กรณีศึกษา : การใช้เฟซบุ๊ค (Facebook) หมิ่นเบื้องสูง


การใช้เฟซบุ๊คเพื่อการสร้างเครือข่ายทางสังคมหรือ Social Network เป็นเรื่องปกติธรรมดาของบรรดาผู้ใช้อินเทอร์เน็ต แต่ถ้าใช้เฟซบุ๊คในการหมิ่นเบื้องสูง ก็ย่อมต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเช่นกัน

การใช้เฟซบุ๊คเพื่อการสร้างเครือข่ายทางสังคมหรือ Social Network เป็นเรื่องปกติธรรมดาของบรรดาผู้ใช้อินเทอร์เน็ต  แต่ถ้าใช้เฟซบุ๊คในการหมิ่นเบื้องสูง ก็ย่อมต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเช่นกัน  ประเด็นของกรณีศึกษานี้ก็คือ  ถ้าใช้เฟซบุ๊คในทางที่ผิดกฎหมายจะได้รับโทษอย่างไร  ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)(5) ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลใดๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าการส่งข้อมูลนั้นเป็นความผิด

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ 1) นำข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมด บางส่วน หรือ ข้อมูลเท็จ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือ ประชาชน 2) ข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน 3) ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือ ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา 4) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะลามกและข้อมูลนั้นประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึง 5) เผยแพร่ หรือ ส่งต่อ ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นข้อมูล คอมพิวเตอร์ตามข้อ 1, 2, 3 หรือ 4 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนกรณีความผิดฐาน ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี

.......................................................................................


'วิภาส'เฟซบุ๊กหมิ่นเบื้องสูง คอตกเข้าเรือนจำ

พนักงานสอบสวนดีเอสไอคุมตัว "วิภาส" นักธุรกิจ จ.ระยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงไปขอฝากขัง เนื่องจากยังสอบสวนไม่เสร็จ พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัว ก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ดีเอสไอในตัวไปควบคุม..

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 30 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควบคุมตัวนายวิภาส หรือ ก้อง รักสกุลไทย นักธุรกิจ จ.ระยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ถึง 11 พ.ค.  เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รวมทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญและรอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่า หากได้รับการปล่อยตัวจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

ตามคำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. เวลา 11.15 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 913/2553 ลงวันที่ 28 เม.ย. ในความผิดฐาน ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)(5) ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลใดๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าการส่งข้อมูลนั้นเป็นความผิด ซึ่งเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ถึง 12 เม.ย.  ผู้ต้องหาได้ทำการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยการโพสต์ภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสมในเว็บไซต์เฟซบุ๊กดอทคอม (www.facebook.com ) ในชื่อ Wipas Raksakulthai ที่ผู้ต้องหาได้เป็นสมาชิก

ทั้งนี้ หากศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาแล้ว พนักงานสอบสวนมีความจำเป็นต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมและเพื่อสะดวกใน การสอบสวน จึงขออนุญาตศาลนำตัวผู้ต้องหามาควบคุมต่อที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. ทางญาติของนายวิภาส ได้ทำเรื่องยื่นหลักทรัพย์ 500,000 บาท เพื่อขอประกันตัว แต่ทางศาลเห็นว่ามีพฤติการณ์รุนแรงไม่สามารถจะให้ประกันตัวได้ พร้อมทั้งออกหมายขังนำตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว.

ไทยรัฐออนไลน์  วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ.2553
http://www.thairath.co.th/content/pol/80110

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 355199เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2010 22:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 16:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณครับอาจารย์ สำหรับความรู้เกี่ยวกับกฎหมายในสื่อสมัยใหม่ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท