การที่คนเราจะค้นพบว่าตัวเองเหมาะกับงานไหนนั้น แต่ละคนอาจใช้เวลาไม่เท่ากัน บางคน ทำงานเพราะต้องการเงินเพื่อเอาใช้จ่ายในครอบครัว บางคนทำเพราะแก้เหงา แต่บางคนทำเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุผลในตัวตนของมัน อยู่ที่ว่าเหตุผลของใครจะน่าฟังมากว่ากันเท่านั้น
สำหรับตัวของดิฉันคิดว่างานอะไรก็สามารถทำได้ หากทำแล้วมีความสุข แม้ว่าจะเป็นงานหนักหรืองานเบา ซึ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ใจถ้าใจเรา เพราะใจเราเป็นใหญ่ที่สุดบังคับได้ยากที่สุด
ดังเช่นงานที่ดิฉันกำลังทำอยู่ทุกวันนี้เป็นงานที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองและเป็นงานที่ใฝ่ฝันและต้องการมานาน ก็คือ "การเป็นแม่พิมพ์ของชาติ" แม่ว่าบางครั้งจะต้องเหนือยใจแทบขาดใจ เพราะต้องดูแลเด็กๆ ตลอดเวลา เกือบ 24 ชั่วโมง ไปไหนก็ไม่ได้ บ้านก็ไม่ได้กลับ บางทีก็ถูกเจ้าในตำหนิอีกตะหาก ก็ยอมรับว่ามีโมโหและน้อยใจบ้าง แต่ทุกครั้งที่เจอปัญหา จะนึกถึงพ่อแม่และญาติพี่น้องที่รอดูความสำเร็จของเรา และที่สำคัญ คือในหลวง เพราะดอฉันตั้งปนิธานไว้ว่าจะตั้งใจทำงานเพื่อในหลวงและแผ่นดินเกิด เพราะโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 เป็นโรงเรียนที่ในหลวงทรงพระราชทานทุนทรัพย์ให้ก่อตั้งขึ้นรับเด็กพิการและเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษาเข้ามาศึกษาต่อ ซึ่งเด็กๆ เหล่านั้นก็คือลูกหลานชาวบ้านตามท้องทุรกันดาน ห่างไกลความเจริญ ที่สังคมไทยยังมีอยู่อีกมาก และรัฐบาลยังให้ความช่วยเหลือไม่ทั่วถึง ซึ่งดิฉันก็เป็นคนในพื้นที่ และเห็นสภาพปัญหาเหล่านี้มานานแสนนานตั้งแต่เกิดจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังเห็นเป็นเช่นนั้นอยู่ และคิดเสมอว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อท้องถิ่นของตัวเอง แม้ว่าจะทำได้ไม่มากมายก็ตาม ก็จะลองทำดู ซึ่งต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ และสำคัญ คือ โรงเรียน ที่ลูกหลานชาวบ้านเข้ามาเรียนกัน และที่ทำได้ คือถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่มีให้เด็กๆ ได้รับ และเป็นที่ปรึกษาในทุกๆ เรื่องที่พอจะทำได้...
**********-***********-****************-**************
ประทับใจในความมุ่งมั่นของคุณ คุณเป็นครูดีจริงๆนะครับ
สวัสดีครับ
ครุเมืองปาย
จากเนื้อหาผมอ่านแล้วคิดถึงบ้านครับ
อยากกลับไปพัฒนาบ้านครับ
แวะมาให้กำลังใจนะครับ
ขอบคุณความเห็นที่ 1ที่เข้ามาเยี่ยมชม
และกำลังใจที่ให้
ขอบคุณความเห็นที่ 2 ที่เข้ามาเยี่ยมชม
เราก็เรียนห้องเดียวกัน
สวัสดีจ๊ะพี่เดือน
อย่าเครียดนะ
พักผ่อนมากๆ
สวัสดีครับ
ผมดีใจแทนเด็กๆนะครับ
ผมคิดว่าคุณจะเป็นครูที่ดีต่อไปในอนาคตนะครับ