GotoKnow

นักวิจัยเพื่อท้องถิ่น กับการบันทึก

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2006 19:09 น. ()
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:12 น. ()
ผมนึกเล่นๆว่า หากบนดอยมี อินเทอร์เนต จะแนะนำให้ พะตี่อาศรี รู้จักและแนะนำการเขียน Blog ใน Gotoknow.org ด้วย เพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนผู้แสวงหาความรู้ที่หลากหลาย...อันนี้ผมคิดเล่นๆแค่นั้นเองครับ

ว่าด้วยการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผ่านสื่อ หรือเอกสาร เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือว่าเป็นองค์ความรู้ อย่างหนึ่ง ที่เป็นผลลัพธ์ของการกระทำระหว่างวัน

บ่อยครั้งที่องค์ความรู้เหล่านี้ เลือนหายไปตามกาลเวลา การใช้ประโยชน์จากประสบการณ์เดิม ก็ทำได้ไม่เต็มเท่าที่ควรจะเป็น                 

วันนี้ผมได้โอกาสเข้าร่วมเวที "ชุมชนคนวิจัยเพื่อท้องถิ่น แม่ฮ่องสอน" ซึ่งเราจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยเครือข่ายนักวิจัยแม่ฮ่องสอน (ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๕) ผมได้พูดคุยกับนักวิจัยชาวบ้านท่านหนึ่ง เป็นนักวิจัยชาวบ้านชนเผ่าปกาเกอเญอ หนุ่มใหญ่วัยเฉียด ๕๐ ชื่อ พะตี่อาศรี ศรีโย ทำงานวิจัยประเด็น “การท่องเที่ยวโดยชุมชน” และกระบวนงานวิจัยใกล้จะสิ้นสุดตามช่วงระยะเวลาการทำงานแล้ว

สิ่งที่น่าสนใจประการหนึ่ง ที่ผมสังเกตเห็นและประทับใจ ก็คือ การเขียนบันทึก ของพะตี่อาศรี ว่าด้วยเรื่องการเขียนบันทึก ผมคิดว่าน้อยคนที่จะสนใจบันทึกเรื่องราวตนเอง เพื่อที่จะเก็บไว้เป็นบทเรียน และ หรือ ใช้เป็นจดหมายเหตุให้แก่ตนเอง พะตี่บอกผมว่า “ การที่เขียนบันทึก ก็เพราะว่า เก็บไว้เพื่อทบทวนตัวเอง และเป็นการเตือนตัวเองไปในตัวว่ามีภาระงานใดที่ยังไม่ได้ทำ หรือทำแล้วมีกระบวนการเติบโตอย่างไร อีกทั้งตั้งใจจะเก็บไว้เป็นประสบการณ์เอาไว้สอนลูกสอนหลาน ปกาเกอเญอ” ...นี่ เป็นเหตุผลดีๆที่น่าประทับใจจากนักวิจัยชาวบ้าน ของแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นนักวิจัยที่เป็นชนเผ่ากลุ่มชาติพันธ์ และ อาศรีเรียนจบชั้น ป.๔ และเรียน กศน.ต่อเนื่อง ตอนนี้จบระดับชั้น มัธยมต้น...น่าชื่นใจยิ่งนัก

ผมขอดูบันทึกของพะตี่อาศรี พบว่า ถูกเขียนด้วยลายมือเรียบร้อย มีประเด็นสำคัญสรุปแทรกอยู่ในแต่ละช่วงบันทึก บางบันทึกก็เป็นภาษาชนเผ่าที่แปลกตา ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าตรงนี้ก็ถือได้ว่าเป็นคุณูปการหนึ่ง ของ “งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น” ในการพัฒนาศักยภาพคน ในการบันทึก การเก็บข้อมูล อย่างเป็นระบบ

การสร้าง หรือ เปิดโอกาส ส่งเสริมให้มีการบันทึกกันเป็นนิสัย ถือว่าเป็นความสำคัญยิ่งในการ "จัดการองค์ความรู้" และในที่สุดแล้ว "องค์ความรู้" ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง จะถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ที่สำคัญทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิดของตัวเองด้วย

ผมนึกเล่นๆว่า หากบนดอยมี อินเทอร์เนต จะแนะนำให้ พะตี่อาศรี รู้จักและแนะนำการเขียน Blog ใน Gotoknow.org ด้วย เพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนผู้แสวงหาความรู้ที่หลากหลาย...

