การบินไทย กับเถ้าภูเขาไฟ


ข่าวว่าตอนนี้เจ้าภูเขาไฟที่ไอซ์แลนด์ก็ยังพ่นพิษทำเอาสนามบินที่อังกฤษต้องปิดเป็นบางแห่ง เลยขอมาเล่าประสบการณ์เผื่อใครจะต้องไปติดอยู่ที่ไหนสักแห่ง จะเล่าตามลำดับวันก็เลยมาถึงเรื่องการบินไทยพอดีเลย ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เสียภาพพจน์บริษัท แต่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน รวมไปถึงบริษัทด้วย เผื่อจะหาทางปรับปรุงครับ

 

"ตอนรู้ข่าวปิดสนามบินใหม่ๆ ผมเกรงอยู่ในใจนิดๆว่าอาจจะแจ็คพอท ติดเกาะนาน ภาพแรกที่แวบเข้าในสมอง คือไฟป่าอินโดที่ทำเอาเมืองหาดใหญาตกอยู่ใต้กลุ่มควันเป็นสัปดาห์ ต่อมาก็หมอกควันที่เกิดประจำทุกปีทางเหนือที่ก็อยู่ไปหลายวัน แต่นี่เป็นภูเขาไฟ ซึ่งระเบิดทีไรก็ไม่ค่อยเห็นว่าจะหยุดง่ายๆ แต่ก็ทำใจดีสู้เทวดา (ที่บันดาลให้ภูเขาไฟระเบิด) ไปปฏิบัติงานตามนัดที่ อาจารย์ศิริฤกษ์นัดไว้ให้กับ ศาสตราจารย์ โฮเมอร์ ที่สนใจเรื่อง translational medicine คุยไปก็ห่วงเรื่องกลับบ้านไป

คุณหมอโฮเมอร์ก็คงสังเกตได้ เลยคุยกันได้แค่ชั่วโมงเดียวผมก็ขอตัวไปจัดการเรื่องการเดินทาง ระหว่างนั้นได้ลูกศิษย์ อาจารย์ ปรีดา มาลาสิทธิ์ ที่มาทำวิจัยเรื่องไข้เลือกออกอยู่ที่ โรงพยาบาลแฮมเมอร์สมิทธ เป็นธุระหาข้อมูลเบื้องต้นให้ จากทางสำนักงานการบินไทยในลอนดอน ผมรีบโทรหา อจ จุฑาทิพย์ ได้ความว่า ทีมงานที่แฮมเมอร์สมิธพยายามโทรไปที่สำนักงานการบินไทย แต่ไม่สำเร็จ สายไม่ว่างตลอด ผมตัดสินใจเดินทางไปที่สำนักงานด้วยตนเองเพราะไหนๆก็อยู่ในเมือง ไม่ไกลมาก ไปถึงก็ให้แปลกใจเพราะมีคนรออยู่ 2 คน มีพนักงานว่างอยู่ 1 คน

ผมตรงเข้าไปถามคำถามข้องใจสามคำถามหลัก คำถามแรก ผมต้องทำยังไงกับตั๋วของผม เพราะวันนี้เดินทางไม่ได้แล้ว คำตอบ ไม่ต้องทำอะไร เพราะทำอะไรไม่ได้ แต่เธอก็บอกผมว่าไม่ต้องห่วงเพราะเครื่องที่ผมจะต้องบินกลับตอนนี้อยู่ในยุโรปแล้ว และคงไม่บินกลับเครื่องเปล่า สนามบินเปิดเมื่อไร ผมได้กลับแน่ พวกที่ตกเที่ยวบินหลังจากผมอย่างน้อยก็ต้องรอเครื่องมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นปัญหากว่า เพราะไม่รู้ว่าเครื่องใหม่จะเข้ามาได้เมื่อไร หลังสนามบินเปิด

คำถามที่สอง ถ้าผมไม่อยากรอ ผมจะขอเปลี่ยนตั๋วไปขึ้นที่เมืองอื่นในยุโรปจะได้ไหม เช่น ปารีส เพราะตอนนั้นยังไม่มีข่าวว่าที่ปารีสปิดสนามบิน (บ่ายวันนั้นเครื่องการบินไทยยังบินออกจากปารีสได้) คำตอบที่ได้คือไม่รู้ว่าเปลี่ยนได้ไหม แต่ปกติผู้โดยสารจะต้องซื้อตั๋วใบใหม่แทนใบเก่า ถ้าอยากเปลี่ยนเส้นทาง เพราะนี่เป็นเหตุสุดวิสัยจากเหตุธรรมชาติ สายการบินไม่รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่เธอจะส่งเทเล็กซ์ถามทางกรุงเทพฯ ซึ่งผมต้องตอถึงวันศุกร์ที่ลอนดอน เพราะตอนนั้นเป็นบ่ายวันฟฤหัส แปลว่าที่ กทม ปิดสำนักงานแล้ว และอำนาจการดูว่าตั๋วเปลี่ยนเส้นทางได้ไหม อยู่ที่สำนักงานใหญ่เท่านั้น

คำถามที่สาม ใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายช่วงที่ติดอยู่ในลอนดอน คำตอบเหมือนข้อสอง คือ สายการบินไม่รับผิดชอบ และไม่จำเป็นต้องเทเล๋กซ์ถามกรุงเทพฯ

สำหรับท่านที่ชำ่ชองเทตโนโลยีการสื่อสารคงจะสงสัยเหมือนผมว่า ทำไมต้องเทเล็กซ์ ในขณะที่การสื่อสารสมัยนี้มันดีกว่านี้แยะ ทุกอย่างติดต่อกันได้ในพริบตา และเทเล็กซ์ก็น่าจะล้าสมัยไปนานแล้ว แถมนี่เป็นเวลาไม่ปกติ ทำไมไม่มีใครทำงานนอกเวลากันเลยหรือ แต่ผมมีความอดทนสูงขึ้นเพราะแก่แล้ว เลยไม่ได้ถามมากความ ได้แต่ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้เธอเพื่อให้ช่วยบอกหน่อยว่า ตกลงสถานการณ์จะเป็นยังไง โดยเฉพาะการเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องที่ปารีส เธอสัญญาว่าจะรีบโทรทันทีที่สำนักงานเปิดวันพรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา

ผมกลับไปโรงแรม ดูทีวีตอนเย็นวันนั้นก็ได้ข่าวว่า สนามบินปารีสก็ปิดเหมือนกัน เทเล็กซ์กลับมาบอกว่าอนุมัติให้เปลี่ยนได้ ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้ว่าเทเล็กซ์ได้ส่งหรือยัง

วันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่โทรมาจริงๆบอกว่า ได้รับอนุมัติแล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ผมถามอีกสองคำถาม คำถามแรก ผมจะรู้ได้ยังไงว่า ถ้าสนามบินเปิดผมต้องทำยังไง เพราะพรุ่งนี้เป็นเสาร์อาทิตย์ เธอจะโทรมาบอกข่าวได้ไหม คำตอบ ชัดเจนไม่ลังเล ไม่ได้คะ่ เราปิดสำนักงานเสาร์ อาทิคย์ ต้องไปคอยดูจากข่าว และโทรถามที่สนามบินเอาเอง หรือไม่ก็ถามที่กรุงเทพฯ (โอ้ แม่เจ้า ผมเกือบถามไปแล้วว่า เก็บเงินปลายทางได้ไหม แต่เอาเข้าจริงถึงเก็บได้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะผมโทรจริงๆคืนนั้น แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย มีแต่เสียงอัตโนมัติบอกว่า พนักงานไม่ว่าง และที่สุดก็ขอให้โทรกลับมาใหม่ ผมยังไม่เห็นบิลค่าโทรไม่รู้โดนไปเท่าไร)

คำถามที่สองผมเลยไม่ต้องถามเพราะเธอตอบชัดเจนว่า ให้ไปตามเอาเองจากสนามบิน ถ้าเกิดบินได้ช่วงเสาร์อาทิตย์ ผมมารู้ทีหลังว่ามีคนพยายามโทรเข้าไปที่สำนักงานช่วงเสาร์อาทิตย์ แต่ไม่มีคนรับ แปลว่าที่เธอบอกผมไว้เป็นความจริง แต่มีพนักงานการบินไทยบอกว่า ต้องไปเข้าเวรช่วงเสาร์อาทิตย์ เพื่อคอยช่วยเหลือผู้โดยสาร

ที่แน่ๆผมโทรไปสนามบินที่ลอนดอนช่วงวันเสาร์ ไม่มีใครรับเลยไม่ว่าจะเป็นเบอร์กลาง เบอร์บริการลูกค้า หรือแม้กระทั่งเบอร์ที่ได้มาจากการบินไทยที่กรุงเทพฯ (ภริยาช่วยโทรถามให้)

นี่ยังเล็กน้อยครับสำหรับ บริการการบินไทยลอนดอน ต้องไปอ่านที่ลูกสาวคุณหมอ ชาวเดอรี่เขียนถึงประสบการณ์ติดแหง็กอยู่ที่แฟรงค์เฟิต จะยิ่งรู้ซึ่งถึงคุณภาพบรืการการบินไทย เข้าใจว่า ได้ลงพิมพ์ในสื่อต่างประเทศด้วย เพราะเธอเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้เห็นภาพจริงๆ เชื่อว่าพนักงานที่ได้อ่านน่าจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ดูแลผู้โดยสารให้ดีพอ (แม้จะรู้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ลำบากกันทุกฝ่ายก็ตามที)

ตอนจบผมได้รับความช่วยเหลือจากคนในการบินไทยเลยได้กลับเที่ยวบินแรกจริงๆ แต่เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากกว่าจะได้ขึ้นเครื่อง แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ

แต่ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือจนผมได้กลับมาทันการประชุมสามประชุมในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เพราะถ้าเดินทางตามกำหนดเดิมก็จะพลาดไปทั้งสามงานครับ

หมายเลขบันทึก: 357225เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2010 15:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขออนุญาต ส่งให้การบินไทยโดยตรงนะครับ ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

น่าเสียดายระบบนะคะ..  เดี๋ยวนี้ ใครๆ ก็มุ่งที่ regeneration และ one stop service กันและเขาก็ไปกันไกลแล้วนะคะ..   เพิ่งรู้ว่า ยังมีระบบเทเล็กซ์อยู่..   ขอบคุณที่เขียนบันทึกค่ะ  มีความสุขมากๆ และมีสุขภาพแข็งแรงเสมอนะคะ  ()

มาอีกครั้งค่ะ..   มีเรื่องเกี่ยวกับเวลาทำงานด้วย..  เดี๋ยวนี้ ใครๆ เขาก็มุ่งด้านบริการ  แม้แต่โรงพยาบาล ส่วนราชการ หรือ ธนาคารต่างๆ  ยังเปิดทำการนอกเวลา และมีสาขาย่อยให้ติดต่อ มากมายค่ะ..   

ขอบคุณที่อวยพรให้แข็งแรงครับ

ขอบคุณ อจ ขจิตที่จะส่งต่อ

ทราบว่าท่าน CEO ใหม่แข็งขันจริงจังที่จะปรับปรุงให้บริการดีขึ้น

หวังว่าจะประสบความสำเร็จครับ

ผมส่ง link http://gotoknow.org/file/nhfsch/view/549467 ที่ไป upload file ที่เด็กอายุ 16 เขียนถึงประสบการณ์เขา น่าสงสารกว่าผมแยะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท