วันหนึ่งๆดิฉันทำงานกับผู้คนที่ถูกตีตรามากมาย
ผู้ติดเชื้อ เด็ก-หญิงถูกกระทำรุนแรง ผู้พิการ เด็กวัยรุ่นตั้งครรภ์ คนชราที่ถูกละเลย
หญิงมาปรึกษาเรื่องทำแท้ง คนป่วยถูกทอดทิ้ง คนเร่ร่อนฯลฯ
บุคคลเหล่านี้ถูกคนใกล้ตัว คนในชุมชน สังคมตีตราว่าเป็น"บุคคลมีปัญหา"
เพียงแค่คุณรู้สึกเช่นนี้เท่ากับว่าคุณได้ตีตราพวกเขาแล้ว
บุคคลเหล่านี้จะรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้กระทำผิดทั้งที่เป็นผู้ถูกกระทำ
"ฉันเป็นภาระให้กับคนอื่น" "ฉันทำให้คนอื่นเดือดร้อน" "เป็นเวรเป็นกรรม"
คำพูดที่แฝงไว้ดัวยความรู้สึกผิด
ก่อนที่ดิฉันจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา
คงต้องCounsellingเพื่อเตรียม"สติ"พร้อมเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา
การคลี่คลายปมในตัวตนที่เขามีอยู่เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
เพราะปมมีมาแต่เมื่อไรไม่รู้ บางรายตั้งแต่เกิด บางรายเมื่อรู้ว่าท้อง พิการ
"ปม"นี่แหละเป็นตัวบั่นทอนศักยภาพของคนอย่างมาก
แต่หลายคนนิ่งเฉยที่จะจัดการกับปมของตนเอง
เพราะยอมรับโดยดีว่าเพราะฉันผิดเอง.......
ทั้งๆที่ใครก็ไม่รู้ตีตราเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า.......
สวัสดีครับ แวะมาอ่านบันทึกดีดีครับ...
ใครไม่รู้ตีตรา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วน้องแหม่มก็ถูกลิขิตให้มาช่วยใครไม่รู้
พี่เห็นการทำงานของน้องแหม่มและทีมงานแล้ว
ประทับใจนะคะ
จึงอยากช่วย
การcounselling เป็นศิลปะชั้นสูงของการสนทนา
เมื่อคลื่นเปิดมาเจอกัน การ counselling นั้นย่อมเป็นไปอย่างราบรื่น
และเกืดประโยชน์ทั้งผู้รับ และผู้ให้
ที่ยากมากคือคลื่นของทั้ง 2 ฝ่ายไม่ตรงกัน เฉียดไปเฉียดมา
และบางครั้งเหมือนคนละกล่อง คนละฝา
ต่อให้พยายามก็ไร้ความหมาย
ขอบคุณนะคะที่มอบโอกาสดีๆให้พี่ได้เรียนรู้
ขอบคุณค่ะที่คิดถึงกันเสมอ
แหม่มลี้ภัยกทม.ไปอยู่หาดใหญ่
อบรมทีมเยียวยา5จว.ใต้
เพื่อมาเยียวยาคนกทม.ดีมั๊ยค่ะ
อิอิ...ประโยชน์หลายประการเลยค่ะ
แต่เหนื่อยมากๆ
การบริการให้คำปรึกษาเป็นการสื่อสารสองทางที่ต้องเปิดใจ
ฟังอย่างใส่ใจ คิดอย่างลึกซึ้ง ก็จะถึงบางอ้อของปมต่างๆที่ผู้คนส่วนใหญ่ผูกไว้ในใจ