อันนี้ผมคิดเล่นๆแค่นั้นเองครับ

สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆ


ความเห็น

nidnoi
เขียนเมื่อ
  • คิดเล่นๆ เช่นกันว่า  ถ้าจะต่อเนตก็น่าจะทำได้ขอให้มี notebook  มือถือ และบลูทรูท   แต่ว่า..คงเปลืองตังน่าดู
  • อีกอย่าง...การบันทึกไว้ในสมุดดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนตัวมากกว่า   บางคนอาจจะชอบแบบนั้น    ส่วนการบันทึกบนเวบ   อาจทำให้ความเป็นส่วนตัว  หายไป  กลายเป็นคนสาธารณะ
  • งานของคุณจตุพร  น่าสนุกนะคะ    งานนี้หรือเปล่าที่บอกว่าเป็น "คำตอบของชีวิต"
  • ถ้ามีรูปให้ดูด้วย   น่าจะดี    อยากเห็นชีวิตคนดอยค่ะ
คุณNidnoiครับ........................... ครับการบันทึกบนเวปอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัว แต่จุดประสงค์ของบันทึกบนเวปคือ "การสื่อสาร" สื่อสารเพื่อการแลกเปลี่ยน ผมดูสมุดบันทึกของพะตี่อาศรีแล้ว น่ารักมากครับ เก่าๆ เยินๆเล็กน้อย แต่มีข้อมูลตั้งแต่ค่ากะปิ น้ำปลา ถึงแผนงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นเลยทีเดียว/// งานที่เป็นคำตอบ ในชีวิตผมเหรอครับ ก็งานนี้เป็นส่วนหนึ่ง ผมมีความสุขที่ได้ ทำ และ ที่สำคัญงานแบบนี้ทำให้ผมมีโอกาสได้ร่วมเรียนรู้กับ คนหลากหลายทั้งกลุ่มชาติพันธุ์-ภาษา-ประเพณี-และนักวิชาการ งานนี้ถือว่าผมได้กับได้ครับ- - - งานส่วนหนึ่งที่ผมตั้งใจจะทำเป็นจริงเป็นจังที่แม่ฮ่องสอน ก็คือ การท่องเที่ยวโดยชุมชน (community based tourism)ครับ ช่วงหลังทำงานวิชาการเชิงสังเคราะห์ในภาพรวมอยู่ทั้งส่วนของภาคเหนือและระดับจังหวัด เพื่อที่จะทำให้งานท่องเที่ยวแบบยั่งยืนแบบนี้ให้เด่นชัดและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ครับ///ผมมีรูปในคลังเยอะครับ ผมชอบถ่ายรูป และแม่ฮ่องสอนเรามีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย และหลากวิถึชีวิตเช่นกัน...วิถีแบบนั้นงดงามและเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ น่าสนใจมากครับ ผมจะพยายามนำภาพเหล่านั้นมาประกอบการบันทึกในครั้งต่อไปครับ
nidnoi
เขียนเมื่อ
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ   
คุณจตุพรเป็นคนหนึ่งที่ตั้งอกตั้งใจตอบข้อคิดเห็น   อ่านแล้วได้เรื่องได้ราว    ตรงใจดีค่ะ   หวังว่าจะได้อ่านเรื่อง  'การท่องเที่ยวโดยชุมชน'   ในเร็วๆ นี้
ขอให้สนุกกันงาน...และยินดีด้วยค่ะที่มีโอกาสได้เลือกทางที่ตัวเองชอบ
ยอดดอย
เขียนเมื่อ
การเขียนเป็นอะไรมากกว่าข้อความเสมอ คุณจตุพรสะท้อนว่าบันทึกมอมๆของคนดอยก็เป็นวรรณกรรมได้ เป็นวรรณกรรมชีวิตที่เขียนอยู่บนพื้นฐานอัตลักษณ์และความจริงของชีวิตของพวกเขา เป็นช่องทางจากมือสู่ใจชาวบ้านได้อีกทางหนึ่งด้วย ใช่ไหมครับ

พี่ยอดดอย

intellectual ของพะตี่อาศรีที่ผ่านการพัฒนาศักยภาพจากงานวิจัยชาวบ้านก่อเกิด วรรณกรรมที่บริสุทธิ์ วรรณกรรมที่สวยงงามเรียบง่าย มีคุณค่า เฉกเช่นพะตี่อาศรีได้ทำ มันทำให้ผมมีกำลังใจและ ตั้งใจในการบันทึกเรื่องราวต่างๆของตนเองมากขึ้นครับ

ขจิต ฝอยทอง
เขียนเมื่อ
  • น่าสนใจมากครับ
  • ชอบศึกษาเรื่องชนกลุ่มน้อยเหมือนกัน
พี่ สุรีย์ กศน.ชุมพร
เขียนเมื่อ

เรียน น้องจตุพร

  ติดตามผลงานตลอด..เยี่ยมมาก ขอให้งานวิจัยท้องถิ่นโดยคนในชุมชน..เป็นพื้นฐานของการพัฒนาคน ในแผน ฯ 10 ชุมชนจะได้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

พี่สุรีย์ กศน.ชุมพร.... ดีใจและเป็นเกียรติมากครับ ที่พี่ติดตามการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาโดยตลอด///งานวิจัยเพื่อท้องถิ่นที่แม่ฮ่องสอน เรากำลังจะทำงานร่วมกับ "กศน" ด้วยครับ บรรดาคุณครู กศน.เอง ก็ทำงานจัดการศึกษา และพัฒนาชุมชนเคียงบ่าเคียงไหล่ชุมชน ประกอบกับ วิธีคิดของ "คนนอกระบบ" แบบ "กศน" ถูกจริตกับ "การวิจัยเพื่อท้องถิ่น" มากครับ
Handy
เขียนเมื่อ
ขอบคุณครับ อ่านทั้งตัวบันทึกและ การต่อยอดของทุกท่านด้วยความรู้สึกที่ดี ผ่อนคลาย หายเหนื่อย ทั้งๆที่หนักมาทั้งวันแล้ว .. ยินดีที่แผ่นดินนี้มีคนดีๆ ทำสิ่งดีๆ โดยไม่หวั่นไหวกับกระแสโลกที่หลักลอย เลอะเลือน และ หลอกลวง ที่เพื่อนไทยไม่น้อยกำลังแหวกว่ายและจมดิ่งอยู่ในวังวน แห่งความหายนะนั้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

อาจารย์ Handy ครับ

             เป็นเกียรติและดีใจเช่นกันครับ ที่มาให้กำลังใจครับ...จุดประสงค์หนึ่งของการเขียนบันทึก ก็คงเป็นเรื่อง "กำลังใจ" นี่หละครับ...ที่ทำให้มีพลังใจในการขับเคลื่อนงานใหม่ๆเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย