตอที่ไม่ทรายราคาเครื่องมือ และสารเคมี ซึ่งอาจจะต้องปรึกษางานพัสดุ ใกล้ ๆ เลิกงาน พี่มาขออนุญาตฝากของใส่รถกะบะหนูกลับ ซึ่งหนูก็ยินดี การที่เป็นผู้ได้รับโอกาสเสมอ ๆ นี่ทำให้เราเห็นใจตนเองชัดดีนะคะครู เพราะใจหนูไม่ได้ดีเสมอไป แว๊บเห็นความสงสัย แว๊บเห็นความประหลาดใจ แว๊บเห็นความไม่ชอบใจ แว๊บเห็นความพอใจ ใจเปลี่ยนค่อนข้างเร็วแต่ก็เห็นว่าบ่าย ๆ จะไม่รู้สึกแจ่มใสเท่าตอนเช้า ก่อนเลิกงานพี่วิไล มานั่งคุยเรื่องจะโอนย้ายไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนใกล้บ้าน รอเพียงเรื่องจากกรม กรณีนี้หนูก็เพียงรับฟัง ด้วยใจที่ผ่องใส แล้วก็บอกท่านว่า “ทำเต็มที่แล้ว ได้ไปก็คือได้ไป ไม่ได้ไปก็คือไม่ได้ไป” เลยเวลาเลิกงานมานิดหน่อย ขับรถกลับบ้าน มาถึงบ้านพร้อม ๆ กับพี่อ้อ จึงได้คืนปิ่นโต แล้วหนูก็รดน้ำต้นไม้ เปลี่ยนชุดไปวิ่ง แต่เห็นมะม่วงน่าทานจึงหยิบมะม่วงมาทาน ครูขากิเลสมันแรงมาก เผลอแว๊บทานจะหมดแล้ว พี่ข้างบ้านเอามาให้อีก ไม่สังวรว่าตนจะไปวิ่งเลย ทานเสร็จสุดท้ายก็ไปวิ่ง พอเหงื่อเริ่มออกก็รู้สึกผ่อนคลาย ดูกายมันเคลื่อนไป ดูใจมันเปลี่ยนแปลง ไม่จุกอย่างที่กลัวแต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ควรทำ กลับจากวิ่งนั่งเล่นที่เก้าอี้หน้าบ้าน พี่อุ๊พี่ที่เคยพักบ้านนี้แวะมาสอบถามเรื่องค่าใช้จ่าย ท่านจึงนั่งคุยด้วย เหมือนท่านต้องการเพื่อนคุย หนูจึงหยิบเงาะในรถมาล้างแล้วก็แบ่งปันให้ท่านทาน ท่านย้ายออกจากบ้านนี้ประมาณหกเดือนแล้ว ตกแต่งบ้านใหม่ไปพอสมควร แต่ครานี้เดือนหน้าวางแผนจะไปเรียนต่อเอก ต้องย้ายออกจากบ้านที่พึ่งตกแต่งไป รู้สึกเสียดาย ทำให้หนูนึกย้อนกับตนเองตอนย้ายออกจากบ้านหลังเก่า ก็มีแว๊บความรู้สึกเสียดายนะคะ เพราะก็ทำอะไรไว้ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ตัดใจ เพราะยอมรับกับตนเองว่า ไม่ใช่ของเราตั้งแต่ต้น มีโอกาสได้อาศัยก็ดีแล้ว

          พอสักพักพี่อุ๊ก็ขอตัวกลับ หนูจึงทำดีท๊อก แล้วก็อ่านวารสารธรรมะใกล้ตัว ตามเรื่องไปเรื่อย ๆ ไปสะดุดงานเขียนเรื่อง “รักแท้มีจริง” ซึ่งจำได้ว่าครูเคยถืออ่าน อ่านแล้วรู้สึกสนุกน่าติดตาม แต่พอดูนาฬิกาแล้วต้องตัดใจ อาบน้ำ ขึ้นไปสวดมนต์ แล้วก็ลงมาเขียนจดหมายหาครูค่ะ

 

ศีล

ข้อ ๑ มีสัตว์มากมายที่มาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านนี้ ค้างคาว ตุ๊กแก จิ้งจก แมว หรือแม้กระทั่งหมาบ้านข้าง ๆ ก็มานอนข้างก๊อกน้ำหลับบ้าน พออ่านหนังสือของอาจารย์ประมวลที่ครูให้มาก็สะท้อนว่า หนูไม่ควรไปทำอะไรเขา ปล่อยให้เป็นไปตามวัฏจักร เพียงแค่สังเกตเท่านั้น

ข้อ ๒ หนูไม่ขโมยของใคร วันนี้ได้ ต้นใบเตยจากบ้านพี่ประนอม และตะไคร้จากหลังบ้านผอ. กะว่าปลูกไว้พอได้ใช้ค่ะครู

ข้อ ๓ ตอนนี้จดจ่อกับสิ่งที่ทำ จนรู้สึกไม่ค่อยอยากสนใจใครค่ะ และรู้สึกว่าอยู่คนเดียว สบายตัว สบายใจค่ะ

ข้อ ๔ หนูไม่โกหก พูดเอเจอน้อยลง ฟังเป็นมากขึ้น แม้บางครั้ง ใจยังตัดสินเรื่องราวและผู้คนที่ไปสัมพันธ์อยู่ แต่ก็มีความอดทนที่จะฟังมากขึ้น จนรู้สึกว่า “การฟัง ด้วยใจสบาย ๆ เป็นการช่วยเหลือที่ดี”

ข้อ ๕ หนูไม่ดื่มเหล้า ยังมีเผลอบ้างจะ แต่วันนี้จากที่ตั้งใจกับตนเอง จะทำจิตใจให้ผ่องใส รู้สึกว่าสติถี่ขึ้น เห็นใจตนเองชัดขึ้นค่ะครู

หมายเลขบันทึก: 357861เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2010 22:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท