เรื่องของการพัฒนาตนนั้น ผู้ที่จะพัฒนาคนต้องเข้าใจวิถีชีวิตแห่งความเป็นคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจริตนิสัยของแต่ละคน
คนเราเดี๋ยวนี้มักเข้าใจคนว่าทุก ๆ คนนั้นเหมือนกัน บางคนไปร่ำไปเรียนมาสูง จบปริญญาเอก จบ ดร. ก็เข้าใจว่าสิ่งที่เรียนมานั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสุ่ม การทดลองจากคน ๆ หนึ่ง หรือเป็น Tacit Knowledge ของคน ๆ หนึ่งที่เผอิญได้รับประสบการณ์จากสิ่งแวดล้อม ณ ตรงนั้น แล้วนำมาเขียนหนังสือ เขียนบทความ ทำเป็นบทความวิชาการเพื่อ "พัฒนาคน"
นักวิชาการรุ่นต่อ ๆ มาเมื่อไปอ่านเจอ ก็คิดว่า อื่ม!!! นี้แหละ หลักการพัฒนาคน จึงลอกเอามาใช้ทั้งดุ้น แต่ขาดความยืดหยุ่น (Flexibility) ที่จะปรับใช้ให้ "เหมาะสม" กับจริตนิสัยของแต่ละคน
เรื่องที่จะนำหลักการใดไปใช้กับคนใดนี้ คนที่จะนำไปพัฒนาจะต้องเข้าใจจริตนิสัยของคนอย่างแท้จริง
คนเราเดี๋ยวนี้มักเข้าใจว่าถ้าเราจะสามารถเข้าใจนิสัยคนได้นั้นก็ต้องไปศึกษาให้มาก ศึกษาคนให้เยอะ แต่ที่จริงแล้วการศึกษาจิตใจคนนั้นก็เปรียบเสมือนการศึกษา "ใบไม้ในกำมือ" นี้แหละ ถ้าเราสามารถศึกษาและเข้าใจจิตใจของตนเองได้ เราก็สามารถเข้าใจถึงความเป็นมาและเป็นไปในจิตใจของผู้อื่นได้
นักวิชาการเดี๋ยวนี้มองออกไปข้างนอกมาก แต่หลงลืมการมองกลับมาที่จิตใจของตนเอง เข้ามาศึกษาจิตใจของตนเองอย่างถ่องแท้
ดังนั้นหลักการของคนที่คิดว่าจะไปพัฒนาคนอื่นนั้น ก็คือต้องพัฒนาตนเองให้ได้ ต้องศึกษา วิเคราะห์ และจัดการกับจิตใจและวิถีชีวิตของตนเองให้ได้ก่อน ถ้าศึกษาจิตใจของตนเองอย่างถ่องแท้แล้ว จัดการกับจิตใจของตนเองได้แล้วอย่างอยู่หมัด เราจะได้หลักการที่เด่นชัดในการที่จะนำไปใช้กับทุก ๆ คน...
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ที่มาจากบันทึก พัฒนาคนให้เหมาะสมกับงาน (Human resource development for the right job...)
ไม่มีความเห็น